21 มิ.ย. 2019 เวลา 19:49 • ธุรกิจ
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้คนไทยใช้จ่ายเกินตัวและหากไม่ทำอะไรบางสิ่งบางอย่างแล้วมีโอกาสสูงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั้งประเทศถดถอยจนอาจจะเป็นประเทศที่มีหนี้สินล้นพ้นตัวและอาจต้องเป็นประเทศล้าหลังชาติอื่นๆในที่สุด?
ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่าวันนี้เป็นการแบ่งปันข้อมูลที่เป็นไปในเชิงความเห็นด้านเศรษฐกิจมากกว่าการตลาดและมีข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือมายืนยัน แต่แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อการทำตลาดในอนาคตอย่างแน่นอน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (ประชาชาติธุรกิจ 1 April 2019) เปิดเผยยอดคงค้างเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือน หรือ “หนี้ครัวเรือนไทย” ขยับสูงขึ้นมาอยู่ที่ 12.827 ล้านล้านบาทในไตรมาส 4/2561 สอดคล้องกับการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อรายย่อยหลายๆ ประเภท ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
ไทยรัฐ (30 เม.ย. 2562) แรงงานที่ตอบส่วนใหญ่ 36.8% บอกว่ากู้เงินเพื่อใช้จ่ายทั่วไปมากที่สุด อีก 19% บอกว่า กู้เพื่อซื้อทรัพย์ เช่น รถยนต์ จักรยานยนต์, ส่วน 15.7% กู้เป็นค่ารักษาพยาบาล, 13.7% กู้ซื้อบ้าน, 8.3% นำไปลงทุน
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการใช้จ่ายทั่วไป ซื้อทรัพย์สินที่ไม่ก่อรายได้ นำไปซื้อสินค้าที่มีราคาแพงที่เกินกว่าศักยภาพการหารายได้ของตนเอง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็คือเราได้เอาเงินในอนาคตมาใช้จนหมดแล้ว เมื่ออนาคตมาถึงหลายคนอาจจะไม่มีเงินในอนาคตเหลือไว้ให้ใช้ ซ้ำร้ายกว่านั้นอาจจะติดลบด้วยซ้ำไป แน่นอนว่าถ้าคนส่วนมากโดยเฉพาะคนที่เป็นกำลังหลักของประเทศ คือกลุ่มคนในวัยทำงานยังดำรงชีวิตด้วยการกู้เงินมาเพื่อใช้ในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ประเทศไทยอาจจะต้องกลายเป็นประเทศล้าหลังในที่สุด ที่ต้องถูกเอารัดเอาเปรียบจากนานาชาติได้โดยง่าย เพราะความน่าเชื่อถือของประเทศลดลง เขาให้ทำอะไรก็ต้องทำเพราะต้องการเงินกู้จากเขา ซึ่งเราก็เห็นตัวอย่างจากหลายประเทศที่เกิดเหตุการณ์นี้มาก่อนแล้ว
แล้วสาเหตุที่ทำให้หนี้พุ่งขึ้นมาเกิดจากอะไรนะหรือ คนไทยเราติดหรู ต้องมีของแพงใช้ โทรศัพท์มือถือก็ต้องเป็นแบบรุ่นสูงสุด รถต้องเป็นรุ่นที่ดีและแพงกว่าเพื่อนๆรุ่นเดียวกัน การกินการอยู่ก็ต้องเป็นร้านชื่อดังแต่ละเมนูราคาสามารถรับประทานส้มตำไก่ย่างข้างทางได้ติดต่อกันหลายมื้อ ต้องท่องเที่ยวต่างประเทศ (เพราะมันเป็นเทรนด์หรือปล่าวไม่แน่ใจ) หรืออีกหลากหลายของการใช้ชีวิตติดหรู แต่นั่นจะไม่แปลกสำหรับคนที่มีศักยภาพในการหารายได้ครอบคลุมรายจ่ายแบบไม่เดือดร้อน ใช้ภาษาง่ายๆคือไม่ต้องกู้หรือมีเงินเหลือนั่นเอง
หากยังไม่มีการทำอะไรบางสิ่งบางอย่างลงไปเพื่อเปลี่ยนทิศทางการไปสู่ความเสื่อมที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ เราก็ต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่สดใสอย่างแน่นอน เพราะการดูอนาคตของคนก็ดูจากปัจจุบัน เช่นกันหากคนในชาติปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นเช่นไร อนาคตประเทศก็คงต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันเช่นกัน
คราวนี้เรามาวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่แท้จริงกันดูว่าทำไมคนส่วนมากจึงใช้ชีวิตติดหรูรสนิยมสูงแต่รายได้ต่ำ ทำไมจะต้องทำให้คนอื่นๆเห็นการที่เรามีของหรู ทำไมต้องเผยแพร่ภาพการใช้ชีวิตที่ดูดีมีอันจะกิน เพื่อที่จะให้ผู้คนยอมรับตัวเรา ซึ่งผู้เขียนเองก็เคยหลงแหวกว่ายอยู่ในคลื่นน้ำอันเชี่ยวกรากนี้เช่นกัน จนคิดได้ว่าแล้วใครจะสนเพราะเราก็ไม่เห็นจะยินดียินร้ายกันคนอื่นเลยว่าทำไมต้องใช้ของราคาสูงๆทั้งที่เราก็ยังต้องใช้จ่ายอย่างอื่นอยู่ ไม่ใช่ว่าคิดได้เองหรอกนะแต่สถานการณ์มันบีบบังคับ
ผู้เขียนได้พบเรื่องนี้โดยบังเอิญจากการอ่านหนังสือ 2 เล่มล่าสุด แม้ว่าเขาไม่ได้กล่าวถึงโดยตรงก็ตาม ก็คือเรื่อง “เมื่อเป็นหนี้ สิ่งเร่งด่วนที่สุดไม่ใช่การใช้หนี้” ที่ได้รับการแนะนำจากมะปรางน้องสาวที่น่ารัก และหนังสือเรื่อง “Mindset ใช้ความคิดพิชิตโชคชะตา” และต้องขออนุญาตนำรูปปกหนังสือมาลงด้วยนะครับ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านที่สนใจ และต้องขอบอกว่าผู้เขียนมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้แต่งและผู้จัดจำหน่ายแต่อย่างใด
ผู้เขียนพบว่าเพราะคนไทยเรามีความนับถือตัวเองในระดับต่ำนั่นเอง ลองสังเกตดูนะครับว่าทำไมเราเคารพครูแต่บูชาเกรด ทำไมเราต้องแย่งกันพาลูกหลานไปเรียนโรงเรียนดังๆแม้ว่าจะต้องแลกกับความลำบากด้านการเงิน ทำไมเราต้องมีใบปริญญาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงซึ่งอาจจะเรียนในสายอาชีพที่เราไม่ได้ชอบเลย ทำไมเราต้องใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพง ซื้อให้ลูกก็ต้องเป็นของดีๆแพงๆเช่นกัน เป็นต้น ใช่คำตอบว่าเราต้องการให้คนอื่นๆยอมรับในตัวเราหรือไม่
แล้วทำไมคนดังระดับโลกหลายคนดำเนินชีวิตแบบธรรมดาสามัญมาก รวมถึงคนไทยหลายๆคนที่เป็นที่รู้จักในสังคมวงกว้างใช้ชีวิตติดดินมาก นั่นเพราะว่าเขาไม่จำเป็นต้องเอาสิ่งของต้องเอาใบปริญญาต้องเอาเกรดสูงๆ มาทำให้ตัวเองดูดีขึ้นใช่หรือไม่ เพราะเขาเหล่านั้นได้สร้างสิ่งที่มีคุณค่าในตัวเองไว้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องใช้สิ่งใดมาร่วมเพื่อให้ผู้คนยอมรับ แต่ใช้ผลลัพธ์และวิธีคิดของเขามาเป็นเครื่องพิสูจน์แทนใช่หรือไม่?
เมื่อเราค้นพบสาเหตุที่แท้จริงของความฟุ่มเฟือยแล้ว ก็อยู่ที่เราจะหาวิธีการหรือหาทางออกได้ซึ่งผมเชื่อเช่นนั้น ในอดีตมีบุคคลท่านหนึ่งที่เป็นคนที่มีความรอบรู้และเป็นคนถ่ายทอดวิธีคิดมาให้ผู้เขียน ซึ่งท่านก็คือ คุณนพนันท์ สุวรรณจตุพร ต้องขออนุญาตเอ่ยนาม ท่านเคยบอกว่าคนที่เป็นบ้าหรือเป็นโรคจิตเขาไม่รู้ตัวหรอกว่าเขาเป็น เขาคิดว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่นั้นมันคือเรื่องปกติ หากจะทำให้เขาหายจากอาการต้องทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้ปกติ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ผู้เขียนกลับมามองตัวเองหลายอย่างที่ผู้เขียนทำอะไรที่ทำให้หลายคนไม่พอใจหรือปล่าวทำให้เขาโกรธหรือปล่าว แล้วผู้เขียนก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติใครเขาก็เป็นกัน แล้วก็พบว่ามันคือเรื่องจริงเลย เมื่อพบว่าผู้เขียนเป็นคนเช่นนั้นกระบวนการปรับปรุงแก้ไขตนเองก็เกิดขึ้นในทันที เฉกเช่นเดียวกันกับการค้นพบสาเหตุแห่งความฟุ่มเฟือย ที่เกิดจากคนเรามีความนับถือตัวเองต่ำนั่นเอง
คำถามของเรื่องนี้ก็คือทำอย่างไรให้เรามั่นใจและเคารพตัวเองมากขึ้น ซึ่งคำตอบหาได้ทั่วไปจากการดูตัวอย่างของคนที่เขาเคารพตัวเองและการสร้างคุณค่าให้ตัวเองนั่นเอง
Face Book page : Thailand Modern Marketing
Blockdit: ยุคใหม่การตลาดของไทย
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง
อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
โหลดที่ http://www.blockdit.com
โฆษณา