22 ก.ย. 2019 เวลา 07:05 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 16
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561(ต่อ)
พอทำพิธีเสร็จก็เดินทางกลับกันโดยใช้ทางเดิม
บรรยากาศก็ยังสลัวๆด้วยหมอกอยู่
ผมรู้สึกว่าได้ผ่านและเจอเรื่องราวเยอะมาก
ทั้งที่ก็เป็นแค่ช่วงเช้าของวันนี้เท่านั้น
เดินทางกลับ
ทั้งพระทั้งโยมก็เดินตามทางสายหมอกทางนี้
เส้นทางสายหมอก
มีลุงคนหนึ่งสะกิดผมแล้วเอาขวดเล็กๆมีน้ำมันอะไรไม่รู้อยู่ในขวดและยื่นให้ผม ซึ่งเราฟังภาษากันไม่ออก ผมก็ได้แต่ยิ้มให้ ผมเลยหยิบพระในถุงเสื้อที่ผมได้รับมาตอนออกเดินทางวันแรก มอบให้ลุงแกกลับไป แกก็ยิ้มและทำท่าทางขอบคุณมาก
ลุงที่มอบขวดน้ำมันเล็กๆให้ผม
ทุกคนเดินกลับมาด้านนอกที่รถจอดรออยู่เพื่อเดินทางกลับไปที่วัดตามเดิม
ถนนนี้จะลื่นๆหน่อย ถ้าคนไม่ชำนาญจะขับยากมาก แต่คนพื้นที่เค้าขับสบายเลย
ขึ้นรถกลับ
พอกลับมาถึงวัดผมก็สังเกตว่ามีพระเณร อีกชุดมากางเต๊นอยู่ในวัด
ซึ่งผมมองไม่เห็นตอนออกไปเพราะมืดมาก หลวงพี่ที่มาก็รู้จักกับหลวงพี่อนุชาเหมือนกัน
ชุดพระเณรมากางเต๊นท์เพิ่ม
หลวงพี่และเณรน้อย
จากนั้นทุกคนทั้งพี่เด แม่พี่เค้าครอบครัว ชาวบ้าน ก็ทำพิธีแห่ต้นกฐินรอบวัด
ผมก็ร่วมสมทบตามกำลังที่ผมพอจะทำได้ในงานบุญครั้งนี้
เตรียมแห่กฐินรอบวัด
พี่เดกับแม่เป็นเจ้าภาพงานนี้
แห่กฐินรอบวัด
แห่กฐิน
พอเสร็จแล้วก็นำเข้าไปไว้ในศาลา ทีนี้พอพระจะเดินเข้าศาลา
พี่เดก็ชวนผมวิ่งไปนอนลงกับพื้นดินเอาตัวรองให้พระท่านเหยียบหลังโดยมีหลายๆคนมาทำเหมือนกันเหมือนเป็นสะพานให้พระท่านเดินเหยียบผ่านเข้าศาลาไป พี่เดบอกว่าเป็นความเชื่อตามตำนานที่ว่าในชาดกชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้าก็เคยเอาตัวล้มลงเป็นสะพานให้พระพุทธเจ้าองค์ก่อนรองเดินเพื่อข้ามโคลนไป และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกในชีวิตผมเหมือนกันที่ได้ทำแบบนี้ แบบรู้สึกสนุกมากกว่าอย่างอื่น
จากนั้นก็ทำพิธีถวายต้นกฐินกันในศาลา
ถวายต้นกฐิน
ส่วนตัวผมนะเหรอครับ เดินถ่ายรูปเหมือนเป็นช่างภาพในงานบุญครั้งนี้ทีเดียว ที่จริงก็เหมือนเด็กหลงเข้ามามากกว่า แต่ผมก็รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ด้วยตาตัวเอง
เก็บภาพบรรยากาศ
เด็กๆกับผู้เฒ่าผู้แก่
น้องๆของพี่เด
ผมก็ได้พูดคุยสอบถามเรื่องราวต่างๆกับพี่เดพอสมควร ซึ่งผมก็บอกว่าวันนี้ผมคงต้องออกเดินทางต่อไป แต่คงไม่ได้เข้าไปม่อนคุลยละ เพราะสำหรับผมแล้วการได้มาที่แห่งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามาแล้ว เรื่องม่อนคลุยสถานที่ท่องเที่ยวที่ว่าสวยๆที่ตอนแรกเข้ามาเพื่อมุ่งหมายจะไป แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าไม่ใช่สาระเลย ณ เวลานี้
พี่เดผู้นำพาผมเข้ามา
จากนั้นเค้าก็มีการฟ้อนรำตามแบบฉบับของที่นี่อีกรอบ ผมก็พยายามเก็บภาพต่างๆบันทึกไว้เป็นความทรงจำสำหรับที่แห่งนี้
เก็บบันทึกไว้เป็นความทรงจำ
ทีนี้พอถวายเสร็จ พระท่านก็ทำพิธีสวดมนต์ต่อ ซึ่งผมสังเกตว่าชาวบ้านที่ลงจากเขามาสมทบอีกมากทำให้ที่นั่งในศาลามีไม่พอ แต่สิ่งที่ผมพบคือ
ชาวบ้านนั่งตามพื้นดินตามลานวัดเลย โดยไม่มีอะไรรองนั่ง บ่งบอกถึงความศรัทธาที่มี และเป็นภาพที่ผมไม่ค่อยได้ค่อยเท่าไหร่
นั่งพนมมือฟังพระสวดมนต์
หลังจากเสร็จพิธี ชาวบ้านก็แยกย้ายกันไปทำอาหาร ไปพูดคุยกันตามจุดต่างๆซึ่งผมรู้สึกว่า ชุดและเครื่องแต่งกายที่นี้มีเอกลักษณ์มาก
ชุดบ้านใส่ชุดพื้นถิ่น
เด็กน้อยใบ้อะไรไม่รู้
เสร็จพิธี
จากนั้นพี่เดก็ชวนผมไปที่ครัว ซึ่งพี่เดก็ชวนผมนั่งเคี้ยวหมาก ซึ่งเค้าจัดไว้เป็นคำไว้ในตะกร้า ผมก็ลองกับเค้าดู ก็จะฟาดๆนิดหนึ่ง
เด็กๆตรงนั้นก็ขอลองเอากล้องผมไปถ่ายเล่น ดูเค้าน่าจะชอบทีเดียว
นั่งเคี้ยวหมาก
พี่เด กับ หลวงพี่อนุชา
ทีนี้ผมก็ได้พูดคุยกับหลวงพี่ที่พึ่งเข้ามา เพราะท่านทราบว่าผมเป็นคนที่อื่นมาเหมือนกัน ไม่ใช่ชาวบ้านที่นี่ ท่านก็ยังชวนผมอยู่ต่อและรอเดินทางออกไปพร้อมกันกับหลวงพี่อนุชา เพราะท่านจะไปสถานปฏิบัติธรรมอีกแห่ง แถวแม่เมย-สบเมย หลวงพี่อนุชาบอกสามารถไปกางเต๊นท์พักผ่อนได้ เป็นสถานที่สวยงามอีกที่หนึ่งเลยทีเดียว ผมก็ตอบว่าแล้วแต่โอกาสครับ ผมก็ได้แต่ยิ้มไม่ได้ตอบตกลงใด เพราะผมตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะไปไหนมาไหน รู้แค่ว่าจะเดินทางไปเรื่อยๆเป็นการตัดสินใจวันต่อวัน หรือตัดสินใจตามสถานการณ์เฉพาะหน้าเลย ผมเลยไม่อยากผูกติดกับอะไรมาก หลวงพี่ก็บอกต่ำแหน่งสถานที่ให้ ถ้าจะเข้าไปก็เข้าไปได้เลย ผมก็ได้แต่ขอบคุณ
จากนั้นผมคิดว่าคงถึงเวลาที่ผมต้องไป ก็ร่ำลาพี่เด และแม่ของเค้าและหลวงพี่ แล้วผมก็เก็บของกลับไปที่รถเพื่อจะเดินทางต่อ ซึ่งความรู้สึกผมเหมือนเข้ามาอยู่ที่นี่นานมาก ไม่ไม่ใช่ความรู้สึกของการเข้ามาแค่หนึ่งวันสองวัน มันนานทีเดียว
พอผมเดินถึงรถผมก็จะไปเอาผ้าคลุมที่คลุมไว้ออก เพราะมีฝนตกและข้าวของผมก็ไม่ได้เอาไปหมด บางส่วนก็อยู่ที่รถ แต่ผมไม่กังวลเลยว่าจะมีใครมาหยิบอะไรไปหรือป่าว ผมกลับมาทุกอย่างก็อยู่ครบดี
จอดรถทิ้งไว้ในป่า
แต่สิ่งที่ทำให้ผมตัองประหลาดใจจากการจอดและผ้าคุลมไว้แค่คืนเดียว
กลับมาจั๊กจั่นมาลอกคราบทิ้งไว้
จั๊กจั่นลอกคราบทิ้งไว้
ผมก็ได้แต่ยิ้มแบบประหลาดใจคนเดียว จากนั้นผมก็เก็บข้าวของขับรถออกมาจากป่า จนมาถึงถนนเส้นเลียบชายแดนแม่เมย ผมเห็นป้านสถานที่แห่งนี้ก็เลยจอดรถถ่ายรูปเก็บไว้ ว่าที่เรามาคือบริเวณด้านในนี้
ป้ายสถานที่
และก็ผ่านหมู่บ้านออกมาผมก็จอดรถเพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระทึกในอีกหนึ่งสถานที่ ที่มีโอกาสได้เข้ามาพานพบ
บันทึกภาพ
จากนั้นผมก็ขับรถไปตามถนนมุ่งหน้าต่อไป
ผมผ่านจุดที่หลวงพี่บอกว่าสามารถแวะเข้าไปได้ ผมตัดสินใจในระหว่างขับรถว่าผมคงต้องผ่านไปเพื่อเดินทางต่อ เพราะผมรู้สึกว่าถ้าเข้าไปน่าจะมีเหตุการณ์ให้ได้อยู่ต่ออีกหลายวัน ผมเลยตัดสินใจผ่านไปเพราะไปค้นหาเรื่องราวที่อยู่ข้างหน้าต่อไป ในสถานที่ผู้คนที่เราไม่ได้รู้จักมักคุ้นเลย ผมอยากเรียนรู้ผ่านสิ่งเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด โดยผมผ่านอำเภอแม่สะเรียงไป ซึ่งตอนแรกผมก็กะว่าจะพักที่ตัวอำเภอสักคืน แต่ผมเห็นเป็นเมืองผู้คนเยอะ
ผมก็เลยขับผ่านไป โดยขับไปตามเส้นทางเรื่อยๆไม่ได้มีจุดเป้าหมายอะไร
จนเริ่มเย็นผมคิดว่าผมต้องแวะหาที่พัก ผมก็เห็นป้ายโฮมเสตร์แห่งหนึ่ง
อยู่ข้างทาง ผมคิดว่าวันนี้เราคงพักที่นี่สักวัน จะได้ชาร์ตแบ็ทต่างๆให้เต็มและก็ซักผ้าตากอุปกรณ์ที่เปียกชื้นให้แห้ง ผมก็เลยแวะเข้าไป
ไปตามทาง
พอผมเข้าไป ก็ไปเจอเป็นลักษณะบ้านสวนอยู่ด้านใน
ก็เลยสอบถามเข้าพัก คุณลุงเจ้าของก็มาทักทายและสอบถามว่ารู้จักที่นี้ได้ยังไง ผมก็ตอบว่าผมดูป้ายก็เลยแวะเข้ามาพัก หลังจากนั้นลุงก็ได้พูดคุยสอบถามกับผมหลายอย่าง และแกบอกว่าอยากมีโอกาสไปแบบผมบ้าง
เดินทางไปเรื่อยๆแต่ยังไม่มีเวลาสะดวกไปแบบนี้เลย จากนั้นลุงก็ถามว่าจะสั่งอะไรกินมั๊ย ผมก็สั่งข้าวไข่เจี๋ยวชะอมไป รู้สึกว่าอยากทานอะไรแบบนี้มาก และลุงก็ถามว่ามีเสื้อผ้าอะไรจะซักมั๊ย ผมก็ตอบว่ามี ลุงก็บอกว่าใส่ตะกร้าไว้เลย เดี๋ยวให้คนมาเอาไปปั่นให้ จากนั้นผมก็จัดแจงอุปกรณ์ชาติแบ็ตต่างๆ แล้วก็นั่งเล่นและจดบันทึกเรื่องราว พอตกเย็นๆก็มีคนเอาหารมาส่งและมีแกงจืดมาด้วย 1 ถ้วย บอกว่าลุงฝากมาให้ทาน พอดีทำกินเย็นนี้พอดี ผมก็ขอบคุณไป จากนั้นผมก็นั่งกินข้าวอย่างอะไร รู้สึกว่าไม่ได้ทานอะไรแบบนี้มานานแสนนานเลยทีเดียว จบอีกวันสำหรับวันนี้
อาหารสุดอร่อยวันนี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา