28 ส.ค. 2019 เวลา 17:44 • ดนตรี เพลง
"นี่ฉันเอง/หากวันนั้น"
นี่ฉันเองคนนี้......
นี่ฉันเองคนเดิมที่ยังรักเธอ.....
นี่ฉันรอที่จะได้เจอฉันรอที่จะพบเธอ
ไม่ว่านานเเค่ไหน
นี่ฉันเองคนนี้
นี่ฉันเองเธอยังจำกันได้รึเปล่า
นี่ฉันเองก็ยังได้ข่าวยังพอรู้ถึงเรื่องราว
นี่ฉันเองคนนี้ ..........
2 สิงหาคม 2562 ในระหว่างการตรวจสอบการกัดกร่อน ของชิ้นงานวิจัย
เพลงนี้ดังขึ้นมา ได้ 2 ท่อน
ผมสะอึก และต้องละสายตาจากงานวิจัย
เพลงที่ไม่รู้จัก
เพลงที่ไม่ได้ตั้งใจเปิด
แค่เปิดยูทูปขึ้นมาในระหว่างทำงาน
กลับทำให้ผมทิ้งงานทุกอย่าง และ ดู MV เพลงนี้อย่างตั้งใจ
นี่ฉันเอง ของวงลิปตา ที่ Feat.กับ Kob flat boy
ดูไปซักพัก น้ำตาผมเริ่มคลอ ภาพเก่าๆมันย้อนกลับมา
ไม่ได้รู้สึกเกลียด ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่อึดอัด เหมือนหัวใจมันถูกบีบ
บางทีเรื่องราวๆ ความรัก มันก็ซ้ำๆ เอ็มวี ของเพลงนี้ก็เช่นกัน
เป็นเรื่องราวความรักระหว่างเรียน ของ หนุ่ม สาวคู่หนึ่ง แต่ทั้งคู่ไม่เคยบอกรักกัน
ทั้งคู่พยายาม อยู่ใกล้กันโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
แต่สุดท้าย เรื่องราวความรักของทั้งคู่ไม่ได้สุขและสมหวัง
ต่างห่างและหายกันไป โดยไม่ได้บอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายรู้
จนวันหนึ่งทั้งคู่ต่างกลับมาเจอกันอีกครั้ง ในงานแต่งงานของฝ่ายชาย
เรื่องราวของผมก็เช่นกัน ต่างกันแต่เพียง ผมต้องเป็นฝ่ายไปแต่งงานของเขา
อาจจะเหมือนนิยายน้ำเน่า ผมกับเธอ เราเจอกันตั้งแต่ ป.6 หลังจากนั้น เราก็เรียนห้องเดียวกันมาตลอดจนถึง ม.ปลาย
หลังจากจบ ม.5 ผมสอบเทียบและเข้าเรียนต่อ มหาวิทยาลัยในต่างจังหวัด
ปีถัดมาเราได้กลับมาเรียนด้วยกันอีกครั้ง เธอเลือกเรียนที่เดียวกับผม
แม้จะคณะเดียวกันแต่เราอยู่คนละสาขา
ช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัย เราสนิทกันมากขึ้น แต่ไม่มีใครบอกความรู้สึกกันอย่างจริงจัง
เราต่างรัก แต่เราไม่เคยบอก
เรารู้สึก แต่ไม่เคยพูด
ไม่ใช่สิ
จริงๆแล้วเธอเคยบอกกับผมด้วยซ้ำว่า
"เรามาคบกันเถอะ" แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะ
อาจเพราะเราสนิทกันมาก จนผมไม่เชื่อว่าเธอจะกล้าพูด และไม่รู้ว่าเธอจะคิดแบบนี้จริงๆ
จึงไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกจริง ๆขแชองตัวเองออกไป
คำที่ไม่น่าพูดที่สุด "เธอไม่เหมาะที่จะเป็นแม่ของลูกเราหรอก"
จึงถูกตอบไปอย่างไม่ทันได้คิด
ทั้งๆที่ทุกครั้งที่เธอกอด ทุกๆครั้งที่เธอแอบเอาหน้าซบแผ่นหลังของผม
ในช่วงเวลาที่เธอนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถมอเตอร์ไซค์ ผมมีความสุขที่สุด
ช่วงเวลาที่เราขับรถไปเที่ยวนอกมหาวิทยาลัย เวลาเห็นบ้านหลังเล็กๆ แต่มีพื้นที่กว้างๆ
เธอมักจะพูดเสมอ ว่า ไว้เรียนจบ เรามาซื้ออยู่ด้วยกันนะ
ผมมักจะตอบสั้น ๆ ว่าอืมม แต่ในใจกลับยิ้มกว้าง
และไม่เคยสานต่อกับสิ่งที่เธอบอก
ผมเป็นไอ้โง่ ที่ไม่เคยรู้เรื่องราวอะไรเลย และกลับทำร้ายเธอด้วยคำพูดแบบนั้นอีก
ก็สมควรแล้วละ ที่เธอจะตัดใจ และ ตีกรอบหยุดความสัมพันธ์กับผมเอาไว้ที่คำว่าเพื่อน
1
และเริ่มเปิดใจให้คนอื่น
เมื่อถึงตรงนี้.....ผมเริ่มรู้สึกบ้างแล้ว
ที่ผ่านมา
ผมรู้ตัวตลอดว่าผมชอบเธอ แต่ไม่เคยรู้เลยซักนิด ว่าความรักมันเกิดขึ้นตอนไหน
แต่ทุกครั้งที่เธอไปกับคนอื่น มากกว่าความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้น มันคือความเป็นห่วงที่มากกว่า
ห่วงจนกระทั้ง ผมต้องมานั่งทบทวนตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผม
"ความรัก และผมรักเธอ มากกว่าคำว่าเพื่อน"
คือข้อสรุปที่ผมได้
แต่ผมก็ยังคงไม่กล้าบอกเธอ
คืนนั้น ผมจับปากกา เล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา
ผ่านตัวอักษร
แอบเอาไปใส่ไว้ในช่องจดหมาย และรอว่าเมื่อไหร่เธอจะโทรมา
และเธอก็โทรมาจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าเพราะจดหมายหรอกนะ แต่เธอไม่ค่อยสบายใจและอยากให้ผมพาไปเที่ยวต่างหาก
ผมไม่ได้ถามว่าเธอเป็นอะไร
ได้แต่ปล่อยให้เธอเอาหน้าแนบอยู่บนแผ่นหลัง
ระหว่างทางที่เราไปเที่ยวด้วยกัน ผมไม่พูดเรื่องจดหมายที่เขียนส่งที่ใต้หอ
เรายังคงสนุกสนานเฮฮากันเหมือนเคย
จนกระทั่ง เกือบกลับถึงหอพัก
ผมจึงตัดสินใจบอกเธอ บนหลังรถมอเตอร์ไซค์ที่เธอนั่งซ้อนท้ายอยู่
เธอนิ่งไปพักใหญ่ และตอบมาว่า
"ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้"
น้ำตาผมเริ่มไหล แต่เธอคงไม่เห็นหรอก
ผมพยายามเร่งความเร็วรถผ่านความมืดให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
เพื่อให้สายลมช่วยกลบเกลื่อนเสียงอันสั่นเครือ
และตอบกลับเธอว่า
อีกซักพักนะ เดี๋ยวเราพาเธอกลับ
หลังจากนั้น
ระหว่างทางกลายเป็นความเงียบสงัด
และเราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยกว่า 2 ปี
ไม่ใช่จากความโกรธ ไม่ใช่ว่าเกลียด แต่มันเจ็บ!!
2 สิงหาคม 2562
 
21 ปี 0 เดือน 0 วัน นับจากวันที่ผมบอกรักเธอในวันนั้น
หากมีคนถามว่ายังรักเธอไหม ผมไม่ตอบคุณหรอก
แต่ผมเชื่อว่า
เวลา........ที่เรารักใครซักคนจริงๆ
เราก็รักไปจนตายนั้นแหละ
ความรักมันอาจเจือจางจากเวลา แต่มันไม่ได้ไปไหน.......ยังคงแอบซ่อนอยู่ภายในหัวใจนั้นแหละ
ท้ายที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปมากพอ และคุณโตขึ้น
ความเจ็บปวดที่เคยมี บวกกับความรักที่มีอยู่จริง
จะตกตะกอนเหลือไว้แค่ความปรารถนาดีต่อกัน
แม้ความรู้สึกของผมต่อเธอยังคงอยู่
แต่ผมเปลี่ยนไปมาก จากวันที่บอกรักเธอ หัวใจผมแตกสลาย แต่มันทำให้ผมคิดได้ในหลายๆเรื่อง
ก่อนวันนั้นผม มีโลกอันอ่อนโยนและอ่อนเยาว์ เพียงใบเดียว
หลังจากที่โลกใบนั้นแตกสลาย โลกที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ .....ไม่เหมือนเดิม
ผมเริ่มมีโลกใบเล็ก สำหรับเขียนถึงเธอ
และโลกที่ผมอยู่ประจำผมมองมันโหดร้ายขึ้น
แต่
ผมกล้าขึ้น ที่จะบอกความรู้สึก
ผมกล้าขึ้นที่จะแสดงความคิดเห็น
อาจเป็นเพราะความกลัว จากความผิดหวังน้อยลง
อาจเป็นเพราะ คิดได้ว่า หากกล้าที่จะทำสิ่งต่างๆให้มากขึ้น มันก็มีผลลัพธ์อยู่แค่ สองอย่าง
สำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จ ?
แต่หากว่าเรากลัวที่จะทำ แน่นอนสิ่งที่เราอยากทำมันย่อมไม่สำเร็จเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ นอกจากจะมีเทวดามาโปรด
และท้ายที่สุดคุณจะเสียใจที่สุดกับสิ่งไม่ได้ทำ และจมอยู่กับคำว่า.........หากวันนั้น
#เหล็กไม่เอาถ่าน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา