ถ้าให้เดิมพันว่า "ปีหน้าเศรษฐกิจจะดีรึไม่ ?" อาจจะตอบได้ยาก แต่ถ้าเปลี่ยนคำถามเป็น "ปีหน้าคนไทยจะเป็นหนี้อยู่รึป่าว ?" เอ๊ะทำไมคำถามนี้ดูมั่นใจในคำตอบยังไงก็ไม่รู้
Theme การลงทุนที่จะเสนอต่อไปนี้ ดูค่อนข้างโหดร้ายไปสักหน่อย แต่มันคือความเป็นจริงที่เราไม่อาจจะปฏิเสธได้
***ใจจริงผมไม่ได้สนับสนุนการเป็นหนี้เลย***
สภาพเศรษฐกิจตอนนี้คนระดับบนอาจจะจะรู้สึกเหมือนเศรษฐกิจไม่ได้แย่เท่าไร แต่มันไม่ดีเอามากๆเลย สำหรับคนระดับล่าง
เราเคยพูดถึงGeneral wealth gap ไปแล้วในบทความเรื่องความเหลื่อมล้ำ ( https://www.blockdit.com/articles/5d47ef727daba618e5232742 ) ตอนนี้สภาพความเป็นคนจนมันแย่ยิ่งกว่าหลายปีก่อน
ในขณะที่บริษัทใหญ่ขึ้นสินค้าและบริการ เพื่อสร้างการเติบโตของกำไร กลยุทธนี้ทำให้ บ้านแพงขึ้น รถแพงขึ้น ค่ารักษาโรงพยาบาลแพงขึ้น อาหารในห้างแพงขึ้น
โดยที่บริษัทจะพยายามควบคุมต้นทุนพนักงานให้เท่าเดิม (จะได้เหลือกำไรมากขึ้น)
ผลกระทบคือ พนักงานเงินเดือนเท่าเดิม แต่ต้องเอาเงินนั้นที่ได้จากบริษัท วนกลับมาซื้อบ้าน ซื้อรถ ค่าจ่ายรักษา ใช้บริการ ซื้ออาหาร ทุกอย่าง ดูแพงขึ้นหมด
ชีวีตของคนระดับล่าง จึงเหลือเงินน้อยลง จนทำให้เข้าสู่สภาวะเงินมือในบางครอบครัว
ถึงตอนนี้ถ้าสังเกตุให้ดี กลุ่มสินเชื่อระดับล่าง พวก micro finance มาแรงมากในหลายปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อรถแลกเงิน บัตรกดเงินสด personal loan , nano finance , pico finance
เรามาดูว่าดอกเบี้ยของสินเชื่อพวกนี้โหดมากแค่ไหน
จำนำทะเบียนรถ 15%+ค่าธรรมเนียม (เบ็ดเสร็จรวมอยู่ราวๆ 23%~28%)
Personal loan สูงสุดไม่เกิน 28.8%
Nano finance สูงสุดไม่เกิน 36%
Pico finance สูงสุดไม่เกิน 36%
** หมายเหตุ ดอกเบี้ยต่อเดือนในโฆษณาตามโบรชัวร์ของหลายๆจ้าวต้องแปลงให้เป็นอัตรา effective rate ถึงจะรู้อัตราดอกเบี้ยต่อปีที่แท้จริง
อันที่จริงสินเชื่อประเภทดังกล่าว ถ้าควรแก้ปัญหาสภาพคล่องชั่วคราว เป็นครั้งคราวไป
ถ้าได้เงินก้อนมาก็ต้องรีบใช้หนี้ให้หมด ไม่ควรกลับมากู้อีกถ้าไม่จำเป็น
แต่เราจะพบว่าลูกค้าหนี้ ที่อยู่ในพอร์ตสินเชื่อเหล่านี้ พวกเขากลับมากู้ใหม่เสมอๆ สังเกตได้จากยอดลูกหนี้คงค้างที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พอสัญญาชำระจบปุ๊บ ผู้ให้บริการก็ยินดีให้กู้ใหม่ต่อทันที จนกลายเป็นว่าพวกเขามีต้นทุนหนี้ในระดับ 28%~36% อยู่ในชีวิตตลอดเวลา
คือคิดดูสิว่า ขนาดนักลงทุนที่เก่งสุดในโลก อย่างวอเรน บัฟเฟต ยังทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้แค่ปีละ 20% เอง
แล้วพวกเขาเป็นใคร ที่จะมากู้เงินด้วยดอกเบี้ยระดับ 28%~36% จะเอาเงินไปสร้างผลตอบแทนอะไร ให้ได้ return มากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ตัวเองกู้มา ?!?
อย่างนี้เมื่อไหร่จะได้ผุดได้เกิด
แต่จะกล่าวหาบริษัทให้กู้พวกนี้โหดร้าย ก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะมันมีดอกเบี้ยที่มหาโหดที่สุดใน 3 โลก นั่นก็คือ "เงินกู้นอกระบบ"
https://www.tnews.co.th/social/362824/
พวกนั้นนี่ คิดเป็นรายวัน เช่น ดอกวันละ 2% ดีหน่อยก็คิดดอกเดือนละ 10%บ้าง 5%บ้าง แปลงออกมาเป็นหน่วยต่อดอกเบี้ยปี จะพบบว่าดอกเบี้ยพวกนี้อยู่ในระดัย 60%~120%ขึ้นไป !!!
ซึ่งมีอยู่เยอะมากๆ ในสังคมคนรายได้น้อย เช่น เงินกู้หมวกกันน็อคปล่อยตามวิน เงินกู้แทกซี่ ในตลาด ในที่ทำงาน
จุดนี้คือ ขุมนรก ชั้นล่างสุดของการเป็นลูกหนี้แล้ว คือ อัตราดอกเบี้ยมันโกงกันแบบใช้เท่า ก็เหมือนต้นจะไม่มีวันลดกันเลย
เจ้าหนี้ที่รวยจากการปล่อยกู้นอกระบบมีเยอะแยะมากและต้องเป็นคนใจเหี้ยม ใจเด็ด สามารถจะขู่บังคับลูกนี้ที่เบี้ยวไม่จ่ายเงินได้ด้วย เพราะหนี้พวกนี้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ จึงไม่แปลกที่พวกเจ้าหนี้ต้องรีบขูดเยอะๆ ให้ได้ทุนคืนมาเสียก่อน
จุดนี้เองทำให้ลูกหนี้นอกระบบ (ที่มีอยู่เยอะมาก) suffer และคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยคือกลุ่ม micro finance นี่เอง
แม้ว่าดอกเบี้ยพวกเขาจะโหดในระดับ 25~30% แต่ถ้าเทียบกับเงินกู้นอกระบบแล้ว กลายเป็นคนใจดีไปเลย
หลักการทำการตลาดของสินเชื่อ micro finance คือ ดึง ส่วนแบ่งการตลาดจากเงินกู้นอกระบบ เข้ามาเป็นลูกค้าตัวเอง
พวกเจ้าใช้วิธีการมีสาขาที่น่าเข้ามาใช้บริการ การต้อนรับพูดคุยกับลูกหนี้ด้วยวาจาที่สุภาพ (ไม่มีขู่แบบหนี้นอกระบบ) ทำให้ลูกหนี้นอกระบบมีแนวโน้มที่จะหันมาใช้บริการมากขึ้น
ในยามที่เศรษฐกิจไม่ดี จะมีความต้องการกู้เงินเพิ่มขึ้น. ส่วนในยากที่เศรษฐกิจดี ความต้องการกู้เงินก็ยังคงไม่หายไป
เพราะลูกค้าก็อยากซื้อมือถือใหม่ ซื้อทีวีใหม่ นู้นนี่นั่น ในยามเศรษฐกิจดีก็ไม่รีบเอามาใช้หนี้กัน
สรุป "เศรษฐกิจดี ไม่ดี ก็กู้เพิ่มอยู่ตลอด"
เมื่อจำนวนลูกหนี้คงค้างค่อยสะสมเพิ่มขึ้นๆทุกปี พอร์ตสินเชื่อของกลุ่ม micro finance จึงโตวันโตคืน
รายได้และกำไรของsector นี้จึงเติบโตรวดเร็วที่สุดกลุ่มหนึ่ง ในตลาดหลักทรัพย์ช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ไว้มาต่อภาค 2 กัน
ทุกๆบทความที่ได้ดาว GMH จะนำรายได้ทั้งหมดมอบให้เด็กพิการและผู้ป่วยยากไร้
ขอบคุณที่ติดตาม GMH Blockdit
- 12
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
