16 ส.ค. 2019 เวลา 13:09
เรื่องสั้น Toxics :Trauma (บอบช้ำ)
ผมเปิดม่านหน้าต่าง มองลอดออกไปทางหน้าบ้าน ฝั่งตรงข้ามของถนนเป็นบ้านสวยสุดหรูของตาลุงขี้งกที่ชื่อ สตีฟ แกมีฉายาที่คนแถวนี้เรียกกันติดปากว่า สตีฟขาโหด
จำได้ตอนสมัยผมยังหนุ่มแน่น สตีฟเคยตบเมียเก่าจนล้มคว่ำแถมจิกหัวเอาหน้ากระแทกถังขยะหน้าบ้าน เอาซะเลือดอาบหน้ากันเลยทีเดียว เหตุเพราะเธอลืมเตรียมขนมปังแผ่นไว้บนโต๊ะอาหารเช้าแค่นั้นเองจริงๆ เรื่องราวจบลงที่ต้องฟ้องหย่า จ่ายค่าเลี้ยงดูและแยกทางกันไป แต่สตีฟก็ยังเหลือทรัพย์สินที่ตกทอดมาจากครอบครัวอีกมากโข ดูแค่สนามหญ้าหน้าบ้านที่กว้างใหญ่และสวยงามโดดเด่นอยู่หัวถนนเส้นนี้ นั่นก็มีมูลค่านับแสนเหรียญแล้ว
เมื่อปีก่อนนี่เองที่สตีฟพาผู้หญิงคนใหม่มาอยู่ด้วย เธอชื่อ เอวา นอกจากจะเป็นสาวเต็มตัวที่พกเอาทรวดทรงที่ไม่ธรรมดาแล้ว เธอยังมีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าที่แต้มด้วยแก้มสีแดงระเรื่อ ไม่น่าแปลกที่สตีฟจะหลงเมียเด็กคนนี้หัวปักหัวปำ
ผมเองยังมองลอดหน้าต่างในบ้านเพื่อแอบดูเธอรดน้ำดอกไม้ที่สนามหญ้าหน้าบ้านเป็นประจำ ก็เธอออกจะน่ารักเสียขนาดนั้น..
แต่แค่หกเดือนผ่านไป สตีฟก็แผลงฤทธิ์จนได้
กลางดึกของวันหนึ่ง มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากบ้านของสตีฟ เป็นเสียงร้องของผู้หญิงที่ดูแล้ว คงไม่ใช่เสียงของความสุขเป็นแน่ เสียงร้องดังอยู่นานหลายนาที สลับกับเสียงสะอื้นไห้ มีเพื่อนบ้านผู้หวังดีคงโทรแจ้งตำรวจ
มีตำรวจสายตรวจมาเคาะเรียกที่ประตูบ้านของสตีฟ ผมแง้มผ้าม่านในความมืดมองออกไปดู มีการคุยกันลอดช่องประตูแคบๆ ระหว่างตำรวจกับสตีฟ แต่ก็เพียงสองสามนาทีแค่นั้น จากนั้นตำรวจก็จากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะออกมารูปแบบนี้ ตำรวจเมืองนี้สนใจแค่โดนัทชุบน้ำตาลกินกับกาแฟตอนเช้า กับเบียร์เหยือกขนาดยักษ์แกล้มระบำเปลืองผ้าในตอนค่ำ นั่นล่ะที่พวกมันต้องการในชีวิตประจำวัน ชาวบ้านคนอื่นๆ ก็รู้ดี แต่ผมคิดว่าน่าจะมีทางออกที่ดีกว่าการเฝ้ามองเฉยๆ อยู่แบบนี้
เช้าวันต่อมา ผมแกล้งทำเดินออกกำลังหน้าบ้าน ผมเหลือบเห็นเธอกำลังรดน้ำต้นไม้ที่สนามหญ้าอยู่ ผมแสร้งวิ่งผ่านหน้าบ้านเธอ พร้อมเอ่ยทัก
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณนายคูเกอร์ ผมชื่อ เอริค ครับ บ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ เอ่อ เรียกฉันว่า เอวา ดีกว่าค่ะ ดูน่าจะเป็นกันเองกว่า” เธอก้มลงเพื่อปิดน้ำ ในขณะเดียวกับการดึงเสื้อเพื่อปิดรอยจ้ำแดง สลับเขียวช้ำตามท้องแขนและต้นขา
“ทุกอย่าง โอเค ใช่มั้ยครับ” ผมส่งสายตาเชิงเป็นห่วง ซึ่งผมคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจคำถามได้ไม่ยาก
“เอ่อ..ดีค่ะ ทุกอย่างโอเค ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มแต่เบือนหน้าไปอีกทาง ราวกับจะปิดบังคราบน้ำตาที่กำลังเอ่อขึ้น
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของเราสองคน...
“ทุกอย่าง โอเค ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มท่าทางสุภาพ หน้าตาธรรมดา เขาไม่ใช่หนุ่มแบบที่ฉันชอบหรอก แต่ด้วยเคราบางๆ ที่คางนั่น กับแววตาแสนอบอุ่น ก็ทำเอาใจสั่นได้ง่ายๆ แถมคำถามนี้มันจี้จุดฉันเข้าอย่างจัง
ฉันได้แต่ตอบสั้นๆ แล้วหลบสายตาเขา ภาพกำปั้นและฝ่ามือที่ระดมกระหน่ำลงบนร่างกายฉันเมื่อคืนก่อน จากนั้นการร่วมรักที่โหดร้ายเกิดตามมาติดๆ นี่มันไม่ใช่ฝันร้ายหรอก มันเป็นนรกของจริงเลยทีเดียว
ถ้าฉันไม่เคยลำบากยากแค้นมาก่อน ฉันคงเลือกที่จะไป ไม่ใช่มารองรับกามอารมณ์ของสัตว์นรกตัวนี้
แต่ชายแสนสุภาพคนนี้อาจเป็นคำตอบของฉันก็ได้ ต้องขอบคุณที่เขาทอดไมตรีมาให้
หลังจากวันนั้นนานหลายเดือน
ผมวิ่งผ่านสนามหญ้าหน้าบ้านเธอเกือบทุกวัน เราคุยกันเล็กน้อยเสมอในทุกๆ เช้า บางวันผมซื้อเมล็ดพันธ์ุไม้ประดับ ผมย้ำให้เธอปลูกไว้ริมรั้วหน้าบ้าน เพราะผมจะได้ร่วมชื่นชมความงดงามของมันเวลาที่มันออกดอกเบ่งบาน จากหน้าต่างบ้านที่อยู่ตรงข้าม ซึ่งเธอก็รับคำ บางวันเธอก็อบขนมเผื่อให้ผมไว้ทานกับกาแฟตอนเช้า รสชาติดีทีเดียวสำหรับแม่บ้านสาวๆ แบบเอวา
มีวันหนึ่งสตีฟเปิดประตูออกมาเจอเรากำลังคุยกันอย่างออกรส พอเห็นแบบนั้นเธอจะรีบผละออกไปแล้วรีบกลับเข้าบ้านในทันที แล้วช่วงกลางคืนในวันนั้น เมื่อผมแอบมองลอดหน้าต่างไปที่หน้าต่างห้องนอนของเธอซึ่งอยู่ตรงกันข้าม ไฟในห้องนอนของเธอขับเงาของชายร่างใหญ่ที่กำลังทับโถมอยู่บนเตียง เสียงกรีดร้องดังแทรกความมืดมาในบางครั้งแต่ก็เพียงเบาๆ คล้ายเธอโดนปิดปากด้วยวัตถุบางอย่าง ผมเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยากนัก
ผมต้องรีบแล้ว และจริงๆ ผมเองก็รอไม่ได้เช่นกัน
วันต่อมา ผมยื่นกระดาษแผ่นเล็กใส่มือเธอ แสร้งคุยเรื่อยเปื่อยอยู่นาน ผมรอจนสตีฟเดินออกมาตามหาเธอที่หน้าบ้าน พอเห็นเขาเดินจ้ำเข้ามา ผมแกล้งคว้ามือเอวามาจับไว้
กำปั้นหนักเอาการกระแทกที่หน้าผมอย่างจัง ผมลงไปนอนจมกองเลือดนับดาวอยู่นาน พอจะได้สติบ้างก็ตอนที่มีคนหอบผมกลับมานอนประคบน้ำแข็งอยู่ที่บ้านแล้ว
สตีฟ ถูกตำรวจพาตัวไปโรงพัก และถูกขังอยู่ที่นั่นอย่างน้อยก็คืนนี้ เพราะข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนผมนอนปวดกรามอยู่บนโซฟา รอเสียงเคาะที่หน้าประตูบ้าน ตอนนี้สามทุ่มแล้ว ผมแค่ต้องรอ..
ในกระดาษชิ้นเล็กที่เขายื่นให้ มันเขียนไว้สั้นๆ ว่า
“ถ้าสตีฟไม่อยู่แล้ว กลางดึกให้รีบมาพบผม อย่าให้ใครเห็น”
คืนนี้สตีฟยังไม่ได้รับอนุญาตให้ประกัน หลังจากไปเยี่ยมเขาที่โรงพัก ฉันกลับเข้าบ้าน ปิดไฟทุกดวง นั่งนิ่งในความเงียบ ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะลองไปพบเขาดู ว่าจริงๆ แล้ว เขาต้องการจะบอกอะไร
ไม่แน่ เขาอาจจะช่วยฉันได้
ฉันเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดรัดรูปสีดำ มันแหวกกลางด้านหน้าจนเนินอกขาวเด่นโผล่ออกมา ฉันขยับให้เข้าที่อย่างที่ควรจะเป็น ชุดสีดำช่วยให้สังเกตุได้ยากในความมืด ไม่เกี่ยวกับการกระตุ้นกำหนัดเลย ฉันเชื่ออย่างนั้น
เสียงเคาะที่หน้าบ้านดังขึ้น ผมเดินไปเปิดประตู ผมรู้ว่าเธอต้องมา
เอวา ในชุดรัดรูปสีดำ เผยเนินอกที่อวบอัด มันลอยเด่นอยู่หน้าผมขณะผมกำลังพยายามหลบสายตาจากมัน แล้วเชื้อเชิญเธอเข้ามานั่งด้านใน
“คุณโอเคใช่มั้ยคะ เอริค กรามนั่นดูบวมมากทีเดียว ปวดมากหรือเปล่าคะ” เธอถาม
“ไม่เป็นไรครับ ผมประคบเย็นแล้ว ทานยาไอบูโพรเฟนเรียบร้อย ถ้าอาการไม่ดีขึ้นผมจะพบหมอปีเตอร์อีกทีครับ คุณไม่ต้องกังวล” ผมพูดพลางเอาถุงห่อน้ำแข็งประคบคางบวมปูด
“เอ่อ แล้วที่คุณยื่นกระดาษนั่นให้ฉัน แล้วนัดฉันมา เพื่อ…”
ผมปราดเข้าไปใกล้เธอ ริมฝีปากผมประกบเข้ากับริมฝีปากแดงระเรื่อที่แสนอุ่นของเธอในทันที เราจูบกันดูดดื่มอยู่นาน
“คุณรู้ใช่ไหมว่าผมเฝ้ามองคุณตลอด เอวา”
“ฉันไม่คิดว่า จะมีใครสนใจผู้หญิงที่มีสามีแล้วอย่างฉันหรอกค่ะ”
“บ้าน่า คุณออกจะสวย เย้ายวนออกขนาดนี้”
แล้วผมก็ประกบปากกับเธออีกครั้ง…
ทุกอย่างเริ่มขึ้นบนเตียงที่อ่อนนุ่ม ผมพยายามแผ่วเบากับเธออย่างที่สุด เพื่อให้เธอลืมความโหดร้ายบนเตียงในห้องนอนของบ้านฝั่งตรงข้าม
“เอวา ผมรักคุณ” ผมกระซิบบอกร่างเปลือยเปล่าที่ตอนนี้กำลังซบหน้าในวงแขนของผมด้วยเสียงเพียงแผ่วเบา
โปรดติดตามตอนต่อไป...กด like ด้วยจะเป็นพระคุณ ^_^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา