17 ก.ย. 2019 เวลา 14:41 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 14
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2561(ต่อ)
ผมเดินตามพี่เค้าเข้าไปในพื้นที่วัด เค้าชื่อพี่เด
พี่เดก็พาผมไปรู้จักแม่เค้า บอกว่าชวนมาทำบุญ
เค้าก็จัดแจงพาผมไปเดินชม ซึ่งในพื้นที่วัดก็มีคนอยู่พอสมควร
มีการแต่งชุดพื้นถิ่นของเค้าเอง ซึ่งผมฟังเค้าไม่ออกเลยว่าเค้าพูดอะไรกัน
ผมได้แต่ยิ้มดีใจที่ได้เข้ามาเท่านั้น และก็มีผู้เฒ่านั่งเล่นดนตรี แล้วร้องขับขานเป็นสำเนียงของเค้า ซึ่งผมก็จะไม่คุ้นกับสำเนียงดนตรีแบบนี้เท่าไหร่
แต่ก็เพราะไปอีกแบบ ได้บรรยากาศของป่าเขาทีเดียว
หลวงพ่อ กับพ่อเฒ่าเล่นดนตรี
มันเป็นความรู้สึกแบบตื่นเต้น ผสมประหลาดใจที่ตัวเราได้เข้ามาอยู่ท่ามกลางชาวบ้านและวัฒนธรรมอื่นที่เราไม่คุ้นชิน
แต่เรามีโอกาสได้เข้ามาแบบนี้ ซึ่งปกติเราเห็นแต่ในทีวี
หรือในรูปที่คนอื่นเค้าเป็นคณะเข้าไปกัน
แต่เรามาแบบชาวบ้านหลงมาคนหนึ่งในป่าในเขาแบบนี้
พื้นที่ภายในวัด
ศาลาพระประธาน
พี่เดพาผมขึ้นไปไหว้ผู้เฒ่าสามหัว ตอนแรกผมก็งงอะไรคือผู้เฒ่าสามหัว
ผมนึกภาพไม่ออกเลย พี่เดบอกว่าผู้เฒ่าสามหัวเป็นคนถ่ายถอดวัฒนธรรมต่างๆให้คนรุ่นหลัง พี่แกพาขึ้นไม่บนบ้านไม้ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันกับวัด
มีข้าวของเครื่องใช้แบบเก่าๆมากมาย บ้านออกจะมืดๆแสงไม่ค่อยเยอะ
บนบ้านจะมีการก่อไฟไว้บนบ้านเลย พี่เดก็เลยบอกว่าผู้เฒ่าสามหัวคือผู้เฒ่าที่นั่งเอาเข่าสองข้างชันขึ้นมา แล้วก็จะดูเหมือนว่ามีสามหัวนั้นเอง
ซึ่งอายุเท่าไหร่นั้นไม่ทราบแน่ชัด รู้แค่ว่าลูหลานแกก็แก่หมดแล้ว
ในระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านแวะเวียบขึ้นมาทักทายผู้เฒ่าตลอด
ผมก็นั่งฟังเค้าคุยกันแต่ผมได้แค่ดูเพราะฟังไม่ออกเลย
ผู้เฒ่าสามหัว
จากนั้นพี่เดก็พาดูข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในบ้าน
กระบอกใส่น้ำ
อุปกรณ์ต่างๆส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุธรรมชาติทั้งหมด
อุปกรณ์เครื่องใช้
ผมก็ลองหยิบหงอบของชาวบ้านมาใส่ พี่เดบอกว่าชาวบ้านจะใช้อันนี้กันฝน
เวลาไปไหนมาไหนหรือทำงาน ซึ่งผมดูแล้วคล้ายๆปีกแมลงทับ
ซึ่งจะปิดส่วนหัวและหลังลงไป
ทดสอบลองใส่ดู
จากนั้นพี่เดก็พาผมไปที่ครัว ที่เค้ากำลังทำกับข้าวกัน
อาหารที่นี่จะเป็นธัญญาพืชทั้งหมด เป็นอาหารเจไม่มีเนื้อสัตว์
เพราะพระที่นี่ฉันเจ เป็นสายพระมาจากฝั่งพม่า
ชาวบ้านช่วยกันทำอาหาร
เตรียมอาหาร
ในระหว่างรอกิจกรรม พี่เดบอกว่าวันนี้จะมีการฟ้อนรำของชาวกะเหรี่ยง
ซึ่งหาชมได้ยากมาก วันนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ดู
เพราะพี่เดเองก็ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆผมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปอีก
ระหว่างนั้นผมก็เดินเล่นและไปนั่งพักกับกลุ่มวัยรุ่น เค้าก็เล่นดนตรีเครื่องสายกัน มันมีอยู่หลายอันผมก็หยิบมาเล่นกับเค้าบ้าง
ก็เล่นกันอยู่พักใหญ่ จนการฟ้อนรำจะเริ่มขึ้น
ทุกคนก็พากันออกไปดู
รอดูฟ้อนรำกัน
เด็กๆก็เริ่มจัดเตรียมการฟ้อนรำ คนที่อยู่ในครัวก็เริ่มพากันออกมาดู
เตรียมตัว
จากนั้นก็มีการเล่นดนตรีเริ่มการฟ้อนรำ ซึ่งสำเนียงและดนตรี
เป็นแบบฉบับของเค้าเอง แต่ก็เพลินและแปลกใหม่มากสำหรับผม
เด็กๆเริ่มฟ้อนรำ
เด็กๆฟ้อนรำ
หลังจากเด็กๆฟ้อนรำกันเสร็จ ก็มีชุดผู้ใหญ่มาฟ้อนรำต่อ
ซึ่งมีการร้องโต้ตอบกัน ซึ่งผมก็ฟังไม่ออกอยู่ดี
เค้าก็ร้องโต้ตอบพลางหัวเราะกันไป ซึ่งเนื้อหาผมคิดว่า
น่าจะเป็นการแซวกันสนุกๆแน่นอน เพราะมีการหัวเราะกันนั้นเอง
ผู้ใหญ่ร้องรำโต้ตอบกัน
จนเสร็จพิธีการ พี่เดก็ชวนผมกินข้าว และบอกว่าให้ผมพักที่นี่ก่อนสักคืน
แล้วค่อยเข้าไปที่ม่อนคลุยต่อ พรุ่งนี้จะมีการถวานกฐินกันและจะมีชาวบ้านบนเขาลงมาสมทบอีก ชาวบ้านที่เดินทางมาถึงก่อนก็จะค้างกันที่นี่
ซึ่งผมคิดดูแล้วว่าคงต้องค้างที่นี่
พี่เดบอกว่าต้องกลับไปบ้านแล้วก็ฝากผมไว้ให้อยู่ที่นี่ก่อน
ผมก็โอเคร หลังจากนั้นพอเริ่มมืด
ชาวบ้านก็จุดเทียนตามพื้นที่บริเวณในวัด
นั่งคุยกันตามกองไฟจุดต่างๆเพราะไม่มีไฟฟ้า
มีเพียงโซล่าเซลบางจุดเท่านั้น และงานที่นี่ไม่มีสุราใดๆ
ครัวยามค่ำคืน
ในระหว่างนั้นผมก็ไปนั่งร่วมวงรอบกองไฟ
เค้าก็คุยกันไปผมก็นั่งเงียบอยู่เพราะฟังไรไม่ออกเลย
และมีหลวงพี่ท่านหนึ่งมาชวนผมคุย ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้ม
หลวงพี่เลยทักมาว่า อ่าวโยม ฟังปกากะญอ ไม่ออกใช่มั๊ย
ผมตอบว่าใช่ครับ ก็เล่าที่ไปที่มาว่าทำไมผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ให้หลวงพี่ฟัง
หลวงพี่บอกว่าเพราะบุญสัมพันธ์กันเลยได้พบได้รู้จักกัน
หลวงพี่เองก็เคยเป็นชาวบ้านอยู่ที่นี่ แต่ไปบวชนานแล้วพึ่งได้กลับมา
หลวงพี่ก็เล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง ซึ่งผมรู้สึกดีมาก ถึงแม้ว่าผมเหมือนจะเป็นคนนอกที่ไม่รู้อะไรกับที่นี่มาก่อน แต่ผมก็มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ตรง มาเจอกับเรื่องราวที่ไม่คาดฝันมาก่อนในครั้งนี้
จากนั้นหลวงพี่เหมือนรับหน้าที่ในการดูแลผมต่อเลยละครับ
หลวงพี่ชื่ออนุชา หลวงพี่ก็จัดแจงพาผมไปหาที่พัก
ไปดูที่หลับนอนผ้าห่มต่างๆบนศาลา โดยผมได้นอนข้างพ่อเฒ่าคนหนึ่ง
ซึ่งหลวงพี่อนุชาบอกว่า เค้าไม่รู้ว่าการบวคืออะไร แต่อย่างน้อยเค้าก็ได้มาถือศีลอยู่วัด
1
รอบกองไฟบนวัดยอดเขาแห่งหนึ่ง
บนศาลานั้น ก็มีการสวดมนทำวัตรกัน
ซึ่ง ณเวลานี้ ผมก็เริ่มเห็นโลกกว้างขึ้น
ชาวบ้านที่ไม่รู้จักศาสนา ไม่รู้จักการบวช
และหลวงพี่ก็บอกว่าบางส่วนก็เป็นคริส
แต่ผมไม่ได้รู้สึกถึงความต่างเลย
ทุกคนยังเป็นชาวบ้านทำมาหากิน
และลงมาช่วยงานกันในครั้งนี้
ยังมีอะไรอีกมายมายที่เราไม่รู้
และไม่ได้นึกถึงอีกเยอะเลยจริงๆ
คืนนี้ผมก็นอนหลับ ณ ที่แห่งไหน ก็ไม่รู้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา