9 ก.ย. 2019 เวลา 12:53 • ธุรกิจ
ปลดหนี้หลักล้านจากการขายของออนไลน์ด้วยอายุแค่18ปี‼ - มิลค์ รัญชิดา
นี่ก็เป็นอีกบทสัมภาษณ์นึงที่ทำให้รู้ว่าอายุไม่เกี่ยวกับการประสบความสำเร็จ แต่เป็นการลงมือทำ💯%
บทความนี้เป็นเรื่องราวของน้องมิลค์ แม่ค้าขายของออนไลน์ที่เริ่มขายของมาตั้งแต่อายุ 14ปี จนสามารถปลดหนี้บ้านให้ครอบครัวได้
หลักล้านบาท ด้วยอายุเพียงแค่ 18 ปีกลายเป็น CEO สาวเจ้าของบริษัท ทำได้อย่างไรไปเสพกันได้เลยครับ
มิลค์ รัญชิดา
น้องมิลค์ รัญชิดา เป็นเจ้าของบริษัทเครื่องสำอางค์ และสกินแคร์ที่มียอดขายกว่า 100,000 ชิ้นต่อเดือน
ที่คิดสินค้า แพคเกจจิ้ง และทำการตลาดด้วยตัวคนเดียว
เริ่มคิดจะทำธุรกิจได้อย่างไร?
เริ่มแรกคุณพ่อของน้องมิลค์รับซ่อมท่อประปาเป็นร้านเล็กๆ แถวระแวกบ้าน
เมื่อปี 2554 กรุงเทพประสบวิกฤตน้ำท่วมหนัก ทำให้ที่บ้านไม่มีรายได้เข้ามาเลย
รวมทั้งตัวเองและพี่สาวก็ยังเรียนอยู่ ทำให้คุณแม่ต้องไปกู้ยืมเงินคนอื่นมาเป็นค่าเทอมให้ลูก
ช่วงนั้นก็เป็นช่วงปิดเทอมพอดี น้องมิลค์เองก็มีเวลาว่างเยอะ จึงเริ่มนำเสื้อผ้ามือสองของตัวเองออกมาเปิดเพจ facebook ขาย
เปิดเริ่มแรกก็ไม่มีคนตามจึงใช้วิธีไปฝากร้านกับเพจดังๆหรือตาม facebook ดาราที่มีคนติดตามมาก
โดยตอนนั้นอายุได้เพียง 14 ปี เท่านั้น😯
ทำแบบอยู่ได้ 2-3 เดือนก็มีคนติดตามร้านหลักหมื่นคน
ขายเสื้ออยู่ตัวละ 100-200 บาท ก็พอมีเงินค่าขนมโดยไม่ต้องขอพ่อแม่เพิ่ม และนำเงินไปซื้อครีมบำรุงผิวต่างๆนาๆตามภาษาผู้หญิงทั่วไป
พอเริ่มมีฐานลูกค้าบ้างก็ขอเงินคุณพ่อ 3,000 บาทมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆจากประตูน้ำ ขายในเฟสบุ๊กได้เงินกลับมา 10,000บาท‼
ถึงจะลำบากไปบ้างที่ต้องขนเสื้อเป็น100ตัวนั่งบนมอไซค์ของพ่อแต่น้องมิลค์ก็มีเป้าหมายว่า"ต้องรวยให้ได้"
จุดเปลี่ยนจากธุรกิจเสื้อผ้ามาเป็นความงาม?
เริ่มจากปัญหาของตัวเองที่นอนน้อย หน้าโทรม เลยไปเสริชหาครีมหน้าขาวใส จนไปเจอครีมตัวนึง
1
โฆษณาว่า รีบูทผิวหน้าขาวใสในข้ามคืน จึงลองสั่งมาใช้เอง และพบว่าเออมันได้ผลจริงนะ
ประกอบกับเห็นช่องว่างว่าครีมบำรุงผิวหน้ายี่ห้อวัยรุ่นนี่ยังไม่มีในตลาด มีแต่ที่เน้นกลุ่มสาววัยทำงาน
ความคิดเหล่านี้มาจากการที่น้องมิลค์ชอบหาข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับ "ทำอย่างไรจึงจะขายดี" "การสร้างแบรนด์" พวกการขายและแรงบันดาลใจต่างๆ
แล้วสอนคนอื่นได้ไหมว่าจะเริ่มยังไง?
ต้องเริ่มจากว่า "ขายใคร" "ขายอะไร" ของๆเราแตกต่างจากคนอื่นตรงไหน? แล้วก็ค่อยๆขยับขยาย
มีอุปสรรคอะไรบ้างครับน้องมิลค์?
ตอนช่วงเปลี่ยนจากธุรกิจเสื้อผ้ามาเป็นครีม เราก็ยังเอาลูกค้าเก่าจากเสื้อผ้ามาด้วย
โดยตอนขายเสื้อเราโพสรูปใส่เอง คนก็เห็นหน้าเราไปด้วยเห็นว่าเออขาวดี ใสดี ก็ได้ฐานลูกค้าเก่ามาบ้าง
เพราะการที่เริ่มธุรกิจตั้งแต่เด็กและเริ่มแรกทำคนเดียว ทำให้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจหมด
ไม่ได้เที่ยวกับเพื่อนกับครอบครัว
ก้าวแรกของธุรกิจความงามเป็นอย่างไรบ้าง?
พอเราสนใจเรื่องครีมทาหน้า เราก็ไปเสริช google เลย
โดยเอาเลข อ.ย. ครีมที่เราใช้ไปหาในเว็บ แล้วก็ได้ contact กับทางโรงงานมา
พอถึงโรงงานแล้วเค้าก็จะมีสูตรสำเร็จให้เราเลือก เราก็เลือกที่เข้ากับตัวเรา โดยทดลองไปเรื่อยๆ
มีการส่งครีมไปมากับโรงงานอยู่หลายรอบ จนกว่าจะโอเคกับสูตร
พอถึงขั้นตอนโรงงานก็ต้องมีเรื่องเงินทุน?
น้องมิลค์ใช้การ pre-order โดยเริ่มจากการแนะนำเพื่อนๆในโรงเรียนให้สั่ง จาก 50 กระปุกขยับมาเรื่อยๆเป็น 100 และหลายร้อยจากการบอกต่อและโปรโมท
เรียกได้ว่าธุรกิจโตแบบก้าวกระโดดมาก
เคยโดนโกงไหม?
ตอนที่เริ่มมีทุนจากการขายก็อยากทำให้มันดูดีขึ้นโดยมี packaging สวยๆ จึงโทรติดต่อกับโรงงาน
ซึ่งทางโรงงานให้คุยกับเซล เซลจึงบอกให้ไปทำโดยตรงกับเซลเอง ไม่ต้องผ่านโรงงานได้เรทถูกกว่า
จ่ายเงินมัดจำไป 30,000 บาท แต่อาทิตย์ต่อมาติดต่อกลับไปอีกที เซลคนนั้นลาออกไปแล้ว😱
แล้วก้าวผ่านมันมาได้ยังไง?
ตอนแรกก็เสียใจร้องไห้หนักมาก แต่คุณแม่ก็มาช่วยปลอบและให้คิดว่าเป็นประสบการณ์
ถ้าโดนตอนที่สำเร็จแบบตอนนี้คงโดนไปหลายล้านแล้ว
นี่ถือเป็นค่าวิชาทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น
แล้วการทำงานและการตลาดทำอย่างไรบ้าง?
น้องมิลค์ไปเรียนทำ Photoshop เพื่อแต่ง Ads ทำโฆษณาผ่าน facebook แต่สิ่งนึงที่ทำให้ก้าวกระโดดเลยคือ...
ยุคนั้นจะมีสมาคมนิยมสาวน่ารัก ต่างๆกำลังนิยม น้องมิลค์เลยส่งหลังไมค์ไปถามพวกเน็ตไอดอลเพื่อให้โปรโมท
โดยยื่นเรทเราไป 1000-1500 ต่อรีวิว หรือถ้าเค้า follower เยอะเค้าก็จะยื่นเรทเค้าให้เรา
แพงที่สุดที่เคยจ่ายก็ประมาณ 45,000 บาทต่อโพส😱
จากจุดนี้ทำให้ยอดขายขึ้นมาเป็นหลักพันหลักหมื่นกระปุกต่อเดือน
วางแผนการตลาดกระจายสินค้าอย่างไร?
จากการที่ผลิตสินค้ากับโรงงานเค้าก็สอนการตลาดมา
ไม่มีแบรนด์ไหนหรอกที่ขายคนเดียวแล้วจะประสบความสำเร็จได้ ต้องเปิดรับตัวแทน
โดยแบ่งเป็นภาค เพื่อให้แบรนด์เราพรีเมียมมากขึ้น
มีการเปิดบิลขาย และตัวแทนต้องรักษายอดถึงจะได้ราคาส่งต่อไป และต้องขายราคาเดียวกันให้ลูกค้าเท่านั้นเพื่อป้องกันการตัดราคากันเอง
ณ ปัจจุบันมีตัวแทนมากกว่า 1000 รายแล้ว👍
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือสินค้าอะไรที่จะประสบความสำเร็จได้สิ่งที่สำคัญหลักๆคือ
ต้องมีสินค้าที่ดี ให้คุณค่าและตอบโจทย์แก่ลูกค้า ถ้าคนซื้อเค้าได้รับคุณค่านั้นเค้าก็พร้อมจะสนับสนุนเรา
อีกเรื่องคือการโฆษณา โปรโมท หรือช่องทางที่ทำให้ลูกค้าเห็นและเข้ามาซื้อได้ สินค้าดีแค่ไหนแต่ไม่มีคนเห็นไม่มีคนกล้าลอง ก็ไม่สามารถขายได้
และการบริหารจัดการร้านที่เป็นระบบ การบริการลูกค้าอย่างดี ดูแลให้คำปรึกษาก็เป็นส่วนที่สำคัญมาก
หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อทุกคนนะครับ อ่านแล้วนำไปประยุกต์ใช้กัน มันจะไม่มีค่าอะไรเลยถ้าแค่อ่านแล้วไม่ลงมือทำ
ขอให้มีความสุขครับทุกคน - เชอแตม😁

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา