24 ก.ย. 2019 เวลา 04:08 • ปรัชญา
เล่าสมัยเป็นมือใหม่
ก่อนอื่น อยากให้กำลังใจ สำหรับเพื่อนๆที่เป็นนักลงทุนมือใหม่ ให้สู้กับสภาวะตลาดหุ้นแบบนี้
ท้าวความเดิมไปเมื่อ 15 ปีก่อน ตอนสมัยพึ่งจบการศึกษามาจากการเงิน ไฟแรงสูง ผมเป็นคนนึงที่มองตัวเองต้องทำอาชีพเป็นนักลงทุนให้ได้
ก็เริ่มสนใจมาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี
ถ้าคุณมีฝัน อย่าหยุดฝัน ลงมือทำให้เป็นจริง
ชอบหนังเรื่อง เจ้าพ่อตลาดหุ้น มันสนุกมากเลย ตัวเองเป็นโบรกเกอร์ ( เจ้าหน้าที่การตลาด)
ผมก็ไปสอบใบอนุญาต จนได้มีโอกาสทำงานด้านนี้จนได้ ผมมีความฝันว่าจะรวย แบบพระเอกเจ้าพ่อตลาดหุ้น
แต่ในชีวิตจริง แล้ว พอมาในยุค ค่าคอมมิชชั่น แสนถูกมันก็ยากเหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ไม่มีแต้มต่อแบบผมเลย
ชีวิตที่ต้องดิ้นรนทำงานตั้งแต่เด็ก เป็นเด็กเก็บจาน ตามห้าง เพื่อหารายได้ไปซื้อของที่อยากได้ เช่นกีต้าร์ หม๊าบอกว่าถ้าอยากได้อะไรต้องไปหาเอาเอง
และนั้นเป็นสิ่งที่ต้องพยายามหา ทำงานเพื่อจะได้มันมา
ผมก็เริ่มต้นชีวิตการเป็นมาร์เก็ตติ้ง คน หลายๆคนมักดูถูก อาชีพนี้ เพราะว่าชอบเชียร์ให้ซื้อๆขายๆ เอาวอลุ่ม มันก็เป็นจริง นั้นแหล่ะ
ถ้าไม่ทำ ก็จะโดนบีบจากต้นสังกัด ยิ่งสภาวะตลาดหุ้นไม่ดีทั้งตลาด เราจะถูกเรียกไปคุย และ ถูกพิจารณาลดเงินเดือน จากเงินเดือนที่น้อยนิดแล้ว ยังถูกลดอีก 555
ผมก็เริ่มจากจุดแรกๆที่เหมือน tele sale ที่ไม่มีลูกค้า หัวหน้าให้ลูกค้าที่ไม่ active ให้เราโทรคุย ผมโทรเป็นร้อยๆสาย โดนปฎิเสธหมด
ในตอนนั้นก็แอบท้อเหมือนกัน มีงาน money expo เอาหมด เพื่อหาลูกค้า ก็เริ่มสะสมมาเรื่อยๆ กว่าจะผ่านเกณฑ์ ก็เป็นปี ดีเข้าให้โอกาสเรา
ในระหว่างที่เราทำอาชีพมาร์ ผมก็มีมุมที่ศึกษาด้านการลงทุนไปด้วย ผมมักหาข้อมูลเสร็จเพื่อเตรียมคุยกับลูกค้า และ ก็ศึกษาด้านการลงทุนไปด้วยเสมอ กลับบ้านดึกทุกวัน
ทั้งปัจจัยทางด้านเทคนิค และ ปัจจัยพื้นฐานเอาหมดเลยไม่ว่าศาสตร์ไหนเกี่ยวกับการลงทุน
จุดเริ่มต้นที่ศึกษาอย่างจริงจัง คือการที่เรา loss ครั้งใหญ่จากความไม่รู้ เทรดแบบจบรายวัน แต่ปิดจ๊อป ไม่ได้ และที่สำคัญ ใช้เครดิตเต็มแต่ไม่มีเงินจ่าย ต้องขายภายในวัน สุดท้ายต้องขาดทุนไปหมื่นกว่าๆในวันเดียว เงินเดือนหายไปทั้งเดือนครับ
หลังจากศึกษา เราก็เริ่มไปงานสัมมนา มีโค้ช ก็ถามๆ เพื่อเราจะได้เทรดได้ดีขึ้น
เงินส่วนหนึ่งผมจะลงทุนแบบ dca เพราะมองว่าดัชนี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12 % ผมก็เริ่มจากจุดนั้นสะสมมาเรื่อยๆ ทำให้เชื่อว่าเป็นไปได้ ถ้าเรามีวินัยเพียงพอ
การเป็นมาร์เก็ตติ้ง นั้นมีช่วงที่ดีไปถึงดีมาก และก็มีช่วงที่แย่ ถึงแย่มาก ยามมีต้องเก็บเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่ามันจะแย่ไปอีกเมื่อไรครับ
เงินส่วนที่ได้ช่วงที่ดีผมก็เอามาลงทุนในหุ้นมากขึ้น และก็พัฒนาเรื่องการลงทุนมาเรื่อยๆจนวันหนึ่ง เราก็มาเป็นนักลงทุน และทำธุรกิจไปด้วย
อาจจะไม่ได้รวยแบบคนอื่นเขา เพราะตัวเองไม่มีแต้มต่อ เพียงแต่มีความฝัน ที่มาจากหนังเพียงเรื่องเดียว คือเจ้าพ่อตลาดหุ้น
ทำให้ตัวเองเคลื่อนจาก จุด a ไปจุด b พอที่จะมีอิสรภาพมากขึ้น
แต่ผมอยากบอกนักลงทุนมือใหม่ว่า มันเป็นไปได้ครับ จากเด็กล้างจาน เด็กเสริฟ์ สารพัดที่ทำงาน มาทำงานเป็นมาร์เก็ตติ้ง จนมาเป็นนักลงทุน ทำธุรกิจส่วนตัวได้
ขอให้เราหมั่นหาความรู้ สะสมเงินทุน เราก็สามารถยกระดับขึ้นได้
ผมก็ต้องยกระดับต่อไปเช่นกัน สู้ๆเป็นกำลังใจให้ผู้มีฝัน และลงมือทำทุกคนครับ
ช่องทางการติดตาม:twintrade เล่าหุ้นให้มันง่าย
โฆษณา