23 ก.ย. 2019 เวลา 08:58 • การศึกษา
รวมเทคนิคและประสบการณ์สอบสัมภาษณ์จริง
สวัสดีครับวันนี้อยากจะขอพูดเรื่องการเตรียมตัวไปสัมภาษณ์งาน หรือ สัมภาษณ์เรียนต่อครับ
ในชีวิตของคนเราทุกคนคงต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์ ทั้งเพื่อเรียนต่อหรือเพื่อสมัครงาน ดังนั้นการสอบสัมภาษณ์จึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหลายๆ ครั้งเราคงไม่เคยทราบมาก่อนว่าการไปสอบสัมภาษณ์มีเทคนิคการเตรียมตัวอย่างไร
ก่อนอื่นเลยอยากจะขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการครั้งแรกครับ
admin เป็นนักศึกษาคนหนึ่งครับที่ใกล้จะเรียนจบมหาวิทยาลัย และ ได้มีโอกาสไปสอบสัมภาษณ์งาน ซึ่งจากการเตรียมตัวที่ผ่านมาทำให้ผ่านไปได้ด้วยดี
วันนี้จึงอยากจะมาแชร์แนวทางการเตรียมตัวที่ admin ได้ศึกษามาและได้นำไปใช้จริงในการสอบสัมภาษณ์
1.จงคิดแบบผู้คุมเกม
ผมยกข้อแรกให้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Mindset
พึงคิดไว้เสมอว่าเราต้องเป็นผู้คุมเกมนี้ ไม่ใช่ผู้ตาม ในขณะที่คนอื่นต่างแข่งขันกัน เราต้องนำหน้ากว่านั้น เราต้องโดดเด่นกว่าทุกคน
ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นในเกมกีฬาระดับโลก ทุกคนคงรู้จัก michael phelps, serena williams หรือ usain bolt ทั้งหมดต่างเป็นที่ 1 ในกีฬาแต่ละประเภท โดดเด่นกว่าคนอื่น ทำให้ผู้เข้าแข่นขันคนอื่นได้แต่แย่งชิงกันเพื่อเป็นอันดับที่ 2 แต่ไม่สามารถจะเทียบอันดับ 1 เหล่านี้ได้
ในการสอบสัมภาษณ์ก็เช่นกัน คุณต้องเตรียมตัวมาดีกว่าคนอื่นและต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง การเตรียมตัวไม่ใช่แค่วันสอบสัมภาษณ์ แต่มันรวมถึงการทำการบ้าน ความตั้งใจ ใส่ใจพัฒนาตนเองมาก่อนหน้านั้นเป็นระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งรายละเอียดการเตรียมตัวอื่นๆ ผมจะขอกล่าวในข้อถัดๆ ไป
ทุกๆ การสอบสัมภาษณ์คุณจะพบว่าอาจมีเวลาสอบทั้งหมดประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ผู้สมัครมีถึง 100 คน ซึ่งจะเฉลี่ยเป็นเวลาสัมภาษณ์ของแต่ละคนเพียงไม่กี่นาที แต่ในความเป็นจริงแล้วคือ คณะกรรมการจะรู้อยู่แล้วว่าในจำนวน 100 คนนี้มีเพียง 10 คนเท่านั้นที่โดดเด่นซึ่งจะใช้เวลาสอบสัมภาษณ์นานกว่าคนอื่น ในจำนวน 10 คนนี้จะมีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ เข้าสายตากรรมการและต้องนำมาปรึกษากัน โดยสุดท้ายจะมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ได้รับคัดเลือก
จากประสบการณ์ตรงของผม ผมได้เตรียมตัวสำหรับการสอบสัมภาษณ์มาเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้ผมมีความมั่นใจมากว่าจะชนะในเกมนี้ ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้จริงๆ
ฉะนั้นจงปรับความคิดของคุณก่อนอันดับแรก คุณจะเลือกเป็นผู้นำลีกหรือเลือกเป็นเพียงผู้เข้าแข่งขันที่แย่งชิงอันดับ 2 ของเกมนี้
คุณจะเลือกเป็นผู้นำลีกหรือเลือกเป็นเพียงผู้เข้าแข่งขันที่แย่งชิงอันดับ 2 ของเกมนี้
2.Connection เป็นสิ่งสำคัญ
Connection ในความหมายของผมไม่ได้หมายถึงการใช้เส้นสาย ผ่านการฝากของผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กร
กลับกันผมมีความเขื่อว่า Connection เป็นสิ่งที่สร้างได้ และ ทุกๆคนควรให้ความสำคัญที่จะทุ่มเทเพื่อให้มีไว้ ซึ่ง Connection นี้จะเป็นเหมือนแรงผลักดันให้เราก้าวไปได้ไวขึ้น
วิธีการสร้าง Connection ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องทำตัวประจบประแจงจนน่าเกลียด กลับกันมันคือการทำอย่างไรก็ได้ให้คนรู้จักคุณ ชอบคุณ
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณจะสมัครเข้าทำงานที่ไหน คุณควรไปทดลองฝึกงานที่นั่นให้เขารู้จักคุณ ให้เขาเห็นจุดเด่นของคุณ รวมไปถึงพัฒนา EQ พัฒนาทักษะการพูดของคุณ ทำให้ตนเองเป็นคนน่าดึงดูดน่าคบหา
สิ่งเหล่านี้ทำได้ง่ายๆ เพียงคุณไปก่อนเวลาสัมภาษณ์ แล้วลองหาโอกาสเข้าไปพูดคุยกับคณะกรรมการก่อนการสัมภาษณ์จริง จะทำให้คุณดูเป็นคนมีอัธยาศัยดี และ โดดเด่นกว่าคนอื่น
ในระยะยาวเมื่อคนชอบคุณ โอกาสจะเปิดสำหรับคุณเอง
จากประสบการณ์ตรงของผม ผมได้ทุ่มเทเวลาสำหรับการสร้าง Connection กับคนในองค์กรมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้คือในวันสัมภาษณ์ผมรู้จักกับคนเกินครึ่งขององค์กร ซึ่งรวมไปถึงรู้จักกับคณะกรรมการแทบทุกคนในห้องประชุม และนั่นทำให้ผมมั่นใจว่าโอกาสได้เปิดกว้างสำหรับผมมากกว่าคนอื่นแล้วอย่างแน่นอน
ในระยะยาวเมื่อคนชอบคุณ โอกาสจะเปิดสำหรับคุณเอง
3.บุคคลิกภาพต้องมาก่อน
เมื่อเราเตรียมตัวก่อนสอบสัมภาษณ์มาแล้ว ในข้อนี้ผมจะเริ่มพูดถึงสิ่งที่ต้องทำในวันสอบสัมภาษณ์
อันดับแรกผมขอยกความสำคัญให้กับบุคลลิกภาพของคุณ พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อคุณเดินเข้าไปในห้องสอบสัมภาษณ์ที่มีคณะกรรมการหลายคนนั่งอยู่
“7 วินาทีแรกจะเป็นตัวตัดสินว่าเขาจะชอบคุณหรือไม่ และ มันเพียงพอแล้วสำหรับการตัดสิน”
จงพัฒนาบุคลลิกภาพของคุณให้ดีที่สุด ทั้งเสื้อผ้า ใบหน้า ทรงผม รองเท้า ของคุณ ตั้งแต่หัวจรดเท้า
อาบน้ำให้สะอาด ดูแลกลิ่นปากตนเอง จัดทรงผมให้ดีที่สุด แต่งหน้าให้ดูดี เลือกเสื้อผ้าที่สุภาพ เลือกไซต์ที่เข้ารูปกับตัวเองไม่คับไม่หลวมเกินไป เลือกใช้น้ำหอมกลิ่นที่ดีที่สุด ตรวจสอบว่ารองเท้าของคุณดูดีไม่ได้เก่าจนเกินไป
นอกจากเครื่องแต่งกายแล้วบุคลิกภาพของคุณยังรวมไปถึงสิ่งอื่นๆ ด้วยเช่น ลักษณะท่าทางการเดิน การนั่ง การวางมือของคุณ ทุกอย่างเป็นส่งที่สำคัญ และ ต้องให้ความสำคัญ
จงเดินอย่างสง่างามและเขื่อมั่นใจตนเอง
4.สื่อสารให้โดดเด่นและตรงจุด
หลังจากเราเริ่มต้นด้วยบุคคลิกภาพที่ดีแล้ว ส่วนต่อไปคือรายละเอียดเนื้อหาที่ควรใส่ใจในการสอบสัมภาษณ์
ผมขอแบ่งส่วนนี้เป็น 3 ส่วนตามเนื้อหาการสัมภาษณ์
ส่วนที่ 1 เริ่มต้นการสัมภาษณ์ ทางคณะกรรมการอาจเริ่มต้นด้วยการให้เราแนะนำตัวเอง ซึ่งเราควรฝึกซ้อมแนะนำตนเองทั้งภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ เผื่อในบางสถานการณ์
โดยเทคนิคการแนะนำตนเองคือไม่ควรพูดถึงจุดเด่นของตนเองในแบบทั่วๆ ไป เช่น เป็นคนขยันทำงาน อดทน ชอบงานนี้ เนื่องจากมันไม่เห็นภาพ โดยสิ่งที่ผมอยากแนะนำคือให้ลองเล่าถึงประสบการณ์การทำงานในอดีตแล้วสรุปเป็นจุดเด่นของตนเองออกมา เช่น เคยรับผิดชอบเป็นหัวหน้าจัดงานที่มหาวิทยาลัย หรือ เคยเป็นประธานชมรมที่มหาวิทยาลัย ทำงานอะไรไปบ้าง สิ่งนี้จะทำให้คณะกรรมการเห็นภาพมากขึ้น รวมถึงเป็นจุดดึงดูดให้คณะกรรมการสนใจคุณมากกว่าคนทั่วๆ ไปที่แนะนำตัวเองอย่างจับจุดไม่ได้
ส่วนที่ 2 การถามตอบ ในส่วนนี้คุณควรทำการบ้านมาระดับหนึ่ง คุณควรศึกษาบริษัทที่จะไปสัมภาษณ์ ค่านิยมองค์กร ประวัติโดยคร่าวๆ เผื่อคณะกรรมการถามขึ้นมา นอกจากนี้ให้เตรียมคำตอบในบางคำถามที่มักตอบได้ยากไปด้วย เช่น “อะไรเป็นจุดด้อยของคุณ” ข้อนี้คนทั่วไปมักตกม้าตายเพราะพยายามหาจุดด้อยของตัวเองออกมา ในทางกลับกันสิ่งที่ถูกต้องคือให้คุณพูดถึงจุดด้อยของตนเองในอดีตที่ได้รับการแก้ไขแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ผมเคยเป็นคนเงียบๆ ชอบเก็บตัวพูดไม่เก่ง แต่ผมได้แก้ปัญหานี้แล้วด้วยการฝึกพัฒนา EQ โดยพัฒนาทักษะการพูดกับคนอื่น และ พยายามเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นมากขึ้น เมื่อคุณตอบได้เช่นนี้จะทำเหมือนคุณได้นำเสนอจุดเด่นของตนเองให้คณะกรรมการเข้าถึงมากยิ่งขึ้น
ส่วนที่ 3 จบการสนทนาอย่างมีเป้าหมาย เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ทำให้คุณนำหน้าคนทั่วไป ส่วนนี้คือให้คุณพยายามแนะนำเป้าหมายของคุณ คุณมองตนเองในอีก 5 ปีเป็นอย่างไร รวมไปถึงหากคณะกรรมการเปิดโอกาสให้ซักถาม อย่าลืมถามถึงวิธีทางทราบผลการสอบ สิ่งนี้จะทำให้คณะกรรมการรู้สึกว่าคุณสนใจงานนี้และให้ความสำคัญกับสิ่งต่างๆ นอกจานี้อาจลองถามถึงเป้าหมายในอนาคตของบริษัทหรือองค์กร สิ่งนี้จะให้คุณดูเป็นคนมีจุดมุ่งหมายในชีวิตและพร้อมจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันองค์กร
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ จงดึงดูดการสนทนา สื่อสารให้ตรงจุด ตอบให้โดดเด่นกว่าคนทั่วไป
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ จงดึงดูดการสนทนา สื่อสารให้ตรงจุด ตอบให้โดดเด่นกว่าคนทั่วไป
5. Eye contact อาวุธที่ทรงพลัง
การสบตาถือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดในการสื่อสาร คุณควรสบตาคณะกรรมการอย่างสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สิ่งนี้สามารถบอกได้ว่าคุณเป็นคนกลัวคนไม่กล้าเข้าสังคม หรือ เป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองและพร้อมเผชิญสิ่งต่างๆ
Eye contact อาวุธที่ทรงพลั
6. Extrovert ชนะ Introvert เสมอ
จากประสบการณ์ของผม ผมพบว่าคนส่วนมากที่ได้รับคัดเลือกจะเป็นคนประเภท Extrovert หรือคนที่ชอบเข้าสังคม และ มีอัธยาศัยดี
เนื่องจากที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น การสอบสัมภาษณ์เป็นการประเมิณว่าคุณเป็นคนอย่างไรผ่านทุกๆ สิ่งที่คุณได้นำเสนอออกมา
ในทางกลับกันหากคุณเป็น Introvert คณะกรรมการจะไม่มีทางรู้จักคุณแน่นอน และ มันก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาด้วยที่จะต้องมาค้นหาว่าคุณเป็นคนอย่างไร
7. แก้ปัญหา death air ด้วยการทวนคำถาม
หลายๆ ครั้งที่เรามักถูกถามด้วยคำถามที่ไม่คาดคิด ที่อาจต้องใช้เวลาเรียบเรียงคำตอบพอสมควร
ซึ่งเป็นข้ออันตรายหนึ่งที่คนทั่วไปมักจบลงด้วย death air ทำให้การสัมภาษณ์เป็นไปได้ไม่ราบรื่นนัก
ผมขอแนะนำให้คุณลองใช้วิธีการทวนคำถามของคณะกรรมการ ทวนช้าๆ ชัดๆ ให้คณะกรรมการได้ยิน วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีเวลาคิดคำตอบพอสมควร ประกอบกับเป็นการสื่อสารกลับไปให้คณะกรรมการรู้ว่าเราเข้าใจคำถามของเขาถูกต้อง และ ยังอยู่ในบทสนทนาอยู่
8. ดึงดูดระยะเวลาการสัมภาษณ์
เทคนิคสุดท้ายที่ผมอยากแนะนำให้คุณได้ใช้คือให้คุณพยายามดึงดูดการสัมภาษณ์เอาไว้ ดังที่ผมได้กล่าวไว้ตั้งแต่ข้อ 1 ระยะเวลาที่เขาสัมภาษณ์คุณเป็นอีกตัวชี้วัดหนึ่งที่ประเมิณว่าเขาชอบคุณหรือไม่
พยายามดึงดูดการสนทนาเอาไว้ พยายามหาโอกาสนำเสนอจุดเด่นของตนเอง รวมถึงทำตัวให้น่าค้นหา ให้คณะกรรมการอยากใช้เวลารู้จักคุณมากขึ้น ทำอย่างไรก็ได้ให้คุณได้มีโอกาสนำเสนอตนเองให้มากที่สุด
หากเขาชอบคุณระยะเวลาสัมภาษณ์ของคุณจะยาวกว่าคนอื่นและนั่นบอกว่าโอกาสได้เปิดให้คุณแล้ว
บทสรุปของการสัมภาษณ์ ผมได้ใช้เทคนิคทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้การสอบสัมภาษณ์ของผมผ่านไปได้อย่างราบรื่น และ ได้รับคัดเลือกตามที่ตั้งใจไว้
ในบทความนี้ผมจึงขอบันทึกเทคนิคต่างๆ เหล่านี้ที่ผมได้มีโอกาสศึกษา เรียบเรียง และ นำไปใช้จริง โดยขอแชร์เอาไว้เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับคนอื่นที่ต้องผ่านสอบสัมภาษณ์ในอนาคต
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ
ฝากติดตามผลงานอื่นๆ ด้วยครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา