12 ก.ย. 2019 เวลา 03:32 • ปรัชญา
ซีรีส์แสงชีวิต
ตอน 'Get Over IT!' 'ทำใจให้ได้'
'วางใจให้ถูก'
'ปล่อยวางให้ได้ไม่ว่าเรื่องอะไร'
'ตถตา-เพราะมันก็แค่ 'เป็นเช่นนั้นเอง''
💎อธิบาย 'ตถตา' โดยท่านพุทธทาสภิกขุ💎
ตถตา (อ่านว่า ตะถะตา) เป็นคำที่สามารถใช้ได้ ทั้งสภาวธรรม ที่เป็นสมมติสัจจะ และที่เป็นปรมัตถสัจจะ (จิต เจตสิก รูป นิพพาน)
คือ เขาเป็นอย่างนั้นของเขา หรือเป็นแบบที่เขาเป็นฯ เราต้องศึกษาคำนี้ให้ครบ จึงจะเข้าใจ
ส่วน อนัตตา คือ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับให้เป็นตามที่เราอยากให้เป็น เช่นบังคับเส้นผม หรือผมว่า ผมเอ๋ย อยากหงอก นะ ผมเอ๋ยอย่าร่วงนะ อย่างนี้เป็นต้น ไม่ได้ คือทุกสิ่ง จิต เจตสิก รูป (ยกเว้นพระนิพพาน) เป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง เป็นอนัตตา
ที่ ตถตา กับอนัตตา เหมือนกันคือ ใช้เรียกสิ่งที่เป็นสมมติสัจจะ ได้ เหมือนกัน
แต่ อนัตตา ใช้เรียกเฉพาะสิ่งที่เป็นสมมติสัจจะ เท่านั้น จะเรียกพระนิพาน ซึ่งเป็นปรมัตถสัจจะว่าอนัตตา ไม่ได้
อนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน คือต้องเปลี่ยนแปลงไป
ทุกขัง คือ ทนอยู่สภาพเดิมอย่างนั้นตลอดไปไม่ได้ เช่นห้อนหิน ต้องแปรสภาะไปเป็นดิน
จะทนแดด หรือไฟ ทนน้ำ ทนลม เป็นก้อนอยู่อย่างนั้นตลอดไปไม่ได้ เรียกว่า เป็นทุกข์ นั่นเอง
อนัตตา คือ เราจะบังคับให้เป็นตามที่เราต้องการ ไม่ได้
ตถตา คือ รู้ความจริงของสิ่งนั้นว่าเป็นอย่างนั้น
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ สิ่งที่ถูกรู้ว่านั่นไม่ใช่ของจริง
โดย “พุทธทาสภิกขุ”
💎
ในสภาวธรรมฝ่ายสมมุติสัจจะก็เป็นเช่นนี้เอง
ในชีวิต มีสุข สมหวัง มีทุกข์ ผิดหวัง มีได้ สูญเสียฯ ทั้งด้านรูปธรรมและนามธรรม
โลกมีสองด้าน สรรพสิ่งในโลกหรือในฝ่าย (โลกียะ) ล้วนเป็นของคู่ หยินกับหยาง ทุกข์กับสุข ชอบและไม่ชอบ หิวกับอิ่ม อร่อย/ไม่อร่อย สมหวัง/ผิดหวัง เจ็บปวดไม่สบาย/สบาย ร้อนก้บเย็น ต่ำกับสูง ยากจนกับมั่งมี ได้มากับเสียไป หัวเราะ/ร้องไห้ ฯลฯ
ทุกอย่างเหล่านี้ ล้วนเกิดขึ้นและดับไป เปลี่ยนแปลงผันแปรไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ถ้าเป็นฝ่ายดี เรื่องดีๆ อาทิ เขาชมเราว่าสวย เราก็ลอย เป็นปลื้ม แต่หากใครพูดว่าเราขี้เหร่ ให้เข้าหูเราอาจรู้สึกแย่ รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง
เขาชมว่าดี เราปลื้มอีก
แต่พอโดนติว่าแย่ เรารับไม่ได้
เวลาได้ฟากที่ถูกใจ เราลืมไปว่าเดี๋ยวก็อาจเจอฟากที่ทุกข์ใจ กลับกันถ้าได้โชคเราก็ลืมเตรียมคิดว่าเดี๋ยวของคู่ก็อาจมาเยือนคือว้นหนึ่งเราอาจได้เคราะห์ เจอเคราะห์
โลกก็เป็นอย่างนี้
ใครรู้เท่าทันกลไก กฎของธรรมชาติเรื่องความมีอันเป็นไป มีอันผันผวนไปของสรรพสิ่งแบบโลกๆ ที่มีสภาพไม่อาจคงทนอยู่ในสภาพเดิมได้ มันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
อาทิ บ้านหลังใหม่ สร้างเสร็จปุ๊บ ก็เริ่มเก่าแล้ว ด้วยแดด ด้วยลมและด้วยความที่ต้องเสื่อมไป เราอาจมองไม่เห็นด้วยตาชัดๆ เพราะเป็นของใหญ่ ความเสื่อมใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นชัด
รถคันใหม่ เราไปแตะไปขับได้ไม่นานก็กลายเป็นรถเก่า ราคาตกทันที
เสื้อตัวใหม่กลายเป็นเสื้อเก่าใช้แล้วทันทีหลังจากใช้ครั้งแรก
เหล่านี้ ใครรู้ทัน เข้าใจ ตระหนักรู้ถึงความจริงว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา น้องหมาสกปรก จับอาบน้ำก็กลายเป็นน้องหมาสะอาด ปล่อยไปวิ่งเล่นแป๊บเดียว จากน้องหมาสะอาดกลายเป็นน้องหมามอมแมมไปซะแล้ว
เราจะมาสั่งว่าห้ามมอมแมมนั้นเป็นไปไม่ได้ ขัดกับความจริงของธรรมชาติ
ดังนั้น ทุกเรื่องทุกอย่าง เราพีงรู้เท่าทัน รู้รับมือ รู้กันรู้แก้ รู้เข้าใจ รู้ปล่อยวาง
บางทีเป็นเรื่องใหญ่ๆ บางครั้งรุนแรงหนักหนาสาหัส ใครไปเผลอยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ ปล่อยวาง วางลงจากใจไม่ได้ ก็จะเกิดทุกข์ซ้อนทุกข์ ทำร้าย ลงโทษต้วเองเข้าไปอีก
อาทิ เขาว่าเราเป็นคนเลว ไม่มีวันดีไปได้ เราก็ฝังใจ ไปหลงยึดมั่นถือมั่นกับคำพูดเขา เอามานั่งนึกเจ็บแค้นเสียใจ ทั่งที่ความจริง คำชมก็ตาม คำว่าก็ตาม ล้วนเกิดขึ้นและดับไปตั้งนานแล้ว อาทิ เขาบริภาษเราไว้เมื่อห้าปีก่อน แต่เรายังพกคำบริภาษนั้นมาด้วยในกระเป๋าใจ ฝังใจจนวันนี้ ลมปากเขาจบไปตั้งแค่เขาพูดจบแล้ว แต่เราเก็บลมปากนั้นไว้ในความทรงจำ ย้ำเตือนทำร้ายตัวเองจนถึงวันนี้และอาจยาวไปจนตลอดชีวิต
ปล่อยวางบ้าง! วางใจให้ได้ วางลงให้ได้
ในขณะเดียวกัน ในฝ่ายดี พอได้อะไรดีๆ ฝ่ายดี ก็ใจพอง ตัวเบาเหมือนจะลอย เคลิ้ม เป็นปลื้ม อันนี้แม้จะเป็นด้านดี แต่ใจก็กระเพื่อมเกินไป ไม่พอดี ไม่กลางๆ
Get over it!
Get over everything!
ปล่อยวางให้ได้ทุกอย่างทุกเรื่อง ฝึกไม่ตกเป็นทาสของทั้งคำชมและคำบริภาษ การได้มาและการสูญเสียไป ความไม่ได้ดั่งใจ ฯลฯ เข้าใจและรู้ทันความผันแปรของทุกอย่าง ความดับไปหมดไปของทุกอย่าง
ฝึกใจให้กลางๆ เข้าไว้
ได้ดีก็ไม่ว่าอะไรวันไหนตกต่ำก็ทำใจได้
กินอร่อยก็ดี มือไหนไม่ถูกปาก ก็รับได้
หล่ออยู่ก็ดีเหมือนกัน แต่หากวันหนึ่งหมดหล่อก็รู้และรับได้
จนๆ อยู่ดีๆ ถูกล็อตเตอรี่รางวัลสูงๆ ก็ไม่ฟองฟูเกินเหตุ บางคนดีใจจนหัวใจวาย บางคนเชียร์บอลตื่นเต้นจนหัวใจวาย คือ มันไม่พอดีๆ ไม่กลางๆ มันเลยไปทางดีบ้างทางร้ายบ้าง
หลายคนไม่สามารถวางลงได้ ไม่สามารถกลางๆ ได้ ไม่พอดี ไม่สามารถผ่านมันไปได้ Get over it. ไม่ได้ ทำให้ตนเป็นก้อนทุกข์ที่เหี่ยวเฉาไปตลอดชีวิตก็มีเยอะแยะมากมาย
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุมีปัจจัยให้มันต้องเป็นอย่างนั้น มันแสดงธรรม(ธรรมชาติแท้ๆ)ของมันให้เห็น โลกไม่มีความบังเอิญ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป เราเองที่เผลอ ไปหลงยึดมั่นถือมั่น 'in' กับมันจนเกินไป เราจึงทุกข์ไม่รู้จบ ไม่เรื่องนั้นก็เรื่องนี้หรือในหลายๆ เรื่อง หรือในแทบทุกเรื่อง
ใครรู้เห็นตามความเป็นจริงได้ ปล่อยวางได้ เป็นผู้ฉลาดในธรรม(ธรรมชาติของสรรพสิ่ง)ว่ามันล้วนเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ด่วยอำนาจของพระไตรลักษณ์คือ อนิจจัง(ความไม่เที่ยง)-ทุกขัง(ความเป็นทุกข์)-อนัตตา(ความไม่ใชตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของตน ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในบังคับบัญชาใคร)ก็สบายไป
ดังคำท่านพุทธทาสภิกขุอ้นคุ้นหูเราท่าน
'ตถตา'
'มันเป็นเช่นนั้นเอง'
เนื้อความสืบเนื่องกับโพสท์ก่อนหน้า:
ขอบคุณภาพทั้งหมดจากอินเทอร์เน็ท
เพจ 'ธรรมะเน้นๆ A Great Degree Dhamma'
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๒

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา