5 ส.ค. 2019 เวลา 01:51 • ปรัชญา
EP5
เราเป็นผู้หมั่นสังเกตุลมหายใจ
เรารู้เรื่องภายนอกมาเยอะแล้ว
จากนี้ลองรู้ตัวเองบ้าง
ลองหาที่เงียบๆ นั่งสบายๆอยู่เฉยๆ
ต่อไปก็ให้จิตมีสติอยู่ที่ลมหายใจ
มีลมหายใจวิ่งเข้ายาวก็รู้
มีลมหายใจวิ่งออกยาวก็รู้
มีลมหายใจเข้าสั้นก็รู้
มีลมหายใจออกสั้นก็รู้
ไปสักพักเราพบอะไรกัน
อยู่กับลมได้ช่วงหนึ่ง จิตก็เผลอไปอีก
ไปเกาะอยู่กับความรู้สึกเช่น เมื่อยบ้างคันหลังบ้าง
แล้วสติคืนมาได้ความรู้สึกนั้นก็จางคลายหายไป
จิตเผลอหลุดไปเกาะอยู่กับเรื่องราววันก่อน
เพลินคิดไปต่อก็รู้สึกเป็นทุกข์ใจในเรื่องที่ไม่ดี
เพลินคิดไปต่อก็รู้สึกเป็นสุขใจในเรื่องที่ดี
แล้วจนสติคืนมาได้จึงละเรื่องนั้น จิตจึงกลับมาอยู่ที่ลมหายใจใหม่
จิตเผลอหลุดไปเกาะอยู่กับเรื่องราวที่เราปรุงแต่งอยากทำโน่นนี่ในอนาคต
เพลินคิดไปต่อก็รู้สึกเป็นทุกข์ใจในเรื่องที่ไม่ดี
เพลินคิดไปต่อก็รู้สึกเป็นสุขใจในเรื่องที่ดี
จิตไปเกาะอะไร
ก็จะเกิดเพลินพอใจยึดมั่น
แล้วก็ค่อยจางคลายดับไป
ถ้าเราละความเพลินได้
ไม่ไปต่อจิตก็กลับมาอยู่ที่ลมหายใจใหม่
ที่กล่าวมานี้คือการเรียนรู้จักตนเอง
การมีสติอยู่กับลมหายใจ
เป็นที่อยู่หลักของผู้เป็นอริยะ(อริยวิหาร)
พระพุทธเจ้าให้เราเพียรกระทำ “อานาปานสติ”
แม้กระทำเพียงชั่วเวลารัดนิ้วมือ
ก็ถือว่าเป็นผู้ไม่เหินห่างจากฌาน
เราท่านต่างเดินทางมาไกลแสนไกล
ในโลกของการเวียนว่ายตายเกิด
ถ้าวันนี้เราท่านหยุดที่สตินี้
และเฝ้ารู้เห็นตามความเป็นจริง
ราวกับได้มองเห็นธรรมที่ถูกปิดไว้
จะเริ่มเปิดออกทีละน้อย
และนำพาเราท่านไปทางเจริญไม่มีเสื่อม
อย่างไรก็ตาม
ขออัญเชิญคำพระสูตรของตถาคต ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ
มาไว้ที่ภาพประกอบ
ทั้งนี้เพื่อให้เราท่านต่างได้
เห็นอ่านเห็นสัมผัสใจปัญญาเกิด
น้อมรำลึกในธรรมอันประเสริฐของพระองค์
ราวกับได้นั่งอยู่ใกล้ๆและรับฟังธรรมนั้นจากพระโอษฐ์ตรงๆ
ด้วยตัวท่านเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา