12 ก.ค. 2019 เวลา 09:34 • ไลฟ์สไตล์
เที่ยวเมืองขแมร์ 1
การเดินทางไปต่างประเทศ สำหรับผมแล้วนานๆครั้งจะได้ไปที
แต่วันนี้โอกาส ของไอ้เสือร้ายก็มาถึง เมื่อหน้าที่การงานนำพา ให้ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ถึงแม้ว่า จะไม่ต้องนั่งเครื่องบิน หรือ ข้ามน้ำ ข้ามทะเลไปก็ตาม
ผม ต่างประเทศก็คือ ไม่ใช่ประเทศไทย ยังไงก็ตื่นเต็น อยู่ดี
ดังนั้น เรื่องนี้อาจหลายตอนหน่อยนะครับ เป็นเรื่องเมื่อครั้งที่ผมและคณะ ไปเขมรกัน อย่าเพิ่งเบื่อนะ ผมจะพยายามทำให้กระชับที่สุด
เขมร หรือ ชื่ออย่างเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรกัมพูชา มีพรมแดนที่ติดกับประเทศไทยเราอยู่หลายจังหวัด สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ปลายทางผมอยู่ที่ จ.เสียมเรียบ
เราข้ามชายแดนที่ “ด่านช่องจอม” จ.สุรินทร์
เช้าวันเดินทาง เราถึงด่านช่องจอมราวเจ็ดโมงครึ่ง เอกสารที่เตรียมไป คือ พาสปอร์ท ไม่ต้องทำวีซ่า
หลังจากที่ด่านเปิด เราทำเอกสารฝั่งไทย และ ฝั่งเขมร ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีก็เป็นอันเสร็จ
คณะเราได้รับการต้อนรับจาก พี่อ็อด หนุ่มใหญ่เจ้าของรถตู้ ที่มารับพวกเราทั้งสี่คน
พี่อ๊อด เป็นชาวเขมร บ้านอยู่ที่ อุดรมีชัย ซึ่งเป็น จังหวัดระหว่างทางที่เราจะไป เสียมเรียบ
ด่านฝั่งเขมร
พี่อ๊อดพูดไทยได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่เราสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ
ภาษาอังกฤษ ของเค้าดีมาก ต่างจากคนไทยอย่างพวกเรา จะพูดที ก็กล้าๆ กลัวๆ แถมบางคำ นึกศัพท์ไม่ออก ขาดช่วงไปเสียอีก
สิ่งที่ขาดไม่ได้ที่เรา ต้องมีคือ การแลกเงินไทยเป็น US และ ซิมโทรศัพท์ที่มี internet เราหาซิมการ์ดได้ ไม่ยากนัก
เพราะออกจากด่านมา ก็จะเป็นตลาด หาซื้อได้เลย เราเลือกใช้ซิมการ์ดของ Metfone ราคาประมาณ 2 US
ลืมบอกไปว่าที่นี่ใช้เงิน US และ เรียล ดังนั้นเราต้องแลกเงินให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง ไม่อย่างนั้น อดครับ
ร้านโทรศัพย์ริมทาง
หลังจากเสร็จภาระกิจแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางทันที โดยรถตู้ “ฮุนได สตาร์เร็กซ์” คันน้อย
ด้วยการขับขี่เลนขวา ทำให้ผมที่นั่งด้านหน้ารถ เกร็งพอสมควรเพราะไม่ชินนั่นเอง
สองข้างทาง ส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกพืชผลทางการเกษตร ประเภทมันสัมปหลัง ข้าว บางช่วงมีการนำมันสัมปหลังมาตากบริเวณไหล่ทาง เลยทำให้หวาดเสียวพอสมควรเพราะไหล่ทางแคบเวลาขับสวนกัน
ถนนทางไป อุดรมีชัย
เมื่อเลี้ยวซ้ายที่ อุดรมีชัย เรานั่งรถอีกราว ชม.กว่าๆ ก็เริ่มเข้าเมือง นั่นหมายถึงว่า เราถึงปลายทางที่ เสียมเรียบ โดยรวมระยะทางประมาณ 180 กม.
พอใกล้ตัวเมือง ตึกราบ้านช่องก็หนาแน่น และใหญ่โตขึ้น โดยเฉพาะโรงแรม มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปถึงขนาดใหญ่
การจราจรในเมือง ดูวุ่นวายพอสมควร อันเนื่องมาจากรถมอเตอร์ไซมากเสียเหลือเกิน
แต่สิ่งที่เห็นอยู่พอๆกันก็ คือ “ฝรั่ง” การท่องเที่ยวนี่เองเป็นเหตุให้เงินหมุนเวียนในเสียมเรียบมีมาก
ขับวกไป วนมา สักพัก เราก็มาถึงโรงแรมที่พักชื่อ โรงแรม “Han Kong Hotel and Restaurant”
จัดว่าเป็นโรงแรมระดับกลาง ค่าห้องที่ ทีมผมจองไปคือ 20 US /คืน
ที่พักเราในทริปนี้
ที่เคาเตอร์เช็คอิน มีพนักงานต้อนรับ เป็นหญิงสาวชาวเขมรสองท่าน ส่งภาษาฝรั่ง ได้อย่างคล่องเคล่ว ค่อยแจกกุญแจให้เรา
หลังจากถ่ายเอกสารพาสปอร์ทเราแล้ว ผมก็ได้กุญแจห้องมาคือ ห้อง 302 เป็นห้องเตียงคู่
เค้าเตอร์ด้านล่าง
เอาจริงๆ ก็คือต่างบ้านต่างเมือง ผมไม่กล้านอนคนเดียว ยิ่งเป็นที่เขมร ผมก็กลัวคุยกับผีที่นี่ไม่รู้เรื่อง หลังจากได้กุญแจ เราก็เดินขึ้นบันไดไปถึงชั้นสาม
ถึงชั้น 3 ผมดูเลขหน้าห้อง กลับเป็นห้องที่ขึ้นต้นด้วยเลข 2 เดินหาทั้งชั้น ก็ยังเป็น 2 อยู่ดี จึงตัดสินใจเดินขึ้นไปอีกชั้น จึงพบกับห้อง 302 ตรงมุม หัวบันได
บรรยากาศในห้องพักนั่นหรอ ผมดีใจเหลือเกินที่พักเตียงคู่ เพราะมองดูแล้วคลายๆ กับหนังทวิภพเลยครับ ฮาฮาฮา
ห้องพัก เฟอร์นิเจอร์ไม้
หลังจากวางกระเป๋า ล้างหน้าล้างตาแล้ว ผมกะว่าจะลงไปสำรวจรอบๆ สักหน่อย แต่ก็ไม่ลืม ที่จะไปหาคำตอบว่าทำไม เราเดินหาห้อง 302 ไม่เจอ
ผมได้คำตอบจากเค้าเตอร์ว่า เค้านับชั้นที่สองเป็นชั้น 1 นั่นหมายถึง ไอ้ที่เอ็งยืนอยู่นี่ มันชั้นล่าง ไม่ใช่ชั้น 1 กำ!! หากนับแบบบ้านเรา ผมน่ะอยู่ชั้น 4 โอ้ย!!!! งึด!!
วันนี้เรายังไม่ได้ออกไปท่องเที่ยวไหน อันเนื่องมากจากมีภาระกิจช่วงเย็น ก็คงได้แต่ด่อมๆ มองๆ แถวหน้าโรงแรม ผมหมายตาร้านเครื่องดื่มไว้ เป็นประเภท local beer
ก็ไปได้เบียร์ยี่ห้อ CAMBODIA และ ANGKOR เบียร์มา
เครื่องดื่มอุ่นเครื่อง ชุดนี้ ผมเอามา 12 กระป๋อง อย่างละ 6 กระป๋อง
รสชาดผมว่าจืดนะ แต่ก็เหมาะสมกับราคา เราจ่ายเป็น US แต่ได้เงินทอนมาเป็นเรียล อีกหนึ่งกำมือใหญ่
พอมาคำนวนดู ตกกระป๋องละ 20 บาทเท่านั้นเอง โอ้!!! เจอแล้ว ทางของเรา เราอยู่ได้สบาย
อย่างที่ว่าครับ วันนี้ยังไม่ได้ท่องเที่ยวที่ไหนเพราะติดงานช่วงเย็น ไว้มาเล่าสู่กันฟังต่อนะครับ สวัสดีครับ ........

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา