25 ก.ค. 2019 เวลา 13:50
📚📝 กระบวนการเขียน
Pix from : Pixabay
ค่ำนี้ฉันนั่งอ่านเพจต่าง ๆ ที่ได้กดติดตามไว้เหมือนเคยก่อนกลับบ้าน
ฉันอ่านเพจเรไรรายวันทุกวัน เรไรเขียนแค่ 1 หน้ากระดาษแป๊ปเดียวก็อ่านจบ และยังทำให้ได้ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้างกับความคิดของเด็กผู้หญิงคนนึงทุกวันด้วย
✏️ เรไรรายวัน
240,986 คน ที่กดไลก์เพจเรไรรายวัน
243,264 คน ติดตามเพจเรไรรายวัน
เด็กหญิงตัวนิดเดียวที่มีพ๊อกเก็ตบุคเป็นของตัวเองจากการเขียนบันทึกทุกวันมาหลายปี
..
นาน ๆ ครั้งคุณแม่จะเขียนเกี่ยวกับกระบวนการคิดของต้นหลิวให้แฟนเพจทราบว่า .. น้องมีแนวคิดในการเขียนแต่ละวัน แต่ละเรื่องมาจากอะไร คิดก่อนเขียนแบบไหน
🖇 วันนี้คุณแม่ของเรไรเขียนเบื้องหลังการเขียนของน้องให้อ่าน
..
🗝 กระบวนการเขียน - Writing Process
✏️ เบื้องหลังเรไรรายวัน
⭕️ ขอยกข้อความที่คุณแม่น้องเขียนไว้มาตรงนี้ด้วยนะคะ .. กระบวนการคิด ก่อนการเขียนของน้องน่าสนใจมาก ๆ ค่ะ
⭕️ บันทึกเดินผ่านตึกแถว ๒๓.๐๗.๒๕๖๐ เรไรใช้เวลาในการเขียนเกือบ ๒ ชั่วโมง ใช่ค่ะ ๒ ชั่วโมง แม่ไม่ได้พิมพ์ผิด และขอเรียกว่า กระบวนการเขียน แทนคำว่า การเขียน
เหมือนทุกวันก่อนเริ่มเขียนเรไรจะเหลาดินสอ และตรวจดูว่า แหลมพอดีหรือยัง ถ้ามากไป เธอจะค่อย ๆ ฝนกับกระดาษจนพอใจ ทำแบบนี้เตรียมไว้ ๒-๓ แท่ง จากนั้นถึงจะเริ่มคิดว่าจะบันทึกเรื่องอะไรดี
วันนั้นเรไรไม่ได้พูด ไม่ได้เล่า หรือชวนแม่คุยในตอนแรก แม่ก็ไม่ได้กระตุ้นถามอะไร แต่นั่งตอบข้อความในเพจที่ส่งมาทักทายเรไรหรือปรึกษาเรื่องการเขียนบันทึกไปอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้เธอใช้ความคิด
จนผ่านไปหลายสิบนาที เธอเขียนลิสต์ชื่อคนลงบนกระดาษโน้ต ๑๑ คน พ่อ แม่ ตา ยาย ก้อนเมฆ สายลม พี่นุ่น ครูจัก ครูทัว ครูเนม และลุงโจ้ แล้วค่อย ๆ กากบาทออกทีละชื่อ จนเหลือ ยาย เป็นชื่อสุดท้าย
นี่คือหลักคิดที่แม่เคยบอกเรไรว่า ถ้าวันไหนนึกไม่ออก หรือเลือกไม่ได้ว่าจะเขียนอะไร ให้ลองนึกว่าวันนั้นเจอใครบ้าง แล้วเลือกว่าอยากเขียนถึงใคร แล้วภาพเหตุการณ์ของเรากับคนนั้นก็จะตามมา หรือลองนึกเป็นเหตุการณ์ที่เราอยากเขียนก่อนก็ได้ แล้วภาพคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นจะตามมา คิดแบบนี้จะช่วยให้เราโฟกัสเรื่องราวได้ง่ายขึ้น
หลังเลือกว่าจะบันทึกเรื่อง ยาย เรไรก็โน้ตคำว่า ห้องนอน กับ ห้องครัว และขีดฆ่าคำว่า ห้องครัว จากนั้นเธอก็คิดถึงเหตุการณ์ที่ยายทำในห้องนอน บนหน้ากระดาษจึงตามมาด้วยคำว่า ดูละคร ชงนม เล่นไลน์ พับผ้า นอน
ระหว่างนั้นแม่ก็ยังก้มหน้าอ่านและตอบข้อความในเพจ นาน ๆ จะเหลือบมองเรไรสักครั้ง พอแม่พูดขึ้นว่า สู้ ๆ นะ แม่รออ่าน เธอจึงพูดกับแม่ว่า วันนี้คิดว่าจะเขียนเรื่อง ยายพับผ้า แต่ไม่เอาดีกว่าเพราะนึกอะไรไม่ออกนอกจาก ผ้ากับยาย ยายกับผ้า
เมื่อเรื่องที่อยากเขียน คิดเท่าไรก็ยังประติดประต่อเรื่องราวไม่ได้ เรไรเรียนรู้ว่าต้องหยุดก่อน และคิดเรื่องอื่นแทน ชื่อของครูเนมในลิสต์เลยเป็นคนถัดไปที่เรไรนึกถึง คราวนี้เธอเล่าให้ฟังว่า วันนี้หลังจากเรียนเปียโนเธอเห็นครูเนมเขียนตัวเลขหลายตัวลงบนกระดาษ เลยถามว่าเลขอะไร ครูบอกว่า เลขวิชาที่ต้องลงเรียน เธอถามต่อว่า ทำไมเรียนเยอะจัง ครูเล่าว่า ครูลงให้เพื่อนด้วย เพราะเพื่อนไปแข่งดนตรีที่ต่างประเทศ แม่คิดว่านี่คือจุดเริ่มที่ทำให้เธอเข้าใกล้บันทึกของวันนั้น
เรื่องของครูเนม ดึงความคิดเรไรออกจากยายที่บ้านไปสู่โรงเรียนดนตรี และโรงเรียนดนตรีก็พาให้เธอนึกถึงความประทับใจกับรอยยิ้มของคุณป้าร้านก๋วยเตี๋ยวข้างโรงเรียนดนตรี เธอเลยเริ่มเขียนคำและประโยคสำคัญชุดใหม่หลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง
- รอยยิ้ม
- ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรก็ยิ้ม
- แค่ยิ้มให้กันก็มีความสุข
- ทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจและไม่กลัว
- อย่าเชื่อรอยยิ้มถ้าไม่รู้จัก
พอเห็นเรไรเขียนคำสำคัญเหล่านี้ออกมา แม่แอบดีใจว่า อีกนิดเดียวก็เสร็จ ไม่นึกว่าเธอจะไม่ใช้มัน และเปลี่ยนไปคิดถึงมุมอื่น นั่นคือ การถูกปล่อยให้เดินลงจากรถเองไปโรงเรียนดนตรี บันทึก ๒๓.๐๗.๒๕๖๐ จึงเริ่มต้นว่า
"ฉันต้องเดินผ่านตึกแถว ๓ ห้อง ก่อนจะถึงโรงเรียนดนตรี จำได้ว่าครั้งแรกที่แม่เปิดประตูรถ และบอกให้ฉันค่อย ๆ เดินลงไปเอง ฉันกลัว"
ย้อนไปปีกว่าที่เรไรเริ่มเรียนที่โรงเรียนดนตรีเกษตรศิลป์ แม่หรือพ่อจะเดินลงจากรถ พร้อมกับช่วยถือกระเป๋าไวโอลินไปส่งถึงหน้าประตูทุกครั้ง จนกระทั่งต้นปีมานี้เห็นว่า​ ระยะทางที่เดินก็แค่สั้น ๆ แถมมีป้า ๆ ร้านก๋วยเตี๋ยวคอยทักทายยิ้มแย้มอยู่เสมอ และอีกอย่างเรไรก็โตขึ้น แม่เลยเริ่มหัดให้เธอเดินเองหิ้วของเอง โดยคอยมองจนแน่ใจว่าเปิดประตูเข้าโรงเรียนแล้วถึงออกรถ ได้อ่านบันทึกเรื่องนี้ และรู้ว่าความกลัวของลูกที่ต้องเดินลำพังนั้นลดลง แม่ก็ดีใจ
ทันทีที่ตัดสินใจแน่แล้วว่าจะเขียนอะไรเรไรก็ลุกพรวดจากโต๊ะมาเดินนับ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗... แม่ถามว่า ทำอะไรยังไม่ลงมือเขียนหรือ เธอตอบว่า "หนูอยากรู้ว่าพอลงจากรถแล้วเดินกี่ก้าวถึงประตูโรงเรียน" แม่ถามต่อว่า อยากรู้ไปทำไม เธอหัวเราะก่อนบอกว่า จะเอามาเขียนในประโยคแรกของบันทึก เดินไปเดินมาอยู่สักพักก็กลับมานั่ง แล้วบอกว่าไม่เอา ไม่รู้ว่าตึก ๑ ห้อง คือ กี่ก้าว ขอนับว่าเดินผ่านตึกกี่ห้องง่ายกว่า ซึ่งเธอนับได้ ๓ ห้อง
ขึ้นประโยคแรกได้ประโยคถัด ๆ ไปก็ตามมา เรไรใช้เวลาเขียนอีกราว ๑๕ ถึง ๒๐ นาที บันทึก ๒๓.๐๗.๒๕๖๐ ก็เสร็จ พร้อมให้แม่ถ่ายภาพและอัพโหลดลงในเพจให้ทุกคนได้อ่าน
ประโยคจบของบันทึกที่เขียนว่า "จากนั้นอีกไม่กี่ก้าวก็ถึงโรงเรียน" ทำให้แม่เดาว่า การวัดระยะทางด้วยการนับก้าวเดิน เป็นสิ่งที่คาใจและอยู่ในความครุ่นคิดของเธอ
...
ชนิดา​ สุวีรานนท์
๒๕.๐๗.๒๕๖๐
📝 เรไรเขียนบันทึกทุกวัน
สำนวนการเขียนของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ บางเรื่องที่เขียนทำให้ผู้ใหญ่อย่างฉันทึ่งอยู่บ่อย ๆ ตัวหนังสือของเธอ ยังมีความสดใส น่ารักตามประสาเด็ก ๆ
ฉันอารมณ์ดีกับตัวหนังสือที่เล่าเรื่องแต่ละวันของเธอบ่อยมาก ทำไมเขียนได้น่ารักอย่างนี้ละลู๊กกก!
เด็กตัวเล็กนิดเดียวอย่างเรไร จุดประกายให้หลายคนเริ่มเขียน รักการเขียน รวมทั้งมุมมอง และความคิด .. มุมมองของเด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่บางคนมองข้ามจุดนั้นไปนานแล้ว
คุณแม่ของเรไรเคยบอกไว้ว่า ..ให้เรไรเขียนเรื่องดี ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน สิ่งที่หยิบยกมาเขียนของเรไรจึงเกิดจากการได้ทวบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ คือเรื่องดี ๆ ที่นึกถึงเพื่อจะเก็บบันทึกไว้
..
👉 คุณแม่สอนดีนะคะ สอนให้คิดเองโดยผ่านกระบวนการเขียน 📝
1
📍ขอบคุณที่มา | เพจ ‘ เรไรรายวัน ‘ ♥️
1
😎 เป็นผู้ใหญ่แล้วคิดเยอะ มีเรื่องให้คิดมากเรื่อง หลายมุม
..
ทุก ๆ วันกับสิ่งที่เราได้พบเจอ ..
🖇 ถ้าเราคิดถึงเรื่องดี ๆ ของวันนี้ แล้วเขียนบันทึกประจำวันไว้เสมอ.. ไม่ว่าวันนี้จะมีเรื่องแย่ ๆ แค่ไหนเกิดขึ้นกับเรา ลองหามุมดี ๆ จากความแย่ที่มากระทบตัวเราอีกครั้ง!
..
🗝 มีอะไรที่เกิดขึ้นในด้านดีของเรื่องแย่ ๆ อยู่บ้าง
ให้มุมมองดี ๆ ไปเบียดมุมมองแย่ ๆ จนไม่มีที่ให้เก็บได้จริง ๆ สักวัน ☘️
..
รฉัตร วรรณกุล
25 กรกฎา’ 2562

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา