ปี 1508 พระสันตะปาปา Julius II ได้ให้ไมเคิลแองเจโลเขียนภาพบนเพดานโบสถ์น้อยซิสตีน (Sistine Chapel) ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่มากกว่า 500 ตารางเมตร ประกอบด้วยภาพกว่า 300 ภาพ โดยเป็นการวาดแบบปูนเปียกทั้งหมด เขาใช้ความทุ่มเทเป็นเวลา 4 ปี ก็ทำสำเร็จ ผลงานนี้มีชื่อว่าCeiling of the Sistine Chapel โดยภาพที่มีชื่อเสียงที่สุด ในนั้นก็คือ ภาพ The Creation Of Adam ส่วนภาพอื่นๆ นั้นก็ล้วนแล้วแต่ สวยงามไม่แพ้กัน
Ceiling of the Sistine Chapel
The Creation Of Adam
ในปี 1534 เขาก็ได้รับโอกาสอีกครั้งจากพระสันตะปาปา Clement VII ครั้งนี้เป็นการเขียนภาพบนผนังหลังแท่นบูชาของโบสถ์น้อยซิสตีน โบสถ์เดียวกับที่เคยวาดภาพครั้งที่แล้ว ในคราวนี้ ขนาดที่ต้องวาดก็ใหญ่มากเช่นกัน ครั้งนี้เขาใช้เวลาวาดนานถึง 8 ปี ออกมาเป็นภาพที่ชื่อว่า The Last Judgement
นอกจากสองภาพนี้แล้ว แองเจโลยังมีภาพเขียนอีกหลายภาพ เช่น ภาพ Doni Tondo ที่เขียนด้วยสีน้ำมันและสีฝุ่นซึ่งปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่หอศิลป์อุฟฟีซีในเมืองฟลอเรนซ์, ภาพ Manchester Madonna และภาพ The Entombment ทั้งสองภาพนี้เขียนด้วยสีฝุ่น ปัจจุบันอยู่ที่หอศิลป์แห่งชาติ (ลอนดอน) รวมทั้งผลงานภาพปูนเปียกชิ้นสุดท้าย The Crucifixion of St. Peter ที่โบสถ์น้อยพอลลีน (Pauline Chapel)
อีกหนึ่งงานที่แองเจโล ทุ่มเทมากที่สุด นั่นก็คือ การออกแบบและสร้างหลุมฝังศพครับ โดยเฉพาะของ พระสันตะปาปา Julius II เขาใช้เวลาถึง 40 ปีเลยทีเดียว กว่าหลุมศพนี้จะแล้วเสร็จ ปี 1523 ไมเคิลแองเจโลได้ออกแบบห้องสมุด Laurentian Library ที่โบสถ์ San Lorenzo ในเมืองฟลอเรนซ์ซึ่งถือเป็นต้นแบบของลัทธิจริตนิยม (Mannerism) เขาออกแบบห้องโถงและบันไดของที่นี่ได้โดดเด่นมาก ปี 1546 ได้ออกแบบลวดลายบนพื้นบริเวณจตุรัส Piazza del Campidoglio ในกรุงโรม ด้วยลวดลายที่สวยงามสลับซับซ้อนเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกชิ้นหนึ่ง ไมเคิลแองเจโลยังได้ออกแบบประตู Porta Pia และวิหาร Santa Maria degli Angeli e dei Martiri ในกรุงโรมอีกด้วย