ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคนไทยทุกคนเมื่อเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท ปริญญาตรี เงินเดือน 20,000 บาท อาชีวศึกษาเงินเดือน 18,000 บาท ที่หลายคนยังไม่รู้..........
บทความนี้ผู้เขียนเน้นไปที่ผลกระทบด้านเศรษฐกิจรวมถึงการทำการตลาดเป็นหลัก ที่จะทำให้หลายคนได้เข้าใจอีกมุมที่ต่างออกไปและที่สำคัญส่งผลกระทบต่อคนไทยทั้งประเทศอย่างไรบ้าง ทั้งผู้ที่ได้รับผลโดยตรงจากการขึ้นค่าแรงและผู้ที่จบอาชีวศึกษารวมถึงผู้มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี
ที่มา: รายการเรื่องเล่าเช้านี้ 15 มีนาคม 2562
ผู้เขียนไม่เห็นด้วยอย่างมากในนโยบายข้อนี้ที่ขึ้นค่าแรงและกำหนดเงินเดือนขั้นต่ำ ไม่ใช่ว่าผู้เขียนได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด แต่เพราะเห็นว่านโยบายนี้จะส่งผลกระทบที่ใหญ่หลวงต่อคนไทยในระยะยาว คนที่ทำธุรกิจก็อยู่ไม่ได้ แล้วลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างเพิ่มจะมีใครจ้างและจ่ายเงินให้
การเพิ่มค่าใช้จ่ายลงไปโดยมีผลผลิตเท่าเดิมโดยการใช้นโยบายการบิดเบือนกลไกการตลาดและกลไกทางเศรษฐกิจ ที่ไม่ให้เป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็น สร้างการรับรู้ที่จะเป็นผู้ที่รอคอยไม่ใช่ริเริ่มสร้างสรรค์ให้คนไทย แน่นอนว่าผู้เขียนไม่ได้เข้าข้างนายจ้างและไม่ได้เข้าข้างลูกจ้าง แต่เป็นห่วงผลกระทบที่เกิดขึ้นมากกว่า
ในที่สุดแล้วนักธุรกิจคงไม่ปล่อยให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นแล้วให้ผลผลิตเท่าเดิมแน่นอน ต้องหาทางทำอย่างไรที่จะให้ลดต้นทุนให้ได้ จากที่ยังจดๆจ้องๆว่าจะค่อยๆพัฒนาระบบที่ลดคนทำงาน กลายมาเป็นต้องเร่งมือเพื่อที่จะทำให้ธุรกิจไปต่อได้ หรือว่าหันไปลดสวัสดิการที่กฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ เช่น บางโรงงานให้ข้าวสารเดือนละ 10 กก./คน บางบริษัทให้เงินพิเศษอื่นๆ บางหน่วยงานมีเสื้อให้ปีละ 5 ตัว ฯลฯ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้หลายหน่วยงานต้องหาทางลดค่าใช้จ่ายลงแน่นอน
เผยแพร่ : 6 มิ.ย. 2562 โดยผู้จัดการออนไลน์
เราแก้ปัญหานี้ทุกรัฐบาลโดยการขึ้นค่าแรง คนที่ได้รับเหมือนจะเป็นสิ่งที่ดี แต่เรามาลองพิจารณาดูดีๆว่ามีอะไรบ้างที่จะเกิดขึ้นในทุกการประกาศขึ้นค่าแรงหรือเงินเดือนข้าราชการ เราพบอะไรบ้างใช่ค่าสินค้าอุปโภคบริโภคขึ้นไหม ใช่สิ่งที่เราเคยซื้ออยู่ประจำขึ้นราคาด้วยไหม ค่าแรงเพิ่มขึ้น 100 บาท แต่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่าเป็นโชคดีหรือทุกขลาภกันแน่ และเราจะเห็นว่าในอนาคตอีกไม่นานนักศึกษาจบใหม่จะหางานยากขึ้นแน่ๆ ใจเขาใจเราใครจะยอมจ่ายเพิ่มทั้งที่ไม่รู้ว่าจ้างมาแล้วจะทำประโยชน์ให้ได้คุ้มไหม แล้วเงื่อนไขการจ้างงานต่างๆก็จะมีออกมาเรื่อยๆเพื่อเลี่ยงการเพิ่มต้นทุน
หากทุกคนได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นเหมือนกันหมด แน่นอนว่าศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยก็จะลดลงเรื่อยๆ เพราะผู้คนไม่จำเป็นต้องพัฒนาตัวเองยังไงรัฐบาลก็ขึ้นค่าแรงให้อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็เริ่มเห็นประเทศเพื่อนบ้านเราที่อดีตล้าหลังกว่าเราปัจจุบันหายใจรดต้นคอแล้วบางประเทศก็นำหน้าเราไปเรียบร้อยแล้ว คำถามคือเราจะยอมให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปหรืออย่างไร
ผู้เขียนเห็นด้วยว่าการเพิ่มค่าแรงต้องทำให้เกิดขึ้น แต่ทว่าเป็นการเพิ่มให้กับผู้ที่พัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ที่สามารถวัดผลได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม และต้องเพิ่มมากกว่าที่รัฐบาลประกาศด้วยซ้ำ เช่น จากเดิมที่เคยรับที่ 350-400 บาทให้เป็น 500 บาทหรือมากกว่า เพื่อส่งเสริมการแข่งขันในเวทีโลกของไทย เพราะในการทำการตลาดในปัจจุบันทุกประเทศล้วนแล้วแต่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ใช้ต้นทุนลดลง หรือหากจะเป็นการเพิ่มต้นทุนผลผลิตที่ได้ก็ต้องเพิ่มมากกว่า นี่คือการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนกว่าเพราะการดำเนินการเช่นนี้ทำให้ทุกฝ่ายได้รับผลดี
การบิดเบือนกลไกการตลาดและกลไกทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงมาก แต่ที่คนส่วนมากมองไม่เห็นเพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีนั่นเอง ลองนึกภาพดูว่าคนไทยไม่มีใครจ้างงาน เพราะสินค้าที่ผลิตโดยคนไทยแข่งขันการตลาดสู้ประเทศอื่นๆไม่ได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศของเรา (ไม่อยากจะยกตัวอย่างให้เสียกำลังใจ)
“การพัฒนาตนเองไฝ่เรียนรู้อยู่เสมอ เปิดใจรับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น เพิ่มคุณค่าให้ตนเอง” นี่คือคำตอบที่ยั่งยืนที่สร้างผลลัพธ์ที่ยังต่อประเทศของเราที่เรารัก
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
Blockdit : ยุคใหม่การตลาดของไทย
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง
อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
โหลดที่ http://www.blockdit.com
- 25
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
