เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า หากว่าสนใจลงทุนในกอง principal iprop จะพบว่ามีหลายกองให้เลือกตั้งแต่ principal iprop-a, principal iprop-d, principal iprop-r แล้วมันคืออะไรกัน
Class ต่างๆของกอง principal iprop (ภาพจากแอพ nomura ifund)
ในความเป็นจริงแล้วทั้ง principal iprop-a, principal iprop-d, principal iprop-r เป็นกองเดียวกัน (อันนี้ผมไม่ได้ล้อเล่นเหมือนอันบนนะ)
แต่เป็นกองทุนที่มีการแยกชนิดหน่วยลงทุน หรือ Share class ให้มีความแตกต่างกันตามความต้องการของผู้ลงทุน
ในบทความนี้จะขอกล่าวเฉพาะ Share class ที่นักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อได้
1. Class A
Class A เป็นชนิดหน่วยลงทุนประเภทสะสมมูลค่า พูดง่ายๆก็คือลงทุนแล้วไม่จ่ายปันผลให้
2. Class D
Class D เป็นชนิดของหน่วยลงทุนที่มีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ลงทุน
ทั้งนี้ทั้ง Class A และ Class D ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะเข้าใจได้ง่าย และคุ้นเคยเป็นอย่างดี
3. Class R
Class R เป็นชนิดของหน่วยลงทุนที่มีการขายคืนหน่วยลงทุนให้บางส่วนให้แก่ผู้ลงทุนโดยอัตโนมัติ
หรือที่คนขายมักจะพูดว่า Auto redeem นั้นแหละ
อ่านมาถึงตรงนี้บางคนอาจจะคิดว่า แล้วจะมี Class R มาเพื่ออะไร
ความจริงแล้ว Class R เกิดมาเพราะว่าต้องการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเพื่อปิดจุดอ่อนของ Class D
แต่ถ้าลงทุนกองทุนที่มีนโยบาย Auto redeem ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน เงินที่ได้จากการ Auto redeem นั้นจะไม่เสียภาษีใดๆ เพราะว่ากำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนจะได้รับการยกเว้นภาษี
ทั้งนี้กองทุนรวมชนิดหน่วยลงทุน แบบ Class R จะไม่มีใน LTF และ RMF เพราะว่าถ้ามีจะเข้าข่ายผิดเงื่อนไขทางภาษีทันที
ทั้งนี้ในรายละเอียดความต่างระหว่าง Class D และ Class R ถ้าเขียนลงในตอนนี้ทั้งหมดเลยอาจจะทำให้ยาวมาก ดังนั้นขอยกไปเขียนในตอนอื่นแทนครับ
นอกจากทั้ง 3 Class แล้วนั้นยังมี Class E ซึ่งในตอนนี้มี บลจ. ไทยพาณิชย์จัดจำหน่ายอยู่แห่งเดียว
ซึ่ง Class E ดังกล่าว เป็นชนิดหน่วยลงทุนที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมในการจัดการ และไม่คิดค่าธรรมเนียมตอนที่ผู้ลงทุนซื้อ