13 ก.ค. 2019 เวลา 05:47 • ไลฟ์สไตล์
เที่ยวเมืองขแมร์ 2
เช้าวันใหม่ หลังจากอาบน้ำอาบท่าแล้ว เราก็ลงมาทานอาหารเช้ากันด้านล่าง ซึ่งจะมีห้องโถงใหญ่ๆ จัดไว้เป็นร้านอาหาร อาหารเช้าของที่นี่มีให้เลือกหลายรายการ
บรรยากาศห้องอาหาร
เท่าที่สังเกตุหลายโต๊ะจะสั่ง “ขนมปังฝรั่งเศส” และ เหมือนจะเป็นสตูไก่ ผมจึงลองบ้าง รสชาดดีครับ ขนมปังนิ่ม และเครื่องเคียงอร่อย
แผนการเดินทาง วันนี้เราจะไป “นครวัด” กัน หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เราก็มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางด้วยรถตู้คันน้อย
ก่อนเข้าไป พี่อ๊อด พาขับรถวนก่อนหนึ่งรอบ นครวัดในมุมมองของชาวกัมพูชาถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ ที่บรรพชนได้สร้างไว้ให้เป็นมรดกอันล้ำค่าที่น่าภาคภูมิใจ
นครวัด สำเนียงเขมรเรียก โนโกวัด (โนโก คือ นคร) สำเนียงฝรั่งเศสเรียก อองกอร์วัด (Angkor Wat) แต่มักจะเขียนและเรียกทั่วไปว่า แองกอร์วัด ปราสาทนครวัดสร้างโดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เมื่อปี พ.ศ.1656 ปราสาทนครวัดมีเส้นรอบวงยาว 5 กิโลเมตร
คูน้ำรอบนครวัด
โดยรอบมีนักท่องเที่ยว ทั้งเดิน ทั้งขี่จักรยาน อยู่มากมาย ที่แปลกตาคือ มอเตอร์ไซพ่วง หน้าตาเหมือนกับรถลากบ้านเรา ต่างกันตรงที่นั่งด้านหลังมีหลังคา นั่งได้ 2-3 คนอย่างสบาย
ค่าบริการเท่าที่ผมสอบถามมา เรียกให้ไปส่งจุดละ 2-3 เหรียญ ก็สนุกไปอีกแบบครับ
รถรับจ้างครับ
โดยรอบ “นครวัด” ก็จะมีร้านอาหาร ขายสินค้าแบบบ้านเรา จะเป็นอาหารง่ายๆ แบบปิ้งย่าง เราจึงคุยกันว่าประเดี๋ยวออกมา เราจะมาลองทานกันถือว่าเป็นอาหารเที่ยง
เพราะพี่อ๊อดบอกว่า หากจะเดินให้รอบ และคุ้มกับที่เสียเงินเข้าไปจริงๆ ต้องใช้เวลาราว 2-3 ชัวโมงกันเลย
สำหรับวันนี้พวกเราพร้อมกันพอสมควร ทั้งกระเป๋าสะพาย น้ำดื่ม ที่ไม่ลืมคือ ยาดมยาหมอง เพราะระหว่างทางนั่งรถ ยังรู้สึกว่าหายใจออกมายังมีกลิ่นชีวาสอยู่เลย ฮาฮาฮา.......
การจะเข้าชมนครวัดนั้น เราต้องซื้อบัตรผ่านเข้าไปก่อน ระยะหลังทราบมาว่า การขับรถวนแล้วถ่ายภาพ ก็ต้องซื้อบัตรก่อนเช่นกัน
พอจอดรถก็จะมีพนักงานบริการคอยต้อนรับ มาแนะนำให้เราเข้าแถวซื้อบัตรผ่านเข้าชมในราคา 20 เหรียญ ต่อท่าน
สังเกตุปีที่ไปนะครับ
ได้บัตรเข้าชมกันครบแล้ว ก็วนรถมาจอดลานหน้าทางเข้าหลักของนครวัด คำนวนจากสายตาแล้วสามารถจอดกลางแจ้งได้ราวสองร้อยคัน มีของขายบางเล็กน้อย จำพวกมะพร้าวอ่อน เบียร์ เครื่องดื่มเย็นๆ คล้ายบ้านเรา
พอไปถึงที่พวกเราก็ไม่รอช้าที่จะมุ่งหน้าเข้านครวัด ด่านแรกของทางเข้าคือสะพานยาว ที่ก่อด้วยอิฐซึ่งถือว่าเป็นทางเข้าหลัก
ทางเข้านครวัด
ด้วยระยะทางประมาณ 500 เมตร ข้ามคูน้ำก็ถือว่าไม่ยาวมาก ภายในหลังจากเข้ามาแล้วก็จะเป็น ปราสาทขนาดใหญ่มีกำแพงล้อมรอบ 4 ชั้น ก่อนถึงปราสาทประธาน
ด้านในแล้ว จะมีระเบียงคตล้อมรอบ สามารถเดินรอบได้ ภายในจะมีภาพสลัก เป็นเรื่องราวต่างกันไป ต้องบอกว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะมาก
ภายในนครวัด
ห้องน้ำนั้นมีเป็นจุดๆ โดยรอบปราสาท แนะนำว่า หากจะเข้าไปเทียวด้านใน ให้เข้าห้องน้ำก่อนเลย ไม่อย่างนั้น เมื่อท่านปีนขึ้นไปแล้ว เกิดปวดระหว่างทางจะตัดสินใจลำบาก
จุดสุดท้ายของการเดินทางคือ ปราสาทประธาน ซึ่งต้องเข้าแถวเพื่อปีนขึ้นไป
มาถึงตรงนี้ขาสั่นมากครับ เพราะทางขึ้นชันมากเกือบ 90 องศา แต่เกรงจะขายหน้า เพราะฝรั่งที่ยืนข้างหลังแกฟิตมากอายุน่าจะประมาณ 70 กว่าแล้ว
ผมจึงต้องข่มอารมณ์ปีนขึ้นไป ใช้เวลาเข้าแถว และ ปีนขึ้นไปกว่า 30 นาที
แถวรอขึ้นด้านบน
ด้านบนอากาศเย็นดี เรานั่งพักสักครู่ จึงเดินวนลงมาด้านล่างเพื่อไปเดินต่อไปด้านนอก แต่ขาลงนี่สิ หนักกว่าตอนขึ้นไป เพราะขาสั่น
ทั้งสูงและชันแบบนั้น ผมแก้ปัญหาโดยการหันหลังลง ก็เลยทำให้แปลกตาสำหรับคนที่ร่วมทาง คงคิดว่าไอ้นี่บ้า ไม่ครับ กลัวตกตายเสียก่อน ฮาฮาฮา
น้ำที่เราถือกันไปก็หมดพอดี จึงต้องออกเสาะหาน้ำเพื่อประทังชีวิต สุดท้ายได้เอามะพร้าวอ่อน ลูกละ 1 เหรียญด้านหน้านี่ล่ะ ก็พอทนเพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แต่ละคนสภาพดูไม่ได้ นอนดึก ตื่นเช้า หน้าเหลืองกันทุกคน
คงเป็นเพราะอากาศร้อน ยางตายเลยออก!!! หิวข้าวกันแล้ว!!! ผมยกนาฬิกาขึ้นดู ก็ราวๆ บ่ายสองนิดหน่อย ได้เวลากินกันแล้ว เราจึงเดินจั้มๆ มาที่รถ
โอ้!! พ่อทูลหัว พี่อ็อด นอนผูกแปลจิบน้ำเย็นสบายใจ มองพวกเราด้วยสายตา แบบ ไงล่ะพวกมึง ร้อนกันมั๊ย หน้าหมั่นใส่ยิ่งนัก ฮาฮาฮา
ติดตามต่อตอนหน้านะครับ ยังเที่ยวอีกหลายวันครับ....สวัสดี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา