EP7
ภพ
ภาพนี้วาดเพื่ออธิบายคำว่า “ตนเอง”
บนภาพที่ชื่อว่า “ภพภูมิ”
สีขาวนั้นเป็นธาตุอมตะ อยู่ตรงข้ามกับเราท่าน เป็นธรรมธาตุที่เรียกว่า อสังขตาธาตุ เหมือนกับว่าตัวตนนั้นต่างห้อมล้อมด้วย ความไม่มีตัวตน
อสังขตาธาตุ คือธาตุไม่ปรากฎมีการเกิด ไม่ปรากฎมีการเสื่อม เมื่อตั้งอยู่ ก็ไม่มีภาวะอย่างอื่นปรากฎ
สีน้ำตาล สีชมพู สีฟ้า ทั้งสามเปรียบเป็นพื้นปฐพีในสังขตาธาตุ ภพเป็นเสมือนผืนนา มีผืนนาเลว(กามภพ) ผืนนาปานกลาง(รูปภพ) และผืนนาดี(อรูปภพ)
มีสังขตาธาตุ คือธาตุมีการเกิดปรากฎ มีการเสื่อมปรากฎ เมื่อตั้งอยู่ ก็มีภาวะอย่างอื่นปรากฎ
เราท่านเป็นสัตตานัง ผู้ติดยึดในขันธ์ห้า เวียนว่ายตายเกิดมาในเวลายืนยาวนานถึงเพียงนี้
เราท่านนั้น วันนี้เกิดเป็นมนุษย์ คืออยู่บนพื้นนาเลว กามภพ (สีน้ำตาลในรูปวาด)นั่นเอง
ผืนนาเลวหรือกามภพนี้ ตามคำตถาคตได้แก่ นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย มนุษย์ เทวดากามภพ
เหล่าสัตว์ในสังสารวัฏนี้ หากเราท่านสิ้นกาละกายแตกทำลายไปแล้วจะไปไหน
ตถาคตกล่าวว่า…
เทียบเศษธุลีดินในเสี้ยวเล็บของพระองค์กับปริมาณดินทั้งปฐพี เราท่านจึงกลับมาเป็นมนุษย์
แม้นเราท่านจะเป็นเทวดาในกามภพ จะจุติแล้วมาอุบัติเป็นมนุษย์นั้น ก็เพียงแค่เศษธุลีดินในเล็บพระองค์เช่นกัน
พูดง่ายๆคือ ถ้ายังอยู่ในวัฏสังขารนี้ แม้จะโชคดีมาเป็นมนุษย์ณ ปัจจุบัน ถ้าตายไปร่างกายนี้สลายไปแล้ว ส่วนมากของมากๆๆๆ คือลงนรก กำเนิดเดรัจฉานหรือ เปรตวิสัย นี่คือฐานะของปุถุชนเราท่านทั้งหลาย
เราท่านที่อยู่บนผืนนาเลว กามภพ หรือ สีน้ำตาลในภาพวาดนี้ ถึงเวลานี้คงพอเข้าใจนะครับว่า ทำไมตถาคตหรือพระพุทธเจ้าของเราจึงกล่าวว่า “เวลาล่วงเลยไป บัดนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ขอให้ท่านทั้งหลายจงตั้งอยู่บนความไม่ประมาทเถิด”
สิ่งที่ตถาคตตรัสรู้ และเมตตาต่อเราท่าน คืออริยสัจสี่ ความเป็นจริงสี่ประการเพื่อการออกจากสังสารวัฏนี้ เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ
- 1
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
