14 มิ.ย. 2019 เวลา 02:00 • บันเทิง
ขงเบ้งพบซุนกวนจิวยี่ กังตั๋งเปิดศึก
แม้ขงเบ้งจะตอบโต้เหล่าปราชญ์กังตั๋งให้หน้าหงายกลับไปได้
แต่การจับมือเป็นพันธมิตร จะรบหรือไม่รบนั้นอยู่ที่การตัดสินใจของซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋ง
ดังนั้นการเข้าพบซุนกวนในครั้งนี้ คือชนวนสำคัญที่จะทำให้เกิดศึกใหญ่อย่าง "เซ็กเพ็ก"
ขงเบ้ง จิวยี่ จาก ภาพยนตร์โจโฉแตกทัพเรือ
ในห้องว่าราชการส่วนตัว โลซกย้ำแก่ขงเบ้งอีกครั้งว่า ตอนนี้ซุนกวนยังลังเลยากตกลงใจ อย่าพูดถึงกำลังรบของโจโฉเด็ดขาด
2
ไม่นานนัก เจ้าแห่งกังตั๋ง ซุนกวน ก็เดินเข้ามาในห้อง ซุนกวนเป็นบัณฑิต แต่ท่าทางสง่าองอาจ นัยน์ตาดุจเพชร หนวดเคราสีแดง น่าเกรงขามนัก
ขงเบ้งเมื่อรับทราบถึงรูปร่างหน้าตาของซุนกวนแล้ว ก็คาดเดาว่า สมควรใช้แผนยั่วยุ จะเหมาะกว่าการพูดดีๆ
ทั้งสองคนทักทายกันพอเป็นพิธี ซุนกวนนั้นมีเมืองกังตั๋งทั้งเมืองเป็นเดิมพันจึงเป็ดฉากรุกก่อน
ซุนกวนพยายามอ้อมถามถึงจำนวนกองทัพของโจโฉอยู่เนืองๆ แต่ขงเบ้งกลับเบี่ยงประเด็นไม่ตอบให้กระจ่าง
ซุนกวนจึงต้องถามไปตรงๆว่า"โจโฉส่งสารมาหาข้าว่ามีกองทัพนับร้อยหมื่น หวังจับมือกับข้าตีเล่าปี่ กองทัพของท่านเคยรบกับโจโฉ เรื่องกองทัพนี้พอจะเป็นความจริงหรือไม่"
ตอนนั้นเองโลซกก็พยายามสบตากับขงเบ้ง แต่ขงเบ้งทำเป็นไม่สนใจแล้วตอบซุนกวนไปว่า"เป็นจริงดังคำโจโฉว่า"
"โจโฉมีทหารอยู่แล้วยี่สิบหมื่น เมื่อรบชนะอ้วนเสี้ยวก็ได้ทหารกิจิ๋วเพิ่มอีกห้าหกสิบหมื่น ทั้งยังเกณฑ์ทหารภาคกลางได้เพิ่มอีกสี่ห้าสิบหมื่น ต่อมายึดเก็งจิ๋วของเล่าจ๋องคาดว่าได้เพิ่มอีกไม่สามสิบก็สี่สิบหมื่น เบ็ดเสร็จควรจะมีถึงหนึ่งร้อยห้าสิบหมื่น ที่บอกว่าร้อยหมื่นคงเป็นการถ่อมตนแล้ว"
ซุนกวนเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวดถามขงเบ้งต่อว่า"เหล่าแม่ทัพนายกองโจโฉเล่า เป็นอย่างไร"
ขงเบ้งตอบไปว่า"พวกขุนศึกเชี่ยวการรบ เหล่าที่ปรึกษาก็รอบรู้ คนเก่งของโจโฉมีมากมายเหลือคณานับ"
ซุนกวนแม้แตกตื่น แต่ยังคงแสดงลักษณะท่าทีของผู้นำได้อย่างยอดเยี่ยม ถามขงเบ้งว่าเช่นนั้นควรทำอย่างไร
ขงเบ้งตอบกลับเสียงราบเรียบว่า"ท่านซุนเกี๋ยน ซุนเซ็กล้วนเป็นยอดคน ท่านเป็นผู้สืบทอดแดนกังตั๋งย่อมเป็นยอดคนเช่นกัน ข้าจึงเสนอให้นายข้าจับมือกับท่านรับมือโจโฉ"
"แต่วันนี้ได้มาเยือนกลับเห็นขุนนางกังตั๋งล้วนขี้ขลาดตาขาว ยุให้นายยอมแพ้ เหล่าขุนพลกลับเสนอให้สู้ตาย จึงขอแนะนำท่านถ้าเห็นว่ากำลังตนพอจะสู้ได้ก็สู้ ถ้าเห็นว่าไม่ได้ก็รับฟังเหล่าขุนนางยอมแพ้เสียเถอะ"
ซุนกวนรีบถามกลับว่า"แล้วทำไมนายของท่าน เล่าปี่ ที่มีทหารเพียงน้อยนิด ถึงยังคิดจะสู้เล่า"
ขงเบ้งตอบว่า"เล่าปี่นายเรามีศักดิ์พระเจ้าอา เป็นคนราชวงศ์ฮั่น ถึงแม้จะสู้ไม่ได้ก็ไม่ขอไปเข้ากับโจโฉ เพื่อไม่ให้ประชาชนมาตำหนิติเตียนแลหยามหมิ่นที่เข้าด้วยโจรกบฏ"
ซุนกวนเมื่อได้ยินคำตอบที่แฝงคำสบประมาท ก็ขุ่นเคืองใจ แต่ยังคงรักษาท่าที สะบัดแขนเสื้อเดินหายออกไปทันที
โลซกรีบเขามาหาขงเบ้งตำหนิว่าท่านทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำไมไม่ขอร้องกันดีๆ
ตัวขงเบ้งตอบไปว่านี่คือการลองใจ ถ้าซุนกวนไม่ยอมสู้ก็เป็นเรื่องอับจนปัญญา แล้วบอกโลซกว่าตนเองมีแผนไว้แล้ว ขอให้โลซกช่วยเจรจากับซุนกวนให้ออกมาพบอีกสักหน
ด้วยความพยายามของโลซก ซุนกวนก็ยอมออก
มาพบขงเบ้งอีกครั้ง
คราวนี้ขงเบ้งเอ่ยปากก่อน บอกซุนกวนว่า"ที่ข้าบอกท่านว่าโจโฉมีทัพร่วมร้อยหมื่น แม้จะเป็นจริง แต่โจโฉคงใช้ประโยชน์ได้ไม่ถึงสองในสิบ"
"เหตุว่าการรบในแดนใต้ ยุทธภูมิส่วนใหญ่จะเกิดทางน้ำ ทหารแดนเหนือและภาคกลาง ร่วมร้อยหมื่นถนัดทหารม้า เพียงหลงเหลือทหารเก็งจิ๋วสี่ห้าสิบหมื่น ที่พอจะหวังพึ่งได้"
"แต่กองทัพเก็งจิ๋วพึ่งได้นายใหม่ ความจงรักภักดียังไม่มี ขาดขวัญกำลังใจ จะมีสักกี่คนที่ยอมสู้ตายถวายชีวิต ดังนั้นทหารประสิทธิภาพสูงสุดของโจโฉคงมีแค่ไม่เกินยี่สิบหมื่น"
ซุนกวนได้ฟังดังนั้นก็พอใจ ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะรบกับโจโฉแน่นอน
แต่เตียวเจียวที่ปรึกษาใหญ่กลับยังแนะนำให้ยอมแพ้อยู่
แต่ก่อนซุนเซ็กสั่งเสียว่า"การภายในให้ถามเตียวเจียว งานภายนอกให้ปรึกษาจิวยี่" จึงให้โลซกเร่งไปตามจิวยี่มา
จิวยี่เมื่อทราบเรื่องทั้งหมด ก็ขอคุยเป็นการส่วนตัวกับขงเบ้งโดยมีโลซกเป็นคนกลาง
เมื่อทั้งสองทักทายกันเสร็จเรียบร้อย จิวยี่เริ่มพูดก่อนว่า"โจโฉได้รับราชโองการจากฮ่องเต้ ปราบปรามแดนใต้ อีกทั้งเพื่อความสงบของแดนกังตั๋ง ข้าคิดว่าควรยอมแพ้จึงถูกต้อง"
เมื่อโลซกที่นั่งอยู่ข้างๆได้ฟังก็ไม่พอใจ ทุ่มเถียงวุ่นวายกับจิวยี่อยู่ ขงเบ้งเมื่อเห็นทั้งสองทุ่มเถียงกันก็โบกพัดขนนกสบายใจ หัวเราะชอบใจใหญ่
จิวยี่จึงหันมาถามขงเบ้ง"ท่านหัวเราะเช่นนี้ เยาะเย้ยที่ข้ายอมแพ้ต่อโจโฉหรือ"
ขงเบ้งกลับตอบว่า"ข้ามิได้หัวเราะท่าน แต่หัวเราะท่านโลซกที่ดูสถานการณ์ไม่ออกต่างหาก"
จิวยี่ได้ฟังคำตอบของขงเบ้ง ก็รู้ทันทีว่าฮกหลงคนนี้คือคนที่ต้องระวังที่สุด ไม่อาจประมาทได้
เพราะว่าคำพูดของจิวยี่นี้กล่าวเพียงเพื่อหวังให้ขงเบ้งเผยท่าทีขอร้องตน ตนจะได้อยู่ในสถานะที่เหนือกว่า
แต่แทนที่ขงเบ้งจกหลงกลกลับเล่นตามน้ำ ไหลลื่นต่อไปได้
ขงเบ้งเองเข้าใจความคิดของจิวยี่แล้ว ทีนี้ถึงตาแผนของตนเองบ้างแล้ว
ขงเบ้งบอกแก่จิวยี่ว่า"ถ้าท่านต้องการสงบศึก ขอเพียงส่งของสองสิ่งนี้ไป โจโฉย่อมพอใจแน่นอน"
จิวยี่จึงถามว่าเป็นสองสิ่งไหน ขงเบ้งก็ตอบไปว่า"ว่ากันว่าเมื่อคราสร้างปราสาทยูงสัมฤทธิ์ โจสิดลูกคนที่สี่ของโจโฉ แต่งคำประพันธ์ไว้ เพียงอยู่ในหอเคียงคู่นางสองเกี้ยว ไม่มีสิ่งใดเป็นสุขกว่านี้แล้ว"
"โจโฉเองเป็นคนลุ่มหลงในกาม ของสองสิ่งนี้ก็คือนางสองเกี้ยว สองสาวงามแห่งกังตั๋ง"
จิวยี่เมื่อได้ยินดังนั้นก็โกรธนักชี้มือไปยังทิศทางค่ายของโจโฉ สบถด่าทออยู่พักใหญ่ แล้วให้คำมั่นว่าจะขอสู้รบกับโจโฉแน่นอน
โลซกที่อยู่ข้างๆรีบพูดกับขงเบ้งว่านางสองเกี้ยวนั้น นางหนึ่งไต้เกียวเป็นฮูหยินซุนเซ็ก อีกนางหนึ่งเสียวเกี้ยวเป็นฮูหยินจิวยี่
ขงเบ้งเมื่อได้ฟังก็ทำท่าทางตกใจ รีบขอโทษจิวยี่
จิวยี่เมื่อตัดสินใจได้ก็ออกมาแนะนำซุนกวนให้ออกรบ ทีนี้ความมั่นใจของซุนกวนก็เต็มร้อยแล้ว
จึงเรียกประชุมขุนนางกังตั๋ง เมื่อมาพร้อมกันแล้วซุนกวนนำกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา ฟันมุมโต๊ะบิ่นไปข้างหนึ่ง!!
แล้วประกาศกร้าว ใครผู้ใดเอ่ยเรื่องยอมแพ้อีกจะเป็นดังโต๊ะตัวนี้ แล้วตั้งจิวยี่เป็นแม่ทัพใหญ่เตรียมรบกับโจโฉ
การทูตครั้งนี้จึงเป็นการประสำเร็จอย่างสูงของขงเบ้ง
ที่สำเร็จได้นั้นก็เป็นเพราะขงเบ้ง รู้เขารู้เรา ขงเบ้งรู้ใจซุนกวน รู้ว่าคนแบบนี้ต้องพูดอย่างไร
ทั้งยังเข้าใจจิวยี่ รู้ว่านางเสียวเกี้ยวสำคัญอย่างไร จึงใช้สิ่งที่"รู้"ให้เป็นประโยชน์
คนเราเมื่อรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครา
ดังนั้นไม่ใช่แค่ใส่ใจตนเอง แต่ต้องสนใจฝ่ายตรงข้ามด้วย
ถ้าทำได้แล้วไซร้ ชัยชนะจะหนีไปไหนได้เล่า...
ถ้าชอบก็ฝากกดไลก์👍 กดแชร์➡
กดติดตาม🔁 ฝึกเขียน ด้วยนะครับ🙏🙏🙏
โฆษณา