30 มิ.ย. 2019 เวลา 19:27 • ประวัติศาสตร์
EP13 อุ่นสุราเหมยเขียว (เล่าปี่เป็นจอมคน?)
(เนื้อหายาวไปขี้เกียจอ่าน มีลิ้งคลิปเสียงด้านล่าง ฝากกดติดตามเป็นกำลังใจ ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยนะครับ)
ขอขอบพระคุณเนื้อหา
Cr : อี้จงเทียนพิเคราะห์สามก๊ก ซับไทย Ong China
หากมองในแง่ พงศาวดารหรือวรรณกรรมนั้น ก็มีคนบางกลุ่มมองว่าเล่าปี่นั้นไม่ใช่จอมคน เป็นพวกขี้ขลาดตาขาว เก่งอยู่ สองอย่าง คือ ร้องไห้เก่ง กับหนีเก่ง อย่างเช่น เรื่องร้องไห้ตอนโลซกมาทวงเกงจิ๋ว ซึ่งเล่าปี่ถามขงเบ้งว่าจะทำอย่างไรดี ขงเบ้งตอบว่า ง่ายมาก ก็ร้องไห้สิ พอร้องไห้แล้ว โลซกก็พูดอะไรไม่ออก แต่ที่จริงแล้วเรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง และเรื่องการร้องไหกับชอบหนีนี้ ก็ไม่ได้แปลว่า เล่าปี่จะไม่ใช่จอมคน ดังนั้นต้องถามว่า ทำไมเขาจึงร้องไห้ ทำไมเขาจึงหนี อย่างเช่น กวนอูตายแล้วร้องไห้ ไม่น่าแปลก เมื่อรบสู้ไม่ได้แล้วหนีก็เป็นเรื่องธรรมดา. หากเราดูฝ่ายโจโฉ ก็ร้องไห้ออกบ่อยไป กุยแกตาย เป้าสิ้นตาย โจโฉก็ร้องไห้ เรื่องหนี โจโฉก็มีไม่น้อย ดังนั้งโจโฉหนี หรือร้องไห้ไม่ขายหน้า แต่พอเป็นเล่าปี่ร้องไห้และหนีบ้างกลับเป็นเรื่องขายหน้าเป็นเรื่องขี้ขลาด ตาขาวไป แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมเหมือนกัน
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังรู้สึกว่าเล่าปี่นั้นอาจไม่ใช่จอมคนอยู่ดี โดยเหตุผลอาจมาจาก สี่ข้อนี้
ข้อแรก เล่าปี่ไม่มีกองทัพที่เข้มแข็ง ตอนเริ่มตั้งกองทัพ เล่าปี่ก็พึ่งทุนจากเศรษฐีในพื้นที่ ชื่อ จางซื่อผิง และ ซูซวง ในการก่อตั้ง แต่ก็เป็นเพียงกองทัพเล็กๆ ต่อมาเมื่อเล่าปี่ปราบกลุ่มโจรผ้าเหลือง ก็ได้บำเหน็จ เป็นนายทหารประจำตำบล อานสี่ ซึ่งเป็นเมืองรองๆ เท่านั้น กองกำลังจึงไม่ใหญ่นัก ดังนั้นเมื่อจะทำศึกทีไร เล่าปี่จึงใช้วิธีการยืมทหารและยืมแม่ทัพอยู่เสมอ อย่างเช่นยืม จูล่ง ภาพลักษณ์จึงไม่เหมือนกองกำลังทหาร ในช่วงของกลียุคนี้ หากใครมีกองทัพ มีกองกำลังทหาร ก็เปรียบเหมือนมีอำนาจ แต่เล่าปี่ไม่มี จึงไม่มีอำนาจและเมื่อไม่มีอำนาจแล้วจะเป็นจอมคนได้อย่างไร นี่เป็นข้อแรก
ข้อสอง เล่าปี่ไม่มีที่มั่นปักหลัก ร่อนเรไปเรื่อย เมื่อได้ครองชีจิ๋ว แต่ไม่นานก็ถูกลิโป้แย่ง ดังนั้นเล่าปี่จึงทำได้แค่เที่ยวไปอาศัยคนนั้นที คนนี้ที ครั้งนึงเล่าปี่เมาสุรา ร่ำไห้แล้วพูดว่า “ข้าเล่าปี่ มีปัญหาสำคัญที่สุด ก็คือไม่มีรากฐาน หากข้านั้นมีดินแดนแล้ว คนอื่นมีหรือจะเป็นคู่ต่อสู้ข้าได้”
ข้อสาม เล่าปี่ไม่มีผลงานการศึกใหญ่ ไม่มีผลงานการศึกที่เข้าตา สามวีระบุรุษรบลิโป้ อุ่นสุราเด็ดหัวฮวงหยง ผลงานเหล่านี้ เป็นเพียงหลอกว้านจง ช่วยเขียนขึ้นมาเท่านั้น ไม่ได้เป็นเรื่องจริงเลย ฉนั้นเล่าปี่ชนะเพียงศึกเล็กๆ น้อยๆเท่านั้น
ข้อสี่ เล่าปี่ชื่อเสียงไม่โด่งดัง อ้วนสุด เคยเหยียดหยาม ว่า “ตั้งแต่เกิดมา ข้าอ้วนสุดไม่เคยได้ยินชื่อเล่าปี่เลย” อีกเรื่อง เมื่อครั้ง ข่งหรง เจ้าเมืองเป่ยไห่ ถูกโจรผ้าเหลืองล้อมไว้ ให้ ไทสูจู้ ตีฝ่าวงล้อมไปขอความช่วยเหลือกับเล่าปี่ พอเล่าปี่ทราบเรื่อง ถึงกับประหลาดใจว่า ข่งหรง แห่ง เป๋ยไห่ รู้จักข้าเล่าปี่ด้วยหรือ แสดงให้เห็นว่าเล่าปี่นั้นไร้ชื่อเสียง ไม่เป็นที่รู้จัก
ดังนั้น เล่าปี่ ไม่มีกองทัพที่เข้มแข็ง ไม่มีดินแดนที่มั่นคง ไม่มีผลงานศึกที่เข้าตา ไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เล่าปี่คนนี้กลับเป็นที่น่าเคารพและเป็นที่ต้อนรับของผู้คนอย่างมาก ยกตัวอย่างมาแค่สองคนก็พอ คนแรก คือ โจโฉ หลังจาก เล่าปี่ เข้ากับโจโฉ โจโฉปฎิบัติกับเล่าปี่ดีมาก เรียกได้ว่า นั่งเสมอข้างตัว คือ ไปไหนมาไหน ให้นั่งทัดเทียมกัน ต้อนรับเป็นอย่างดี อีกคน อ้วนเสี้ยว เมื่อตอนเล่าปี่ไปเข้ากับอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวให้เกียรติเล่าปี่เป็นอย่างมาก ถึงขนาดออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง นอกกำแพงเมืองถึง 200 ลี้ ถือว่าให้เกียรติสุดๆ ดังนั้นหากถามว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้ คำตอบมีเพียงคำตอบเดียว คือ ทั้งโจโฉและอ้วนเสี้ยวนี้เห็นว่า เล่าปี่ คือ จอมคน
ถ้าอย่างนั้นเล่าปี่เป็นจอมคนอย่างไร เหตุผล มี สี่ข้อ เหมือนกัน เล่าปี่มี หนึ่งปณิธานจอมคน สองนิสัยจอมคน สามจิตวิญญาณจอมคน สี่คุณธรรมจอมคน ก็คือ จริงๆแล้วเล่าปี่ไม่เหมือนที่เราจินตนาการหรือวรรณกรรมว่าไว้ ที่เป็นพวกขี้ขลาดตาขาว ทำได้ร้องไห้กับหนีเก่ง แต่เล่าปี่นั้น เรียกได้ว่า ในช่วงครึ่งแรกของชีวิตนั้นโชคร้ายมากกว่า สรุปได้ในแปดคำว่า “เปลี่ยนนายสารพัด เสียเมียสี่คน” ต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา แล้วก็ยังพ่ายแพ้ตลอดเช่นกัน ทำแต่เรื่องผิดพลาด หากพูดกันตามจริงแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เจอแบบนี้คงฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็ หมดไฟไปนานแล้ว ไม่สามารถทนทานได้ถึงขนาดนี้
แต่ถ้าหากเราดูเข้าไปในประวัติศาสตร์ เคยเห็นหรือไม่ว่าเล่าปี่นั้น “หมดใจหรือไฟมอดดับ” เห็นเพียงแต่ “ยิ่งแพ้ยิ่งรบ” ไม่เคยยอมสยบในโชคชะตา แสดงให้เห็นความมี ปณิธาน มีนิสัย และมีจิตวิญญานของจอมคน
ส่วนข้อสี่ เรื่องคุณธรรมจอมคน มีคำวิจารณ์เป็นสองฝั่งที่ต่างกัน ฝั่งแรกคือ พวกลิโป้ ครั้งที่เล่าปี่อยู่กับลิโป้ ลูกน้องลิโป้วิจารณ์เล่าปี่ไว้ว่า “เล่าปี่คนนี้กลับกลอกเลี้ยงยาก เป็นคนถ่อยที่เปลี่ยนแปลงไม่สิ้นสุด เป็นจำพวกจิ้งจอกตาขาวเลี้ยงไม่เชื่อง” ส่วนอีกฝั่ง เป็นคำวิจารณ์จากอ้วนเสี้ยว บอกว่า “เล่าปี่นั้นสูงส่งเชื่อถือได้ เป็นคนซื่อสัตย์และมีคุณธรรม” ซึ่งอ้วนเสี้ยวก็ดูคนเป็นนะ ไม่ได้แย่ขนาดนั้น คำวิจารณ์สองคำนี้แตกต่ง ตรงกันข้ามกัน
แม้คำวิจารณ์ทั้งสองนี้จะตรงข้ามกัน แต่ไม่ได้ขัดแย้งกัน ก็คือ แสดงให้เห็นถึง เล่าปี่นั้นเป็นคนมีปณิธานจอมคน มีนิสัยจอมคน และมีจิตวิญญาณจอมคน ดังนั้น คนอย่างเล่าปี่ไม่มีทางยอมอยู่ใต้อาณัติคนอื่นได้ตลอดเป็นแน่ สำหรับคนที่เล่าปี่เข้าไปพึ่งพิง เล่าปี่คือคนกลับกลอกเลี้ยงยาก ในสายตาเขา แต่ในฐานะจอมคน เล่าปี่สามารถดึงดูดคนเก่ง คนมีความสามารถ ให้มาร่วมงาน ดังนั้น สำหรับคนที่มาพึ่งพาเล่าปี่นั้น เล่าปี่คือคนสูงส่งเชื่อถือได้
ตัวอย่างที่ดีที่สุด ก็คือ กวนอูกับเตียวหุย ตามบันทึกประวัติศาสตร์นั้น ความสัมพันธ์ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยภายนอกดูเป็นพี่น้อง แต่แท้จริงคือ นายบ่าว เพราะเมื่อเป็นทางการ เล่าปี่นั่งกลาง กวนอูเตียวหุย ขนาบข้างซ้ายและขวา นอกบ้านเป็นนายบ่าว กลับบ้านเป็นพี่น้อง กวนอูและเตียวหุยติดตามเล่าปี่ตลอดทั้งชีวิต ก็ด้วย เล่าปี่ถือคุณธรรม ดังนั้นเล่าปี่ คือ จอมคน กวนอูดูออก เตียวหุยดูออก ขงเบ้งก็ดูออก จะบอกว่าโจโฉดูไม่ออก เกรงว่าจะไม่ใช่ ควรพูดว่า โจโฉก็ดูออก ปัญหาอยู่ที่ว่า เมื่อโจโฉดูออก ใช่ว่าจะต้องพูดออกมานี่ แล้วทำไมถึงพูดออกมาในการวิจารณ์จอมคน อย่างนี้เล่าปี่ก็ต้องระแวง ระแวดระตัว เพิ่มเติมสิ
ถึงแม้โจโฉจะดูออกว่า เล่าปี่นั้นมีปณิธาน มีนิสัย มีจิตวิญญาณ มีคุณธรรมจอมคน ครบทั้งสี่ประการ แต่ว่าเล่าปี่นั้น ไม่มีดินแดน ไม่มีกองทัพ ไม่มีกลุ่มกองกำลังของตนเอง จอมคนแบบนี้ไม่นับว่าเป็นจอมคนได้ จึงไม่จำเป็นต้องระวังอะไรมากมายนัก ถึงแม้ต่อไปภายหน้า เล่าปี่มีกำลังขึ้นมา แล้วค่อยจึงจัดการก็ได้ ไม่เสียหาย
แต่คนคิด ก็ไม่เท่าฟ้าคิด หลังเหตุการณ์ “อุ่นสุราเหมยเขียว ผ่านไปแปดปี” มีนักปกครองบริหารผู้ยิ่งใหญ่ เดินออกมาจากป่าเขา กลายเป็นที่ปรึกษาหลักของเล่าปี่ ถึงตอนนี้ เหมือนคนตาย กลับกลายเป็นคนเป็น
เพราะคนๆนี้ ทำให้เล่าปี่ได้ดินแดน แสดงฝีมือ และสามารถขยายกองกำลัง อำนาจให้กับเล่าปี่ได้ใหญ่โตมากขึ้น สุดท้ายสามารถ ค้ำยันกับโจโฉและซุนกวนได้ กลายเป็นสถานะการณ์ สามก๊กถ่วงดุลอำนาจ ผู้นั้นคือ “จูกัดเหลียง ขงเบ้ง” เมื่อจูกัดเหลียง ออกมา ตาชั่งแห่งโชคชะตา ก็เริ่มเอียงหาสู่เล่าปี่ และในปีเดียวกันนั้น โจโฉก็เสียที่ปรึกษาคนสำคัญ “จูกัดเหลียง ออกโรง กุยแกเสียชีวิต” ดังนั้น โจโฉ เล่าปี่ ทั้งสองฝ่าย เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เล่าปี่ได้ขงเบ้ง โจโฉเสียกุยแก กุยแกเป็นคนอย่างไร กุยแกนั้นสำคัญแค่ไหน พบกันตอนหน้าครับ กับ EP14 อัจฉริยะโดยกำเนิด
โฆษณา