28 ส.ค. 2019 เวลา 07:01 • ประวัติศาสตร์
EP.3 | บุคคลบนธนบัตรญี่ปุ่น ไม่ใช่กษัตริย์
รู้หรือไม่ว่า ? บุคคลที่ปรากฎอยู่บนธนบัตรของประเทศญี่ปุ่นไม่ใช่พระมหากษัตริย์ เเต่เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา
2
เเล้วทำไมคนธรรมดาทั่วไปถึงไปปรากฎอยู่บนธนบัตรของญี่ปุ่นได้ | สมองไหล จะเล่าให้ฟัง…
คนญี่ปุ่นเรียกพระมหากษัตริย์ว่า “สมเด็จพระจักรพรรดิ” ซึ่งสมเด็จพระจักรพรรดิของญี่ปุ่นนั้นไม่ได้ถูกนำขึ้นมาไว้บน “ธนบัตรสกุลเยน” เหมือนอย่างของไทยเรา
เนื่องจากคนญี่ปุ่นมองว่า “สมเด็จพระจักรพรรดิ” ไม่ได้ทำคุณงามความดีอะไรให้กับประเทศ ท่านอยู่ได้ก็ด้วยงบประมาณจากรัฐบาลเเละภาษีของประชาชน โดยแบ่งเป็นสำหรับใช้ส่วนตัว 324 ล้านเยน (ประมาณ 100 ล้านบาท) กิจกรรมทางการ 5,683 ล้านเยน (ประมาณ 1,800 ล้านบาท) เงินเพื่อรักษาศักดิ์ศรีตระกูลจักรพรรดิ 288 ล้านเยน (ประมาณ 70 ล้านบาท)
อาจจะดูเหมือนไม่มากเท่าไหร่ แต่สำหรับคนญี่ปุ่นรู้สึกว่ามากพอสมควร
คนญี่ปุ่นจึงสนับสนุนให้ผู้ที่จะถูกยกย่องให้ขึ้นมาอยู่บนธนบัตรได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้สังคมหรือทำคุณงามความดีให้กับประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
โดย “ธนบัตร” ของญี่ปุ่นมีทั้งหมด 4 เเบบ เเบ่งเป็นใบละ 1,000 เยน 2,000 เยน 5,000 เยน เเละ 10,000 เยน
บุคคลเเรกที่ปรากฎอยู่บนธนบัตรใบละ 1,000 เยน นี้มีชื่อว่า Noguchi Hideyo ท่านคือนายแพทย์ผู้มีบทบาทสำคัญต่อวงการแพทย์ในญี่ปุ่นและทั่วโลก
ตอน Noguchi ยังอายุหนึ่งขวบครึ่ง เขาตกลงไปในเตาไฟแบบญี่ปุ่นที่มีอยู่ที่พื้น และโดนลวกสาหัสที่มือซ้ายซึ่งผิวหนังของมือเขาลอกละลาย และทำให้นิ้วของมือซ้ายเขาติดกันหมดจนใช้การไม่ได้อย่างคล้ายเป็นพิการ
ต่อมาในปี 1911 Noguchi ก็เป็นผู้ค้นพบว่าโรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคอัมพาตได้ เเละยังเป็นผู้วิจัยเกี่ยวกับโรคไข้เหลือง ซึ่งได้ตั้งสมมติฐานว่าโรคไข้เหลืองเกิดจากการติดเชื้อจากไวรัส ไม่ใช่ติดเชื้อจากแบคทีเรีย
Noguchi ต้องใช้เวลาหลายปีในการพิสูจน์สมมติฐานนี้ และยังได้พัฒนาวัคซีนต่อต้าน โรคไข้เหลืองซึ่งได้ถูกนำมาใช้ในภายหลัง
นอกจากนี้ Noguchi ยังเป็นคนที่คิดค้นสูตรสำเร็จในการรับประทานอาหารให้กับคนญี่ปุ่น ว่าในเเต่ละมื้อควรรับประทานอะไร ในปริมาณเท่าไหร่ ถึงจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด
สูตรนี้จึงเป็นสูตรที่ได้รับการยอมรับจากคนญี่ปุ่นอย่างเเพร่หลาย จนกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คนญี่ปุ่นมีสุขภาพร่างกายเเข็งเเรงจนกลายเป็นประเทศที่ประชากรมีอายุยืนที่สุดในโลก
ซึ่งผมการันตีเลยว่าเป็นความจริงทุกประการ !! เพราะตอนที่ผมไปเที่ยวญี่ปุ่น ผมคิดว่าไกด์ของทัวร์ผมอายุประมาณ 40 ปี เพราะเขาหน้าเด็กมากเเถมยังยกของหยิบจับอะไรได้อย่างคล่องแคล่ว เเต่พอถามอายุเขาก็ตอบผมว่า “ผมเกษียณมา 3 ปีเเล้วครับ”
ผมอึ้ง !! ไปครู่หนึ่งเเละค่อยๆมองไปรอบๆ ขณะที่อยู่ร้านอาหาร สิ่งที่ผมเห็นก็คือ พนักงานทุกคนเกือบทั้งร้านอายุ 60 ขึ้นไปทั้งนั้น เเต่พวกเขากลับเดินหลังตรงเสิรฟอาหาร ยกเก้าอี้กันอย่างคล่องแคล่วว่องไว ผิดกับอายุจริงๆ
ด้วยคุณงามความดีที่ Noguchi ได้สร้างให้กับประเทศญี่ปุ่นอย่างมากมายมหาศาล ท่านจึงได้รับเกียรติให้ขึ้นไปอยู่บนธนบัตรใบละ 1,000 เยนของญี่ปุ่น
บุคคลต่อมาที่ได้ขึ้นไปปรากฎอยู่บนธนบัตรใบละ 5,000 เยน คือสุภาพสตรีที่มีชื่อว่า Higuchi Ichiyo เป็นกวีหญิงคนแรกที่มีความสำคัญในยุคเมจิ (ระหว่างปี ค.ศ.1868 – 1912) และมาจนถึงญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันด้วย
Higuchi เป็นกวีที่เชี่ยวชาญด้านการเขียนเรื่องสั้น ซึ่งจุดเด่นงานเขียนของท่านก็คือ การใช้ภาษาญี่ปุ่นโบราณชั้นสูง ที่เป็นจุดแตกต่าง จากนักเขียนท่านอื่น ๆ ในยุคนั้นซึ่งยากต่อการนำไปแปลและยากต่อการอ่านอีกด้วยเช่นกัน
เเละบุคคลสุดท้ายที่ได้รับเกียรติให้ขึ้นไปปรากฎอยู่บนธนบัตรใบละ 10,000 เยน ซึ่งเป็นธนบัตรที่มีมูลค่าสูงที่สุดของญี่ปุ่นก็คือ Fukuzawa Yukichi เป็นบุคคลที่สำคัญต่อวงการการศึกษาของญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
ท่านเป็นผู้แต่งตำราเรียน เป็นนักเขียน ผู้สร้างแนวคิดปฏิรูปเมจินำญี่ปุ่นสู่ยุคใหม่ และยังเป็นผู้ก่อตั้ง มหาวิทยาลัย Keio , หนังสือพิมพ์ Jiji-Shinpō และก่อตั้งสถาบัน National Institute for Study of Infectious Diseases อีกด้วย
นอกจากนี้ Fukuzawa ยังเป็นบุคคลแรกที่แปลพจนานุกรม จากภาษาอังกฤษ-จีน เป็น อังกฤษ-ญี่ปุ่น และที่สำคัญท่านยังเป็นคนคิดค้นตัวอักษร vu (ヴ), va (ヴ) เพื่อใช้ในการออกเสียงแบบภาษาอังกฤษให้คนญี่ปุ่นได้ใช้มาจนถึงทุกวันนี้
Fukuzawa Yukichi จึงเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องให้ได้ไปปรากฏอยู่บนธนบัตรใบละ 10,000 เยนอย่างที่เราเห็นกัน
ส่วนธนบัตรใบละ 2,000 เยนนั้น คือธนบัตรเเบบเดียวที่ไม่มีรูปคนปรากฎอยู่ เเต่เป็นรูปภาพวาดประตู “ชูเรมง อยู่ที่จังหวัดโอกินาว่า
สำหรับธนบัตรใบละ 2,000 เยนนี้ถูกผลิตขึ้นในปี คศ. 2000 ซึ่งตรงกับสมัยของนายกรัฐมนตรี เคโซ โอบุจิ เป็นธนบัตรที่ระลึกในการประชุม G8 Summit ครั้งที่ 2
เป็นธนบัตรที่หายากเเละเป็นที่ต้องการมากจนหายไปจากท้องตลาดอย่างรวดเร็ว เพราะผู้ที่ได้ครอบครองส่วนใหญ่ก็จะเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก
หากถูกใจบทความนี้ ก็อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ เเละกดติดตามเพจ "สมองไหล" กันด้วยนะครับ จะได้ไม่พลาดบทความดีๆ ที่มีมาเสริฟให้คุณทุกวัน
ขอบคุณครับ 🙏
โฆษณา