23 ส.ค. 2019 เวลา 08:10
ทำไมธุรกิจสเต๊กริมถนน ของร้านเสต๊กลุงหนวดจึงยืนหยัดอยู่ได้ ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดและการจับจ่ายของผู้คนลดลง?
ในวันที่ร้านเสต็กเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทยทั้งในศูนย์การค้า ภัตรคารและร้านสเต็กขนาดใหญ่กลางเล็ก ท่ามกลางการแข่งขันแบบดุเดือดเข้มข้น เข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า กระจายอยู่ทั่วประเทศ แต่ยังมีธุรกิจการสเต็กริมถนนของ “ร้านเสต็กลุงหนวด” ยังได้รับการอุดหนุนและลูกค้าต่างยังคงเข้าไปใช้บริการอย่างสม่ำเสมอและยังเป็นร้านเต็กในลำดับต้นๆที่คนไทยนึกถึง แล้วอะไรหรือที่ทำให้ร้านสเต็กลุงหนวดเป็นที่ชื่นชอบและดำรงอยู่ได้
“ยุคใหม่การตลาดของไทย” จะไม่ได้ทำการกล่าวถึงข้อมูลการขายจำนวนสาขารวมถึงข้อมูลด้านการทำธุรกิจที่แสดงถึงผลประกอบการ เพราะสามารถหาอ่านได้ในสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งใน Blockdit ก็มีให้อ่านสำหรับท่านที่สนใจ สิ่งที่ยุคใหม่การตลาดของไทย นำมาแบ่งปันในครั้งนี้เป็นการเน้นไปที่ร้านสเต็กลุงหนวดมีกลยุทธ์อะไรในการสร้างธุรกิจนี้
ย้อนกลับไปประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา “ยุคใหม่การตลาดของไทย” มีโอกาสได้ร่วมงานกับร้านเสต๊กลุงหนวด โดยเป็นผู้จัดส่งวัตถุดิบให้ และในวันหนึ่งได้มีโอกาสได้เข้าพบผู้ก่อตั้งทั้ง 2 สามีภรรยา (ต้องขอสงวนชื่อ เพราะท่านไม่ชอบเปิดเผยตัว) ท่านเรียกเข้าไปพบเพื่อที่จะให้เข้าไปรับทราบข้อมูลที่เราต้องปรับปรุงและอาจจะยกเลิกการทำธุรกิจด้วยหากไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไดๆ ภาพรวมก็คือถูกเรียกไปเพื่อรับทราบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั่นเอง คำถามแรกที่ท่านถามมาท่านบอกว่ามีปัญหาอะไรจึงทำให้เกิดเรื่องนี้ ขอเรื่องจริงเท่านั้นนะ ฟังแล้วมันสัมผัสได้ถึงความจริงใจตรงไปตรงมาของทั้ง 2 ท่าน และทำให้นึกถึงคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆท่านที่ต่างเป็นคนไม่ซับซ้อน ทำให้เรากล้าที่จะพูดโดยไม่ต้องปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลเพราะเป็นการหารือร่วมกันในการไปต่อไม่ใช่การหาคนที่ต้องรับผิด
ในระหว่างนี้“ยุคใหม่การตลาดของไทย” จึงมีโอกาสได้สอบถามประวัติการก่อตั้งธุรกิจสเต็กลุงหนวด ซึ่งจะได้แบ่งปันคร่าวๆเพื่อให้เข้าใจที่มาของกลยุทธ์ที่ทำให้ร้านสเต็กลุงหนวดก้าวมาเป็นผู้นำลำดับต้นๆของประเทศไทยในธุรกิจร้านสเต็ก โดยเฉพาะร้านสเต็กริมถนน
ในปี พ.ศ. 2540 ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ธุรกิจมากมายในประเทศไทยต่างล้มหายไปเป็นจำนวนมาก ผู้คนมากมายต่างหมดเนื้อหมดตัวจากอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทกับดอลล่าห์สหรัฐจาก 25 บาทกลายมาเป็น 40 บาทในชั่วข้ามคืนและสูงสุดไปถึง 52 บาท (เท่าที่จำได้) จากที่เป็นหนี้ 100 ล้านบาทเพียงข้ามคืนหนี้พุ่งเป็น 200 ล้านบาทและเป็นหนี้ระยะสั้นที่ต้องคืนเจ้าหนี้ ลุงหนวดและภรรยาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ได้รับผลกระทบนี้
ผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้จึงทำให้ 2 สามีภรรยาคู่นี้ตกลงใช้เงินที่มีเหลือประมาณ 2 หมื่นกว่าบาทที่เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายในตอนนั้น ตัดสินใจมาเปิดร้านขายโจ๊กก่อนในตอนแรกในตลาดสดแล้วกลายมาเป็นร้านสเต็กในที่สุด แต่ในระหว่างนี้ท่านได้เล่าถึงอุปสรรคที่ผ่านมามากมายที่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ (ซึ่งไม่ได้นำมาแบ่งปันในครั้งนี้)
จากการได้ร่วมงานกับท่านบอกได้เลยว่าท่านไม่ประณีประนอมต่อคุณภาพสินค้าไม่ยอมปล่อยผ่านได้ง่ายๆ ผู้ผลิตสินค้าที่ส่งขายให้ท่านทุกคนต่างก็อยากทำธุรกิจกับทั้ง 2 ท่าน ยิ่งทำให้ธุรกิจนี้มีอำนาจการต่อรองที่สูงที่จะได้สินค้าที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า ท่านบอกว่าการค้าขายหากเราเน้นเรื่องกำไรเป็นหลักเราจะได้กำไรแต่ไม่นาน ท่านเน้นในเรื่องของคุณภาพที่เหมาะสม คนที่เข้ามากินอาหารร้านท่านต้องได้รับในสิ่งที่คุ้มค่าทั้งคุณภาพรสชาติและราคาที่คุ้มกับการจ่ายไปเสมอ ไม่ได้มุ่งเน้นไปยังกำไรที่ต้องมาก แต่มุ่งเน้นไปยังสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ
นอกจากนี้แล้วท่านยังให้โอกาสผู้คนมากมาย เพราะท่านบอกว่าไม่ยากหรอกที่จะติดต่อซื้อสินค้าตรงเอง แต่ทำไมยังซื้อผ่านตัวแทนหลายคน นั่นก็เพราะท่านให้โอกาสคนในการลืมตาอ้าปากขึ้นมา และท่านมุ่งเน้นมากที่สุดคือความซื่อสัตย์ อาหารที่ท่านทำขายลูกๆท่านก็รับประทานอยู่เป็นประจำ ยิ่งทำให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับสิ่งที่คุ้มค่าเพราะแม้แต่คนที่ท่านรักที่สุดยังรับประทานอาหารที่ท่านทำขาย จึงส่งผลทำให้ท่านฟื้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายมาเป็นคนที่ไร้กังวลในเรื่องของรายได้จาก 20 ปีที่แล้ว (พอดี)
คุณสมบัติที่ทำให้ธุรกิจร้านเสต็กลุงหนวดประสบความสำเร็จ คือ
1. เป็นคนที่มองไปข้างหน้าต้องการทำธุรกิจที่ยั่งยืน
2. มีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนว่าต้องทำให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีกินดี
3. ลงมือทำในสิ่งที่สำคัญก่อน สร้างบัญชีออมใจกับผู้คนมากมาย
4. ใช้แนวทางในการตัดสินใจแบบชนะ/ชนะ
5. เข้าใจผู้คนก่อนแล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา
6. ท่านได้ให้โอกาสผู้คนที่แตกต่างที่มา แตกต่างความคิด แตกต่างความสามารถเข้ามาร่วมงานด้วย และที่สำคัญท่านยังเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา มองหาโอกาสใหม่ๆเสมอไม่หยุดนิ่ง
สรุปกลยุทธ์ของธุรกิจร้านเสต็กลุงหนวดแบบเข้าใจได้ง่ายๆดังนี้
1. เพิ่มอำนาจการต่อรองของตนเองกับคู่ค้า ทั้งปริมาณที่สั่งซื้ออย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ มีการวางแผนการสั่งซื้อล่วงหน้า และมีการชำระค่าสินค้าที่เร็วทำให้คู่ค้าไม่ต้องมีภาระในด้านการเงิน และมีสาขาจำนวนมากรองรับการทำธุรกิจในระยะยาว
2. ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจะต้องจ่ายน้อยกว่าในคุณภาพที่เท่ากันหรือดีกว่าคู่แข่ง มีการวางตำแหน่งคุณภาพและรสชาติของสินค้าเทียบเท่าหรือดีกว่าคู่แข่งที่เป็นร้านเสต็กขนาดใหญ่ระดับประเทศ
3. กลยุทธ์ด้านราคาทำให้คู่แข่งทางตรงที่ทำธุรกิจเดียวกันแข่งขันได้ยากมาก เพราะไม่ได้ทำได้ง่ายเนื่องจากต้องมีการสร้างรากฐานรองรับไว้ก่อนกับคู่ค้าที่ค้าขายกันมานาน
4. กลยุทธ์ด้านราคาที่คุ้มค่าก็ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกร้านสเต็กลุงหนวด ก่อนที่จะตัดสินใจไปสั่งอาหารประเภทอื่นๆมาแทน
5. สร้างงานให้ผู้คนซึ่งผู้คนเหล่านี้ก็เป็นกำลังหลักในการช่วยสนับสนุนธุรกิจไปด้วย
ขอบคุณภาพจาก Instragram: aulllua
ซึ่งทั้งหมดที่แบ่งปันมาจากการที่ “ยุคใหม่การตลาดของไทย” มีโอกาสได้พูดคุยได้ทำธุรกิจระหว่างกันมาในระยะหนึ่ง จึงเป็นอีกมุมต่างที่อาจจะไม่มีการแบ่งปันในแง่มุมนี้จากที่ไหนมาก่อน
แน่นอนว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุดคือสิ่งที่ไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นอยู่เสมอตราบใดที่โลกเรายังเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา การที่ธุรกิจสเต็กลุงหนวดประสบความสำเร็จในวันนี้ไม่ได้หมายถึงว่าต้องประสบความสำเร็จตลอดไป เพราะทุกธุรกิจต้องมีการปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง
ในครั้งต่อไปจะได้แบ่งปันมุมมองอีกมุมที่การเปลี่ยนแปลงของโลกปัจจุบันจะกระทบกับธุรกิจสเต็กริมถนนนี้อย่างไรบ้าง
FB Page: Thailand Modern Marketing
ข้อมูลมุมมองการตลาดที่ทันสมัยจากประสบการณ์จริง
อ่านได้ใน Blockdit ยุคใหม่การตลาดของไทย
โหลดที่ http://www.blockdit.com

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา