Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อ่านหนังสือพัฒนาตนเอง
•
ติดตาม
1 ก.ย. 2019 เวลา 15:36 • หนังสือ
ฮาร์วาร์ด เล่มที่ 1
"วิชาชีวิตที่ไม่มีในตำรา"
1
หนังสือดี เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ คำพูดนี้แต่ก่อนผมก็ไม่เข้าใจ จนได้มาสัมผัสกับตัวเองจึงได้รู้ว่า "หนังสือดี เปลี่ยนแปลงได้ทั้งแนวคิด วิธีการในการดำเนินชีวิตได้อย่างมากมาย" ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้หันมาอ่านหนังสือพัฒนาตนเองอย่างจริงจัง จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่เคยหยุดอ่านเลยแม้แต่วันเดียว
สำหรับในครั้งนี้ผมอยากจะมาแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งให้กับทุกคนได้อ่านกัน ในมุมมองผมผมคิดว่ามันดีมากๆเลยแหละ ผมจะสรุปเนื้อหาในแต่ละบทไว้คร่าวๆไว้ให้ทุกคนลองอ่านกัน เผื่อวันหนึ่งเพื่อนคนไหนอยากอ่านก็สามารถไปซื้อมาอ่านกันได้เลย...
HARVARD'S 4:30 A.M.
บทที่ 2 : ไม่ว่าเวลาใด
"คุณรู้ไหมว่าจริงๆ แล้วคุณเรียนเพื่อใคร?"
การที่คนคนหนึ่งไม่มีแรงจูงใจที่ดีในการศึกษาเล่าเรียน และไม่รู้เป้าหมายของสิ่งที่กำลังทำ ก็ยากที่จะสร้างแรงผลักดันที่มีประสิทธิภาพ ถ้าเราไม่รู้ว่าอะไรคือแรงจูงใจในการเรียนของตนเองหรือไม่รู้เป้าหมายของการเรียน ก็จะถือว่าการเรียนคือภาระ และการอ่านหนังสือเป็นเพียงแค่หน้าที่ / การที่เรารู้ว่าเรียนเพื่อใคร และทำไมต้องเรียน จะทำให้มีแรงผลักดันให้มุ่งไปข้างหน้า ทำให้สามารถพิชิตอุปสรรคนานัปการ และเมื่อได้รับความสำเร็จก็จะรู้ได้ว่าการเรียนเป็นความสนุกสนานอย่างหนึ่งของชีวิต
2
"รู้จักตนเอง แสวงหาความรู้ในสิ่งที่ไม่รู้"
เพราะมีเพียงคนที่รู้จักตนเองเท่านั้นที่รู้จักคนอื่น การที่รู้จักตนเองว่าสามารถทำอะไรได้ เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การรู้จักตนเองว่าไม่สามารถทำอะไรได้นั้นสำคัญยิ่งกว่า สำหรับคนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาว หากต้องการค้นหาจุดด้อยของตนเอง ก็ต้องวิเคราะห์ตนเองอย่างลึกซึ้ง การวิเคราะห์ดังกล่าวไม่ใช่แค่การหาจุดเด่นหรือสิ่งยืนยันความสำเร็จของตนเท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือการเอามีดผ่าตัดวิเคราะห์ตนเอง สไลด์ผ่านเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาน แล้วถามจิตวิญญานของตนว่า จุดด้อยของฉันอยู่ที่ไหน พรุ่งนี้ฉันควรจะขยันหมั่นเพียรอย่างไร ที่ฮาร์วาร์ดมีคติสอนใจที่ดีประโยคหนึ่งว่า "คนที่มีสายตาเฉียบแหลม ความรู้ลุ่มลึก หากพวกเขายอมรับได้ว่าตนเองมีข้อจำกัด เขาก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปจากคนที่สมบูรณ์แบบ"
3
"สำหรับเรือที่หลงทาง ทุกทิศทางลมเป็นทิศทางที่ทวนลมเสมอ"
ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เคยทำวิจัยที่มีชื่อเสียงมาก จากการทำแบบสำรวจ นศ. 600 คน พบว่า 27% ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ,60% มีเป้าหมายในชีวิตที่คลุมเคลือ ,10% มีเป้าหมายชีวิตระยะสั้นที่ชัดเจน และส่วนที่เหลือ 3% มีเป้าหมายชีวิตระยะยาวที่ชัดเจน ผลการวิจัยติดตามเป็นระยะเวลา 20 ปี พบว่า คนกลุ่ม 3% กลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในแวดวงสังคม ,คนกลุ่ม 10% กลายเป็นบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในหลากหลายอาชีพที่ขาดไม่ได้ในสังคม เช่น แพทย์ ทนายความ วิศวกร ผู้บริหารระดับสูง ,คนกลุ่ม 60% กลายเป็นบุคคลสังคมระดับกลางและระดับล่าง ได้งานที่มั่นคง แต่ไม่มีความสำเร็จในหน้าที่การงานเท่าที่ควร และกลุ่มคน 27% กลายเป็นบุคคลระดับล่างที่สุดและไม่สมหวังในชีวิต คนกลุ่มนี้มักตกงาน ต้องพึ่งความช่วยเหลือทางการเงินจากสังคม ชอบบ่นว่าคนอื่น บ่นว่าสังคม และบ่นว่าทุกอย่างในโลกใบนี้ อันที่จริงแล้วคนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาวที่ยอดเยี่ยมต่างรู้ดีว่าการมีเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจนจึงจะเป็นพื้นฐานแห่งความสำเร็จ ก่อนลงมือทำพวกเขาจะรู้ว่าเป้าหมายของตนเองคืออะไร ไม่ใช่ทำมันอย่างไร้หลักการ พวกเขารู้ว่าก้าวต่อไปจะไปในทิศทางไหน เรื่องไหนต้องทำ และควรทำอย่างไร เรื่องไหนที่ไม่สำคัญก็อาจหลีกเลี่ยง จึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3
"มองการณ์ไกลและมีเป้าหมาย อีก 10 ปีข้างหน้าจะไม่มีใครแทนที่คุณได้"
หากเป้าหมายชีวิตของคนคนหนึ่งยิ่งไกล เขาก็ยิ่งจะประสบความสำเร็จมาก "ในอีก 10 ปีข้างหน้า พวกคุณคาดหวังว่าจะอยู่ในระดับไหน และทำงานอะไร?" เป้าหมายและแผนการเป็นกุญแจวิเศษที่นำไปสู่ความสุขและความสำเร็จ คนที่มีเป้าหมายและแผนการศึกษาที่ชัดเจน เขียนมันออกมาและนำไปปฏิบัติจริง ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาจะมีมากกว่าคนที่มีเป้าหมายและแผนการแต่เก็บไว้ในสมองหรือบนกระดาษถึง 10-50 เท่า สิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จนั้นตอนเริ่มต้นเป็นเพียงทางเลือกทางหนึ่ง เมื่อเลือกเป้าหมายแบบไหน ก็จะประสบความสำเร็จและมีชีวิตแบบนั้น สภาพความเป็นอยู่ในวันนี้ไม่ได้ตัดสินในวันนี้ แต่มันเป็นผลที่มาจากเป้าหมายชีวิตของเราที่ผ่านมา สภาพความเป็นอยู่ของวันพรุ่งนี้ไม่ได้ใช้อนาคตเป็นตัวกำหนด แต่มันเป็นผลที่มาจากเป้าหมายชีวิตของพวกเราในวันนี้ สำหรับคนที่มองการณ์ไกลและมีเป้าหมายชีวิต การเลือกในวันนี้จะชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จในอนาคตล่วงหน้า
2
"กล้านั่งแถวแรก กล้าเป็นที่หนึ่ง"
คนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาว ต้องจำไว้ว่า ไม่ว่าทำอะไรก็ตาม ทัศนคติของคุณเป็นตัวกำหนดความสำเร็จสูงสุดของคุณ ทัศนคติในการดำเนินชีวิตที่กระตือรือร้นที่ว่า "ต้องนั่งแถวแรกตลอด" กระตุ้นให้พวกเราพัฒนาไปสู่เป้าหมายและแนวทางที่สูงที่สุดและดีที่สุด คนที่นั่งแถวแรกไม่ได้มักคิดว่าการนั่งแถวแรกเป็นอุดมณ์การดำเนินชีวิตแต่ไม่เคยลงมือทำ ในเส้นทางของการดำเนินชีวิต คนที่เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่งดงามก็คือ "คนที่มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะปีนให้ถึงจุดสูงสุดและไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย"
1
"ไม่มีอะไรที่สายเกินไป ณ เวลานี้คือเวลาเริ่มต้นที่ดีที่สุด"
คนเราควรมีความเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถทำความฝันให้เป็นความจริงได้ จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างสร้างอุดมการณ์ที่เปรียบเสมือนอาคารใหญ่นั้น คนที่มุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายของตนและดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ โลกทั้งใบก็ยอมหลีกทางให้เขา เราควรจำคำนี้ไว้ให้ได้ขึ้นใจคือ "นึกได้แล้วรีบทำ" เมื่อมีความใฝ่ฝันและเป้าหมายก็ต้องรีบลงมือทำ อย่าได้ผัดวันประกันพรุ่ง อย่าคิดว่าวันหลังค่อยทำ ไม่มีอะไรที่สายเกินไป เพราะ ณ เวลานี้คือเวลาที่ดีที่สุด
บทที่ 3 : เป็นตัวของตัวเอง
"ความเกียจคร้าน กินแรงมากกว่าความหมั่นเพียร"
อย่าผัดงานของวันนี้ไปวันพรุ่งนี้ เรื่องของวันนี้ก็ทำให้เสร็จวันนี้ ความเกียจคร้านเปรียบเสมือนสนิมที่กัดกินพลังงานของร่างกายมากเสียกว่าการทำงานอย่างหนักหน่วง ไม่มีอะไรที่จะอันตรายไปกว่าการไม่ทำอะไรเลย เกียจคร้านและเบื่อหน่าย เพราะความอุตสาหะเปรียบดั่งทอง ความอุตสาหะเป็นวิถีทางสู่ความสำเร็จที่ต้องเดินผ่าน ไม่ว่าทำการใดต้องหมั่นเพียร จะวางแผนเรื่องใดต้องไม่เกียจคร้าน
1
1
"โฟกัสพลังของคุณกับสิ่งเดียว"
พลังงานของคนเรามีจำกัด การแบ่งเอาพลังงานที่มีไปทำสิ่งต่างๆ หลายสิ่งในเวลาเดียวกัน เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดและสอดคล้องกับความเป็นจริง หากคนคนหนึ่งสนใจหลายสิ่งหรือมีความชอบหลายอย่างก็ถือเป็นเรื่องปกติ ทว่าโดยปกติแล้วมีแต่ความตั้งใจทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างจดจ่อเท่านั้นที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จและเอาชนะอุปสรรคในชีวิตได้ คนที่ชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ผลที่ได้ก็คือแม้แต่เรื่องเพียงเรื่องเดียวก็ยังทำให้ดีไม่ได้
"ทำให้ตนเองก้าวหน้าวันละนิดทุกวัน"
1
ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน หากพวกเราสามารถทำให้ตนเองก้าวหน้าวันละนิดทุกวัน แม้จะเป็นความก้าวหน้าเพียง 1% แล้วจะมีอะไรมาขวางการก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ เพราะหากเราไม่ก้าวไปข้างหน้า ก็คือถอยหลัง
"เปลี่ยนอุปสรรคเป็นแรงจูงใจ เพราะทางข้างหน้าของคนทุกคนล้วนมีไม้ขวางอยู่"
1
คนทุกคนต้องผ่านวัยหัดเดินก่อน จึงจะมีจังหวะก้าวที่สวยงามเช่นวันนี้ได้ เช่นเดียวกันคนทุกคนต่างต้องผ่านประสบการณ์ความล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งจึงจะประสบความสำเร็จได้ ผู้นำที่แท้จริงต้องรู้ว่าจะเผชิญกับความล้มเหลวและเอาชนะตนเองได้อย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากโคลนตมแห่งความลำบาก
"จำไว้ว่า ที่ดีที่สุด อยู่ที่ครั้งถัดไป"
หากเปรียบความสำเร็จที่ได้รับในปัจจุบันกับความสำเร็จที่คาดหวังว่าจะได้รับในอนาคตแล้ว อาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จในปัจจุบันเป็นเพียงความสำเร็จที่เล็กน้อยเกินจะบรรยาย บางครั้งในกลุ่มเพื่อนร่วมชั้น คุณอาจจะเป็นคนที่เก่งที่สุดแล้ว แต่ถ้าต้องเปรียบเทียบกับคนอื่นนอกชั้นเรียนล่ะ ความรู้สึกดีใจเมื่อประสบความสำเร็จเป็นเรื่องที่สมควรเพราะมันแสดงให้เห็นว่า คุณก้าวไปข้างหน้าอีกก้าวเพื่อบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ แม้จะเป็นเพียงความสำเร็จก้าวเล็ก ๆ แต่มันก็ช่วยย่นย่อระยะทางสู่ความสำเร็จให้สั้นเข้าไม่ใช่หรือ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ให้จำไว้เสมอว่าต้องทำให้ดีกว่านี้ หากคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็จะเข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น
1
"คนที่ขยันขันแข็ง มักจะได้โอกาสมากกว่าคนอื่น"
1
อย่าได้คิดว่าโอกาสเปรียบเสมือนแขกที่มาเยือน มาเคาะประตูบ้านคุณ และรอให้คุณออกมาเปิดประตูต้อนรับ ความจริงกลับตรงกันข้าม โอกาสเป็นสิ่งที่ไม่อาจจับต้องได้ ไร้เงาและรูป ไร้เสียงและวี่แวว บางครั้งมันซ่อนอยู่ในการทำงานที่ขยันขันแข็งของคุณ บางครั้งก็วนเวียนอยู่ในมุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็น หากว่าคุณไม่ได้ทำงานอย่างหนัก อาศัยความเพียรพยายามที่จะแสวงหาและสร้างสรรค์มันแล้ว คุณก็อาจจะไม่ได้พบกับมันตลอดชั่วชีวิต
1
บทที่ 4 : ใช่ คุณทำได้!
"พึ่งพาตนเอง ไม่มีใครเติบโตแทนคุณได้"
2
ในชีวิตของคนเราถ้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ก็ต้องเก็บความทะเยอทะยานเอาไว้แล้วทำตัวเป็นคนธรรมดา ๆ ตลอดชั่วชีวิต แต่สำหรับคนที่ต้องการจะทำการใหญ่ให้สำเร็จ การปฏิเสธการพึ่งพาผู้อื่นเป็นบททดสอบความสามารถของตนเองที่ดีเยี่ยม การพึ่งพาคนอื่นก็คือการเอาชะตาชีวิตของตนเองมอบไว้ให้กับคนอื่น ละทิ้งความคิดริเริ่มในการทำงานใหญ่ การพึ่งพาผู้อื่นให้น้อยลงสักหน่อยเท่ากับการพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น นับเป็นการก้าวไปสู่ความเป็นตัวของตัวเอง และยังเป็นการก้าวเข้าใกล้เป้าหมายแห่งความสำเร็จมากขึ้นด้วย
"พึ่งพาตนเองไปสู่ความสำเร็จ ชะตาชีวิตอยู่ในกำมือคุณ"
คนเราจะพึ่งได้ก็มีแต่ตนเองเท่านั้น นอกจากตนเองแล้ว ไม่มีใครสักคนที่สามารถนำพาความสำเร็จมาให้ คุณคือเจ้าของชะตาชีวิตของตนเอง คุณเป็นคนควบคุมจิตวิญญาณของตัวคุณเอง และวันที่คุณค้นพบตนเองก็คือวันเริ่มต้นแห่งความสำเร็จในชีวิตคุณ
1
"ความสำเร็จอาศัยความกล้าและพยายาม ดังนันจงกล้าผลักประตูที่ไม่ได้ล็อกออก"
3
บนโลกใบนี้ขอเพียงแค่มีความตั้งใจจะทำก็จะพบว่าประตูหลายบานไม่ได้ถูกล็อคไว้ ประตูที่ไม่ได้ล็อกนั้น ด้านหลังของมันก็คือโอกาสที่ไม่มีใครเคยมองเห็น ขอเพียงแค่คุณกล้ายื่นมือออกมา ประตูทุกบานในโลกใบนี้ก็จะถูกเปิดออก
1
"มีความคิดเห็นเป็นตัวของตัวเอง และกล้าแสดงออกมา"
คนเราต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่จำเป็นต้องกังวลกับความคิดของคนอื่นหรือคิดเอาใจคนอื่น คุณค่าของชีวิตอยู่ที่การใช้ความคิดของตนเองในการดำเนินชีวิต และเป็นตัวของตัวเอง ไม่ว่าจะทำเรื่องใดก็ตามต้องเดินตามที่ใจของตนคิดอยากทำ รู้จักคิดไตร่ตรอง มีความคิดเป็นของตนเองและกล้าแสดงความคิดเห็นของตน
"คนที่ไม่เคยลงน้ำ จะไม่มีวันว่ายน้ำเป็น"
หากคุณต้องการเรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็ให้ลงมือทำ ขอเพียงแต่ทุ่มเททำ คุณก็จะเข้าใจรสชาติของมัน เรื่องที่ตนเองไม่เคยมีประสบการณ์ก็ไม่ควรจะพูด ประสบการณ์ของคนอื่นสามารถนำมาใช้อ้างอิงได้ก็จริง แต่ที่มีคุณค่ามากที่สุดก็คือ การที่คุณได้เรียนรู้จากการลงมือทำด้วยตนเอง ไม่ใช่เพราะมันมีความลึกซึ้ง แต่มันยังเป็นประโยชน์กับตัวคุณเองอย่างที่สุดด้วย หากชอบว่ายน้ำก็ให้กระโดดลงน้ำ สัมผัสความฝันนั้นด้วยตัวคุณเอง
2
"การสูญเสียความกล้า เปรียบเสมือนการสูญเสียทุกสิ่ง"
หากคุณสูญเสียทรัพย์สมบัติ นั้นหมายถึงคุณสูญเสียไปเพียงเล็กน้อย หากคุณสูญเสียชื่อเสียง นั้นหมายความว่าคุณสูญเสียไปมาก แต่หากคุณสูญเสียความกล้าหาญ นั้นหมายความว่าคุณสูญเสียทุกสิ่ง
1
"ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะแน่วแน่ คิดแต่สิ่งที่ต้องการ และไม่ใส่ใจสิ่งที่ไม่ต้องการ"
บุคคลที่ประสบความสำเร็จจะคิดแต่สิ่งที่ตนเองต้องการ และไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ เคล็ดลับความสำเร็จของเขาอยู่ที่การคิดพิจารณาอย่างสม่ำเสมอว่าทางที่ตนเลือกออกนอกลู่นอกทางหรือไม่ และพยายามปรับเป้าหมายให้เหมาะสม ละทิ้งการยืนหยัดที่ไร้เป้าหมายและก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างสบายใจ
1
บทที่ 5 : เมื่อโตขึ้นมักโกรธง่าย
"มีความมั่นใจ ไม่ล้มเลิกกลางคัน"
เคล็ดลับอันดับแรกของความสำเร็จ คนทุกคนล้วนมีคลังสมบัติของตนเอง และความมั่นใจในตนเอง เป็นคนชอบที่จะทดลอง และจะทำอย่างไม่หยุดยั้ง โดยปกติแล้วคนที่ขาดความมั่นใจในตนเองจะทดลองทำแค่ครั้งเดียว หากล้มเหลวก็จะโยนมันทิ้งไปง่าย ๆ และลังเลที่จะก้าวต่อ แต่สำหรับบุคคลที่โดดเด่นแล้ว พวกเขาพยายามลองผิดลองถูกหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้ตนเองบรรลุถึงความใฝ่ฝัน พวกเขาจะลองเดินหลายทางและยืนหยัดที่จะก้าวไปข้างหน้าสู่เป้าหมายของตน หากไปไม่ถึงเป้าหมายก็จะไม่ยอมล้มเลิกกลางคัน
"ไม่ยอมเป็นคนธรรมดา ต้องมั่นใจเยี่ยงพระราชา"
คนที่เต็มไปด้วยความสามารถ พลังความเชื่อมั่นของเขาจะยังคงอยู่อย่างไร้วันมอดไหม้ หากว่าเดิมทีพวกเราเป็นทอง เพียงเพราะขาดความเชื่อมั่นที่มี ที่สุดแล้วอาจยอมกลายเป็นเพียงเม็ดทราย หรือเดิมทีพวกเราอาจเป็นคนที่ยอดเยี่ยม แต่เพราะขาดความมั่นใจในตนเอง จึงค่อย ๆ ถูกดึงจากที่สูงให้ตกลงสู่ที่ต่ำ และกลายเป็นคนที่มีความสามารถแค่ระดับปานกลาง
"อันที่จริง สิ่งที่คุณขาดไป ก็คือการค้นหาตนเอง"
ศักยภาพที่แฝงอยู่ในตัวเรานั้นไร้ขีดจำกัด มันสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่งแต่ไม่มีใครรู้จักมัน หากเราไม่ลองลงมือทำ ศักยภาพที่แฝงอยู่นี้ก็จะไม่มีวันปรากฏตัวให้เราเห็น
"ไม่มีใครปฏิเสธคุณได้ นอกจากตัวคุณเอง"
คนที่ปฏิเสธตัวเองจะซึมเศร้า สิ้นหวัง และมีความน้อยเนื้อต่ำใจตามมา สภาพเช่นนี้ทำให้ยิ่งห่างไกลจากความสำเร็จ ดังนั้น ขอให้จำไว้ว่า อย่าได้ปฏิเสธตนเองเลย เพราะคุณคือคนที่คุมชะตาชีวิตของตนเอง และมีจุดเด่นที่เป็นแบบฉบับของตนเอง
"กระซิบบอกตนเองเสมอ ๆ ว่า ฉันทำให้ดีกว่านี้ได้"
บ่อยครั้งเมื่อคนเราประสบกับปัญหาแล้วมักถอยหนี ทำให้เสียโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ เพราะระบบประสาทของเรานั้นโง่มาก คุณใช้ตาเปล่าเห็นเรื่องที่มีความสุข มันก็จะตอบสนองด้วยความสุข เมื่อเห็นเรื่องที่โศกเศร้า มันก็จะตอบสนองด้วยความโศกเศร้า
1
"หลักสูตร MBA คาบสุดท้ายของฮาร์วาร์ดก็คือ ขายตัวเอง"
การตัดสินว่าคนคนหนึ่งประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นให้ดูที่ว่าเขาสามารถใช้จุดเด่นที่มีอยู่ในตัวได้สูงสุดหรือไม่ จากการวิจัยพบว่ามนุษย์มีจุดเด่น 400 กว่าอย่าง จำนวนของจุดเด่นไม่ได้มีความสำคัญอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ควรจะรู้ว่าจุดเด่นของตนคืออะไร จากนั้นก็ให้พัฒนาชีวิต การงานและสิ่งต่าง ๆ บนพื้นฐานของจุดเด่น แล้วคุณจะประสบความสำเร็จ
"บอกกับตนเองเสมอ ๆ ว่าขอเพียงแต่ลงมือทำ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้"
1
คนเราเมื่อเชื่อว่าตนเองทำได้ ก็จะเอาชนะทุกสิ่งได้ ขอเพียงแต่ได้ลงมือทำ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ยืนหยัดที่จะทำต่อไป ก็จะทำให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จแล้ว
1
บทที่ 6 : ความหวังที่กระตือรือร้น
"ความผิดพลาดตลอดชีวิตครั้งหนึ่ง ของอธิการบดีมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด"
คนส่วนใหญ่ชอบตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก พวกเขายโสทะนงตน แค่เพียงเพราะตนเองประสบความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของผู้อื่น พวกเขาหัวสูงไม่ใช้เหตุผลมาวิเคราะห์ปัญหา ทำให้เสียโอกาสดี ๆ ที่มาถึงมือตนเอง
"ความโกรธเหมือนรอยตะปูบนรั้วที่ไม่มีวันลบออก"
เมื่ออารมณ์ไม่ดีต้องควบคุมตนเอง ไม่เช่นนั้นแล้วหากวันหนึ่งอารมณ์ไม่ดีกระทบไปถึงคนอื่นก็จะทำร้านคนอื่น และไม่อาจทำให้สถานการณ์กลับไปสู่สภาพเดิมได้ ดังนั้นจึงต้องรู้จักควบคุมคำพูดและการกระทำของตนเอง
"บริหารจัดการเวลาของตนเองให้ดี"
ต้องเรียนรู้ที่จะบริหารจัดการเวลา เพราะการมีความสามารถในการบริหารจัดการเวลาหรือไม่นั้นเป็นตัวตัดสินความสำเร็จและความล้มเหลวของคนคนหนึ่งในอนาคตได้
1
"ไม่ว่าในสถานการณ์ใดก็ต้องสุขุมเยือกเย็น"
1
การควบคุมอารมณ์ให้สงบนับเป็นกิริยาท่าทางอย่างหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นอุปนิสัยเฉพาะตัว เมื่อพบกับอุปสรรค พวกเราต้องทำใจให้สงบ มีสติในความสงบ ทบทวนการกระทำของตนเองในความสงบ เข้มแข็งในความสงบ เมื่อประสบความสำเร็จก็ยิ่งต้องควบคุมตนเองให้สงบ
2
"เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ยอมรับในสิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง"
มนุษย์ต้องทำตัวให้เหมือนกับต้นไม้และสัตว์ที่พร้อมเผชิญกับความมืด ลมฝน ความหิวโหย ความหลอกลวง สิ่งที่ไม่คาดคิด และอุปสรรคเสมอ ๆ
บทที่ 7 : ทำอย่างไรจึงจะเป็นคนพูดเก่ง
"ความโชคร้าย เป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของชีวิต"
ไม่มีความยากลำบาก ก็ไม่มีวันสำเร็จ และแทนที่เราจะตำหนิโอกาส เราควรตำหนิตัวเองจะดีกว่า เหมือนกับคำพูดที่บอกว่า ผู้เข้มแข็งช่วยตนเอง แต่นักปราชญ์ช่วยผู้อื่น
"การเปรียบเทียบ ทำให้คุณสูญเสียความเป็นตัวเอง"
ชีวิตไม่ใช่การเปรียบเทียบ ความสุขมาจากการรู้จักทะนุถนอม หากคุณอยากได้ความสุข คุณก็จะได้มันอย่างง่ายดาย แต่หากหวังจะมีความสุขมากกว่าคนอื่น มันก็ยากที่จะบรรลุผล
"เขียนจุดเด่นในตัวคุณ ให้คุณค่ากับตัวเอง"
เขียนจุดเด่นในตัวคุณลงไป เพื่อจะได้เห็นแสงอาทิตย์รุ่งอรุณในยามเช้ามืดมิด การที่คนคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ ก็มาจากจุดเด่น ไม่ใช่มาจากจุดด้อยของตนเอง
"ใส่ใจกับจุดด้อย ไม่แสวงหาความสมบูรณ์แบบ"
ไม่ว่าจะคิดว่าตัวเองมีจุดบกพร่องแค่ไหน หรือเคยทำเรื่องงี่เง่า เลวร้ายหรือโง่เขลาแค่ไหน นับจากวันนี้ไปก็ขอให้หยุดจุกจิกและตำหนิตนเอง ต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องศักดิ์ศรีและคุณค่าของชีวิ
"กระตือรือร้นแสวงหาความก้าวหน้า วิ่งไปข้างหน้าถึงจะล่าเหยื่อได้"
สิ่งที่ทำให้บุคคลประสบความสำเร็จได้ก็คือพวกเขาไม่หยุดอยู่แค่ปัจจุบัน แต่มีใจกล้าหาญมุ่งแสวงหาความก้าวหน้า ทำให้คนคนหนึ่งก้าวจากความสำเร็จหนึ่งไปสู่อีกความสำเร็จ ก้าวจากความยอดเยี่ยมหนึ่งไปสู่อีกความยอดเยี่ยมที่ยิ่งใหญ่กว่า
"ลงมือทำทันที สร้างโอกาสให้ตนเอง"
ชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็ว โอกาสไม่ได้มา 2 ครั้ง จึงควรคิดตัดสินใจให้รวดเร็ว มิเช่นนั้นแล้วก็ไม่ต้องไปไขว่คว้าโอกาส
บทที่ 8 : เป็นที่ 1 ตลอด
"พลังของคนคนหนึ่ง มีข้อจำกัด พลังของกลุ่มคน สำคัญยิ่งกว่า"
เราต้องบริหารจัดการกับความสำเร็จ ผู้บริหารไม่ควรจะทำงานเพียงลำพัง แต่ต้องให้ทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม ต้องจดจำพลังของกลุ่มนี้เอาไว้
"การไว้วางใจ กฎทองของการคบเพื่อนสนิท"
ความไว้ใจซึ่งกันและกันเป็นพื้นฐานของมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ความไว้ใจคือการลดความซับซ้อนของความร่วมมือระหว่างผู้คน ความไว้ใจอันยิ่งใหญ่ตั้งอยู่บนมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ มิตรภาพเป็นพื้นฐานของความไว้ใจ
"เรียนรู้ที่จะไตร่ตรองปัญหา จากมุมมองของฝ่ายตรงข้าม"
การเปลี่ยนมุมมองในการคิดวิเคราะห์ปัญหาทำให้เกิดความสมดุลทางใจ และในสภาวะจิตใจที่สมดุลตะทำให้มองปัญหาและจัดการกับมันได้อย่างสมเหตุสมผล เมื่อพวกเรามองปัญหาที่เกิดขึ้นจากจุดยืนของคนอื่นก็จะทำให้คนอื่นคล้อยตามได้ง่าย และจะบรรลุผลดังใจหวัง
"คนที่ชมคนอื่นเป็น ไม่ว่าไปไหนจะได้รับการต้อนรับ"
1
ชอบให้คนอื่นยอมรับ รู้สึกว่าตนเองสำคัญ เป็นคุณลักษณะที่สำคัญของมนุษย์ที่ต่างจากสัตว์ชั้นต่ำ สิ่งที่ลึกซึ้งที่สุดของการเป็นมนุษย์ก็คือความหวังที่จะให้ผู้อื่นชื่นชมพวกเขา
"เรียนรู้ที่จะรับฟัง พูดเก่ง ไม่สู้ฟังเก่ง"
สิ่งสำคัญคือต้องดูคนเป็น พลิกแพลงเป็น และสร้างความประทับใจให้กับคู่สนทนาตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จัก ยินดีและเต็มใจที่จะสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น รับฟังเรื่องราวต่าง ๆ จากคำพูดและการกระทำของพวกเขา เมื่อคุณมีท่าทีเช่นนี้แล้ว คุณก็จะกลายเป็นเพื่อนแท้ของพวกเขาได้ในที่สุด
"ใจกว้างและให้อภัย เนื้อหาหลักของบทเรียนเรื่องมนุษยสัมพันธ์"
อันที่จริงความใจกว้างไม่ใช่การเข้าข้างคนทำผิดและไม่ใช่การแสดงออกถึงความอ่อนแอของตนเอง แต่มันกลับเป็นความเข้าใจและการฝึกฝนทางใจอย่างหนึ่ง ดังนั้น เมื่อคนอื่นทำผิด บ่อยครั้งที่ความใจกว้างเป็นวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด
"เรียนรู้ที่จะแบ่งปัน ยิ่งแบ่งปันมาก ยิ่งได้ผลเก็บเกี่ยวมาก"
ไม่ว่าเวลาใดก็ตามอย่าได้กินอะไรอยู่คนเดียว คนที่รู้จักแบ่งปันคนอื่นเป็นคนที่มีความรักและความรู้สึกรับผิดชอบ คนที่รู้จักแบ่งปันคนอื่นเป็นคนที่รู้จักร้อนหนาวและลมฝน คนที่รู้จักแบ่งปันคนอื่นเป็นคนที่มีความคิดสูงส่ง และสามารถทำการใหญ่ได้สำเร็จ
บทที่ 9 : วิธีคิดที่ประสบความสำเร็จ
"ลักษณะความเป็นผู้นำที่น่ากลัวของนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด"
ผู้นำที่ดีที่สุด ก็คือผู้นำที่มองคนออกและสั่งงานได้เหมาะกับความสามารถ และเมื่อลูกน้องเต็มใจที่จะทำงาน ผู้นำต้องสามารถควบคุมให้อยู่ในขอบเขต และไม่เข้าไปแทรกแซงพวกเขา
"แม้ในขณะนี้คู่แข่งของคุณก็กำลังพลิกอ่านหนังสือไม่หยุด"
ไม่ว่าจะในเวลาหรือสถานที่ใด คุณต้องจำไว้เสมอว่าต้องนำหน้าคู่แข่ง เตือนสติตนเองให้แสวงหาความก้าวหน้าอยู่ตลอด เพราะคู่แข่งของคุณกำลังขี่ม้าและควบมันไปข้างหน้าไม่หยุด
"คิดสิ่งใหม่ กล้าทำสิ่งใหม่ ไม่เดินบนเส้นทางที่ธรรมดา"
2
ชีวิตสอนให้พวกเรารู้ว่ามีเพียงการเดินบนเส้นทางที่ไม่ธรรมดาจึงจะมีทางให้ก้าวเดิน คนที่กล้าหาญและมีสติปัญญามักจะเดินบนเส้นทางที่น้อยคนจะเข้าถึงได้ เพราะการบุกเบิกเส้นทางใหม่ตามลำพังทำให้สามารถฝากรอยเท้าของตนเองไว้ได้
"ไม่พึงพอใจในสิ่งที่มี ทำทุกอย่างให้เต็มที่ จะยิ่งโดดเด่น"
ใจที่มุ่งแสวงหาความก้าวหน้า เพื่อการงาน เพื่องานอดิเรก เพื่อการค้นหาตัวตน การจะเป็นคนที่โดดเด่นในอนาคตก่อนอื่นต้องไม่พึงพอใจในสิ่งที่ตนมี จากนั้นค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจและทำให้สำเร็จ เมื่อพวกเราทำให้ความไม่พึงพอใจในสิ่งที่มีเหล่านั้นบรรลุผลสำเร็จแล้ว พวกเราจะก้าวหน้าขึ้น และเดินทางไปสู่ความสำเร็จ
"ไม่อาลัยอดีต ปรับความคิดกลับสู่จุดตั้งต้นเสมอ"
พวกเราต้องปรับความคิดกลับสู่จุดตั้งต้น เพียงเริ่มต้นจากจุดตั้งต้นใหม่ทุกวัน ชีวิตในอนาคตก็จะยิ่งงดงาม ยิ่งยอดเยี่ยม
บทที่ 10 : ยืนหยัดที่จะสู้ ไม่ยอมแพ้
"เป็นคนกระตือรือร้น เคล็ดลับความสำเร็จอันดับแรกของนักศึกษาฮาร์วาร์ด"
ความกระตือรือร้นทำให้เป็นที่รักของผู้อื่นมากกว่าความอาฆาตพยาบาท ความกระตือรือร้นเป็นเคล็ดลับของความสำเร็จ คนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ล้มเหลวไม่แตกต่างกันนักในด้านทักษะ ความสามารถและสติปัญญา แต่ถ้ามีความกระตือรือร้นก็จะสามารถเอาชนะคนเก่งที่ขาดความกระตือร้นได้นั้นเอง
"เป็นคนมีความมุ่งมั่น ความแตกต่างที่มากที่สุดของคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่ล้มเหลว"
1
ควรจะเข้าใจว่ากำลังของคนเรามีจำกัด หากนำเอากำลังที่จำกัดนี้แบ่งไปทำงานหลายอย่าง ก็จะไม่มีชิ้นไหนที่สำเร็จได้ ทั้งสิ้นเปลืองเวลาและกำลังวังชา ดังนั้นคนที่ต้องการจะประสบความสำเร็จต้องไม่ทุ่มเทกำลังไปกับเรื่องหลายเรื่องในเวลาเดียวกัน แต่ต้องมุ่งมั่นทำสิ่งเดียว มีเพียงความมุ่งมั่นที่จะทำให้เราทำงานได้ดีที่สุด
"เป็นคนมีความรับผิดชอบ คนที่กล้ารับผิดชอบถึงจะทำเรื่องใหญ่ได้สำเร็จ"
ความรับผิดชอบยังเป็นการเสียสละตนเองเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น การมีความรับผิดชอบและยอมขึ้นเขาลงห้วยเพื่อคนอื่น ยินดีทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนอื่น ไม่รู้สึกเกรงกลัวสิ่งใดและทำให้ตนเองประสบความสำเร็จได้
"เป็นคนมีวินัยในตนเอง ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่มีวินัยในตนเอง"
ต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเองทุกเรื่องไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและควบคุมตนเอง อารมณ์ความรู้สึกต้องคล้อยตามการตัดสินใจที่มีเหตุมีผล การกระทำเช่นนี้จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้
"เป็นคนซื่อสัตย์ ลูกชาย 169 คน อ้างตัวยอมรับพ่อ"
คนที่ซื่อสัตย์ต้องรักษาคำพูดของตนเอง ที่สุดแล้วสิ่งที่ปกป้องเขาคือความจริงใจ ความซื่อสัตย์สอนให้รู้จักปฏิบัติตนและรู้ว่าควรจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร ทั้งยังทำให้มีงานด้วย คนที่ซื่อสัตย์น่าไว้ใจ แม้จะถูกคนอื่นหลอกและเสียเปรียบตลอด แต่ที่สุดแล้วจะได้รับความเชื่อถือ เป็นที่รักของคนอื่น และประสบความสำเร็จ
"เป็นคนที่มีความเคารพนับถือคนอื่น การเคารพคนอื่นถือเป็นการรักตนเองที่สุด"
การเคารพนับถือคนอื่นต้องเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ ใกล้ตัว เราต้องเรียนรู้ที่จะเคารพคนอื่น จึงจะได้รับความเคารพจากคนอื่น
"เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียด ความแตกต่างคือสิ่งที่เรามองข้าม"
สิ่งที่ยากก็คือการทำเรื่องง่ายทุกเรื่องให้ดี สิ่งที่ไม่ธรรมดาก็คือการทำเรื่องธรรมดา ๆ ทุกเรื่องให้ดี ขอเพียงแต่ให้ความสำคัญและใส่ใจในรายละเอียด ก็จะช่วยสร้างสิ่งที่อยู่ในอุดมคติให้เป็นจริงและเดินไปสู่ความสำเร็จได้
บทที่ 11 : คติเตือนใจ 8 ประการ
"คุณเคยถูกปฏิเสธ 1,850 ครั้งไหม"
ชีวิตคนเราก็เหมือนกับการปีนขึ้นบันได จำต้องก้าวไปทีละขั้น ไม่มีทางลัด ขอเพียงแต่ก้าวไปทีละขั้นคุณก็จะถึงที่หมายได้ คนที่โดดเด่น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ
"เมื่อหวาดกลัวความล้มเหลว เท่ากับทำลายความก้าวหน้า"
ชีวิตมนุษย์ไม่มีอะไรที่ราบรื่น ต่างต้องเผชิญกับอุปสรรคและความล้มเหลว สิ่งที่น่ากลัวก็คือเมื่อเผชิญกับอุปสรรคและความล้มเหลวแล้วทิ้งการแสวงหาความสำเร็จไปต่างหากมีแต่คนที่มองอุปสรรคและความล้มเหลวว่าเป็นแรงผลักดันไปสู่ความสำเร็จ และเรียนรู้จากมันเท่านั้น จึงจะเข้าใกล้ความสำเร็จได้
"เมื่อตกอับ ต้องอดทน"
เมื่อตกอับต้องอดทน ให้ความสำคัญกับการสั่งสมประสบการณ์ แม้มันจะต้องทนทรมาน แต่กลับฝึกฝนให้คุณกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งในที่สุด
"ก้าวข้ามความลำบาก ต้องเริ่มจากใจ"
เมื่อตกอยู่ในอันตรายก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอะไร สิ่งที่น่ากลัวคือการที่ใจของเราเปรียบเสมือนขี้เถ้า อยู่ในภาวะจิตใจไม่อาจควบคุมได้ หากพวกเราตกอยู่ในอันตรายแล้วสามารถปรับสมดุลของสภาวะจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตนเองหลุดพ้นจากโคลนตมแห่งความผิดหวังได้อย่างรวดเร็ว ก็จะกลายเป็นผู้ชนะที่น่าประทับใจ
"ไม่ทอดทิ้ง ไม่ละทิ้ง ความยากลำบากเป็นสถาบันขั้นสูงของการฝึกฝนชีวิต"
ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคอะไรก็ให้คิดว่านั่นคือสถาบันการศึกษาสูงสุดที่หล่อหลอมชีวิต และกล้าที่จะก้าวเดินต่อ หากทำได้เช่นนี้แล้ว ความสำเร็จจะอยู่ไม่ไกลจากเรา
HARVARD'S 4:30 A.M.
"ขยันอ่าน ไม่ว่าจะไปไหนให้พกหนังสือไป 1 เล่ม"
หากคนเราปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้ได้วันละ 15 นาทีแล้ว ในอีก 20 ปี ข้างหน้า เราก็จะกลายเป็นคนละคน ช่วงเวลาที่หลับคุณจะฝัน แต่ช่วงเวลาที่ศึกษาเล่าเรียน คุณจะทำให้ฝันเป็นจริง
2
"คิดใคร่ครวญอยู่เสมอ ถามคำถามตนเองก่อนนอน 5 นาที"
เราต้องคิดใคร่ครวญอยู่เสมอ มีเพียงการคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ จึงจะเอาชนะความโง่เขลาได้ เมื่อคิดอย่างกระตือรือร้นก็ต้องกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับอนาคต ชีวิตคนเราจะดีหรือเลว ก็ขึ้นอยู่กับการใช้สมอง คุณคิดใคร่ครวญอย่างไร ชีวิตของคุณก็เปลี่ยนไปอย่างนั้น
"เลือกสรรอย่างฉลาด สิ่งที่สำคัญกว่าหยาดเหงื่อก็คือ ฉลาดเลือก"
สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่การเลือก ไม่ว่าจะเลือกอะไรคุณก็จะได้อย่างนั้น แต่ถ้าโลภและไขว่คว้าทุกอย่าง สุดท้ายก็อาจไม่ได้อะไรสักอย่าง
"ฉลาดใช้เงิน คาบเรียนแรกของวิชาเศรษฐศาสตร์"
70% ของความกลัดกลุ้มของมนุษย์เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินทอง และยามที่ต้องจัดการกับเรื่องเงินทอง บ่อยครั้งที่มันไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาคิดไว้
"ยืมแรงคนอื่น ไม่รับประทานอาหารเพียงลำพัง"
ผู้บริหารที่ประวบความสำเร็จไม่ใช่เพราะว่าตัวเขาเองเก่งกาจเพียงใด แต่เป็นเพราะเขาฉลาดที่จะเลือกใช้จุดเด่นของคนอื่น สุภาพบรุษไม่แตกต่างไปจากบุคคลทั่วไป ที่เขาเหนือกว่าคนทั่วไปเพราะเขามีความสามารถในการเลือกและยืมสิ่งที่มีอยู่มาใช้เท่านั้น
1
"ออกกำลังกาย เลือกกีฬาที่ชื่นชอบที่สุด"
ควรฝึกฝนตนเองให้กล้าที่จะท้าทายกับความสามารถที่มีอยู่อย่างจำกัด เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ การชื่นชอบกีฬาไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ หากยังทำให้เราไม่ถอยหนีกับอุปสรรค ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า มองโลกในแง่ดีและแสวงหาความก้าวหน้าได้อีกด้วย
"สร้างสรรค์ สร้างสิ่งที่คนอื่นต้องการแต่ไม่อาจแสดงออก"
หลายครั้งที่ไม่ใช่ว่าพวกเราจะทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะไม่กล้าคิด หรือไม่ยอมคิด ดังนั้น ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าสร้างสรรค์ จึงจะทำให้เดินไปบนเส้นทางสายใหม่ และสร้างอาณาจักรให้กับตนเองได้
"สำนึกในบุญคุณ ไม่ว่าที่ไหน กับใคร เรื่องใด ขอให้รู้จักพูด ขอบคุณ"
มีใจที่สำนึกในบุญคุณเปรียบเหมือนการถือกุญแจประตูพระราชวัง มีใจที่สำนึกในบุญคุณ เปรียบเหมือนการเป็นเจ้าของเรือที่แข็งแรงลำหนึ่งในทะเลสาบชีวิต มีเพียงคนที่มีใจสำนึกในบุญคุณที่มองสรรพสิ่งว่ามีบุญคุณ เมื่อใจของเราเต็มไปด้วยความสำนึกในบุญคุณ โลกเราก็จะสวยขึ้น เมืาอประสบกับความยากลำบากก็ยินดีที่จะทนต่อความยากลำบากนั้น
HARVARD'S 4:30 A.M.
ตลอดระยะเวลาที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมได้รู้จักตัวเองมากยิ่งขึ้น ได้อยู่กับตัวเอง คุยกับตัวเอง และมองโลกเปลี่ยนไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้น วันนี้เราไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโลกภายนอกเลย หากคุณอยากจะเปลี่ยนให้มาเปลี่ยนที่โลกภายในดีกว่า นั้นก็คือ "ตัวเราเอง"
>>> อ่านหนังสือพัฒนาตนเอง <<<
01.09.2019
109 บันทึก
102
19
110
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เหวย์ ซิ่วอิง
109
102
19
110
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย