13 มิ.ย. 2019 เวลา 02:00 • บันเทิง
สงครามน้ำลาย ขงเบ้งพบปราชญ์กังตั๋ง
การทำสงครามไม่ใช่แค่การนำอาวุธมาฟาดฟันกัน ใช้กำลังเข้าปะทะกันอย่างเดียว
การพูดจาหว่านล้อม ยั่วยุ ชักจูง โต้วาที แลกเปลี่ยนวาทะ เพื่อหวังผลอะไรสักอย่างนึง ก็คือสงครามดีๆนี่เอง
"สงครามน้ำลาย"บางครั้งอาจจะดุเดือดยิ่งกว่าสงครามปกติเสียอีก
เรือลำน้อยค่อยๆแล่นเทียบท่า ท่าน้ำแดนกังตั๋ง โลซกในฐานะผู้เหย้า เดินนำขงเบ้งเข้าพบซุนกวน เจ้าแคว้นง่อ
โลซกกล่าวว่า "ตอนนี้กองทัพกังตั๋งมีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เป็นที่หนักใจท่านซุนกวนนัก"
"ถ้าพระเจ้าอาเล่าปี่ อยากจะจับมือเป็นพันธมิตรกับนายท่านซุน ขอให้ท่านขงเบ้งอย่าได้พูดถึงความน่ากลัวของโจโฉ"
ขงเบ้งได้ฟังก็หัวเราะ บอกให้โลซกไม่ต้องกังวล ตนมีแผนอยู่แล้ว
หลังจากเล่าปี่ขงเบ้งอพยพชาวบ้านข้ามเนินเตียงปัน ได้ไปอาศัยอยู่กับเล่ากี๋ลูกคนโตของเล่าเปียวที่เมืองกังแฮ
ส่วนโจโฉ ไม่ต้องใช้ทหารสักคน ยึดเมืองเก็งจิ๋ว เพราะเล่าจ๋องลูกคนเล็กของเล่าเปียวเปิดประตูเมืองยอมแพ้ ทั้งที่ยังไม่ทันรบ
ขงเบ้งจึงอาสาเป็นทูต จับมือกับซุนกวน เป็นพันธมิตรซุน-เล่า โค่นโจโฉ
ณ ลานประชุม ซุนกวนยังไม่มา ขงเบ้งนั่งอยู่ตรงกลาง รายล้อมไปด้วยปราชญ์กังตั๋งหลายสิบชีวิต
บัณฑิตชรานาม เตียวเจียว มีตำแหน่งเป็นอาจารย์ของซุนกวน เริ่มทักทาย ฮกหลง ก่อน
เตียวเจียว กล่าวยกย่องนับถือขงเบ้ง แล้วกล่าวว่า "พระเจ้าอาได้ท่านมาดังมัจฉาได้น้ำ คิดอาศัยท่านครองเก็งจิ๋ว แต่บัดนี้เก็งจิ๋วครึ่งหนึ่งอยู่ในมือโจโฉ ท่านจะว่าอย่างไร"
1
ขงเบ้งตอบกลับด้วยความสุภาพว่า "นายข้าไม่ยึดเก็งจิ๋วเพราะคุณธรรมไม่อยากทรยศเล่าเปียว เล่าจ๋องไร้ความคิดทำเสียการ นายข้าจึงไปตั้งมั่นที่กังแฮวางแผนล้ำลึกที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ"
เตียวเจียวถูกยันกลับมา รีบเปลี่ยนเรื่องว่า "ท่านเปรียบตนเป็นขวันต๋ง งักเย ทั้งสองท่านล้วนทำให้ผู้ที่ไร้อำนาจ ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้ แต่ก่อนพระเจ้าอาได้ครองชีจิ๋ว ซินเอี๋ย ตอนนี้ได้ท่านมากลับต้องหนีเตลิด ทิ้งลูกเมียที่เตียงปัน ไร้ที่พักพิง แบบนี้หมายความว่าอย่างไร"
ขงเบ้งยังคงตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ "นกกระจอกหรือจะรู้ใจอินทรี เล่าปี่นายข้าโลดแล่นสร้างชื่อเสียง แต่โชคไม่เข้าข้างต้องระเห็จมาอยู่ซินเอี๋ย"
"เมืองซินเอี๋ยเป็นเมืองเล็กกระจ้อย มีทหารอยู่แค่หลักพัน แต่สามารถเผาทุ่งพกบ๋อง น้ำท่วมแป๊ะโห ทำลายทัพโจโฉร่วมยี่สิบหมื่น แฮหัวตุ้น โจหยินล้วนหนีตายหายสิ้น"
"เหตุการณ์ที่เนินเตียงปัน เป็นเพราะนายข้ามีความเมตตาห่วงประชาชน"
"ผิดกับพวกที่มีทหารมีเสบียงมากมาย กลับไม่กล้าต่อสู้ เอาแต่หดหัวในกระดอง เก่งเพียงทำศึกในกระดาษ น่าหัวร่อนัก"
เตียวเจียวรู้สึกเสื่อมเสียหน้า พูดอะไรไม่ออก
ยีหวนที่นั่งข้างๆสงบอารมณ์ไม่อยู่โพล่งออกมาว่า
"พูดจาน่าฟัง แต่แพ้ก็คือแพ้ แก้ตัวอยู่ได้ ยังมาคุยเรื่องคุณธรรมอะไรกัน"
ขงเบ้งยันกลับไปว่า"นายข้าสาบานพิทักษ์ธรรมสู้ตายไม่หวั่นเกรง ตระกูลซุนเข้มแข็ง ทั้งยังมีปราการธรรมชาติ เหล่าลูกน้องกลับยุให้นายยอมแพ้ ช่างไม่อายฟ้าดินจริงๆ"
ยีหวนก็นิ่งอึ้งไป โปเจ๋าปราชญ์อีกคนยิ้มให้ขงเบ้งแล้วกล่าวว่า "ท่านขงเบ้งพูดเก่งน่านับถือ ถ้าเกิดในยุคชุนชิว คนอย่างซูฉิน จางอี๋คงไม่เกิดแล้ว"
ขงเบ้งตอบกลับไปว่า "ท่านคิดว่าสองท่านนี้ดีแต่พูดอย่างงั้นหรือ ซูฉิน จางอี๋ ล้วนมีผลงานสูงส่ง ไม่ข่มเหงผู้อ่อนแอ ไม่กลัวคนถืออำนาจบาตรใหญ่ ผิดกับพวกท่านแค่ได้ยินโจโฉยกทัพมา ก็ยุให้นายยอมแพ้ มิกล้าออกรบ จะพูดมากไปไย"
คราวนี้ซีหองกล่าวแทรกขึ้นมาว่า "ท่านคิดว่าโจโฉเป็นคนอย่างไร"
ขงเบ้งรีบตอบกลับ "เป็นโจรกบฏ ศัตรูราชวงศ์
ฮั่น"
ซีหองเอ่ยเอื้อนว่า"ราชวงศ์ฮั่นสิ้นสูญ โจโฉก็ชิงแผ่นดินได้เกือบสองในสาม ดูแลองค์ฮ่องเต้ พระเจ้าอาเองเป็นเชื้อพระวงศ์ไยต้องขัดโองการสวรรค์ นำไข่ไปกระแทกหิน"
ขงเบ้งตอบกลับด้วยความเดือดดาล "เสียทีที่ท่านเป็นปัญญาชน กลับพูดจาเช่นนี้ออกมาได้ ท่านทั้งหลายล้วนเป็นขุนนางในราชวงศ์ฮั่น แทนที่จะช่วยเหลือค้ำจุนกลับยอมรับโจรกบฏ น่าอายแทนนายพวกท่านนัก"
ลกเจ๊ก ปราชญ์อีกคนเริ่มพูดบ้าง "โจโฉแม้จะดูหยาบช้า แต่ก็มีเชื้อสายขุนนางฮั่น พระเจ้าอาแม้มีศักดิ์เป็นเชื้อพระวงศ์ แต่ความจริงเป็นเพียงคนทอเสื่อขาย ควรหรือจะไปสู้กับโจโฉ"
ขงเบ้งหันมาหาลกเจ็กแล้วกล่าวว่า"ท่านนี้หรือชื่อลกเจ๊ก สมัยเด็กขโมยส้มอ้วนสุดไปให้มารดา"
"โจโฉนั้นมีชาติตระกูลดีก็จริง แต่กลับทำเสียชาติตระกูล พระเจ้าอาอย่างไรก็มีศักดิ์จริง ตามพระราชพงศาวดาร สมัยก่อนพระเจ้าฮั่นโกโจก็เติบโตจากชาวนา มิใช่คนไร้ชาติตระกูลหรอกหรือ"
เหยียมจุ้นรับฟังอยู่นั้นตบพื้นเสียงดัง แล้วกล่าวว่า"ท่านดีแต่โต้เถียงกัน อ้างโน่นอ้างนี่ ข้าขอถามท่านยึดคัมภีร์ตำราใด ในการกระทำเพื่อแผ่นดิน"
ขงเบ้งใจเย็นตอบกลับว่า "ตำราดีย่อมสมควรอ่านหาความรู้ แต่ถ้าอ่านแล้วไม่รู้จักแยกแยะก็เป็นเพียงหนอนหนังสือมิได้ความ"
2
"ยอดคนสมัยก่อนที่สร้างคุณงามความดีไว้ ก็มิได้เขียนตำราใดๆทิ้งไว้ ต่างจากหนอนหนังสือท่านที่ดีแต่ดมกลิ่นหมึกรำอักษร"
จากนั้นเทียตก ก็ยกคำโบราณขึ้นมาตำหนิขงเบ้ง
ขงเบ้งก็ตอบแก้เผ็ดด้วยคำโบราณเช่นกัน
ในระหว่างที่การเจรจากำลังดุเดือด อุยกายขุนพลอาวุโสสามแผ่นดินก็เข้ามาพอดี
อุยกายรีบมาคารวะขงเบ้ง กล่าวว่า"ท่านอย่าเปลืองน้ำลายกับคนพวกนี้เลย เตรียมไปพบกับนายข้าดีกว่า"
ขงเบ้งก็ตอบไปว่าเหล่าปราชญ์มีข้อสงสัยข้าก็เพียงแต่ตอบไปเท่านั้น แล้วก็ตามอุยกายไปเข้าพบ เจ้าแห่งแยงซี ซุนกวน
จากเนื้อเรื่องตอนนี้ ขงเบ้งและเหล่าปราชญ์ล้วนโต้ตอบกันอย่างถึงพริกถึงขิง
เป็นช่วงตอนหนึ่งที่"สงครามน้ำลาย" สนุกสนาน ดุเดือด ไม่แพ้ตอนทำสงครามจริงๆเลย
แต่สงครามครั้งนี้ยังไม่จบ ขงเบ้งยังต้องปะทะฝีปากกับผู้ครองแคว้นกังตั๋งและแม่ทัพใหญ่
แห่งกังตั๋งต่อไป
เขาว่ากันว่าวาจาของมนุษย์คมยิ่งกว่าใบมีด
ถึงมีดบาดเป็นแผลที่ภายนอก
แต่ขอบอกยังรักษาให้หายได้
วาจาว่าร้ายทำลายจิต
ไม่มีสิทธิ์รักษาให้หายขาด
คิดก่อนพูดสักนิด ปัญหาในชีวิตก็ลดลง
ถ้าชอบก็ฝากกดไลก์👍 กดแชร์➡
กดติดตาม🔁 ฝึกเขียน ด้วยนะครับ🙏🙏🙏.
โฆษณา