26 ก.ย. 2019 เวลา 11:07
หรือจริงๆแล้ว ปัญหาโลกร้อน จะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
รูปหมีขาวที่คุ้นตา
13 ปีก่อน มีสารคดีระดับรางวัลออสการ์เรื่องหนึ่ง ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก พูดถึงผลกระทบของการใช้พลังงาน การผลิต พูดถึงการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากเป็นปรากฏการณ์​ สร้างออกมาด้วยอัตราที่เร่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ แบบที่โลกนี้ไม่เคยพบเจอมาก่อน
และทำนายว่าหากไม่มีใครยอมทำอะไร โลกเราจะเกิดวิกฤติทางสิ่งแวดล้อม
โลกจะพบกับหายนะที่เกิดมาจากฝีมือมนุษย์เอง
สารคดีนี้มีชื่อว่า “An inconvenient Truth” ออกฉายครั้งแรก เมื่อปี 2006
ฉายในปีเดียวกับ Greta thunberg เกิด!
ผมเป็นคนหนึ่งที่รู้จักโลกร้อน จากสารคดีนี้ และผมเชื่อว่า มันช่วยให้หลายๆคนตระหนักเรื่องโลกร้อนจากฝีมือมนุษย์มากขึ้น
แต่ภาพยนต์สารคดีเรื่องนี้ก็มีคนวิจารณ์มากมาย ว่าเบื้องหลังมีความเกี่ยวข้องกับเหล่า NGO ที่คลั่งในสิ่งแวดล้อมเกินไป บิดเบือนเกินจริง และเกี่ยวข้องกับ Al Gore (ผู้ทำสารคดี)​ ที่แพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี​สหรัฐ แล้วต้องการโจมตี George Bush
มีการโจมตีว่า สารคดีเรื่องนี้เสนอภาพน้ำท่วม ภาพน้ำแข็งละลาย เพื่อกระตุ้นความรู้สึกคนดู เน้นดราม่าทั้งๆที่จริงแล้วมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น
บางคนก็โจมตีว่า สมัยก่อนโลกเป็นยุคน้ำแข็ง โลกร้อนมันก็ดีแล้ว ไม่งั้นเราก็อยู่ไม่ได้สิ
อีกอย่างโลกมันก็ดูร้อนขึ้น ทุกปีด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว แม้มนุษย์จะยังไม่ได้ทำอะไร สิ่งที่มนุษย์​ทำนั้น ไปรบกวนโลกน้อยมากๆ
บางคนก็แย้งว่า มีหลักฐานวิทยาศาสตร์มากมาย จากแหล่งอื่นๆ ที่มาค้านว่า ข้อมูลเรื่องน้ำท่วม น้ำแข็งละลาย อุณหภูมิโลกที่จะพุ่งกระฉูด ก็เป็นการดัดแปลงข้อมูล ยกเอาตัวเลขเว่อเกินจริงมาให้ผู้ชมเข้าใจผิด
กราฟอุณหภูมิ​ในตำนาน
จนถึงตอนนี้ ภาวะโลกร้อน ก็ยังเป็น Hot issue ที่ไม่มีใครจริงจังกับมันมาก เป็นกระแสมาๆไปๆ
แน่นอน ล่าสุดก็คือประเด็นของ Greta Thunberg ที่หลายๆคนชื่นชม แต่ก็มีบางคนมาโจมตี
เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีพิธีกรข่าวคนไทยชื่อดัง โจมตีGreta ว่า เธอเป็นแค่เด็กสาวที่เชื่อใน “Environmentalist cult” วิจารณ์ว่า เธอกล้าดียังไงมาสอนเหล่าผู้นำประเทศ และผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
โอเค ผมเข้าใจดี ว่าเราต้องรับข้อมูลสองด้าน การที่เราเอาแต่รับข้อมูลด้านร้ายของ Global warming มาตลอด เราก็อาจจะโดนเหล่า NGO ที่คลั่งไคล้ในสิ่งแวดล้อมเกินจริง ปั่นหัวอยู่ก็ได้
แต่ตลกร้ายคือ พิธีกรท่านนั้น กลับเอาแหล่งอ้างอิงค้านว่าโลกร้อนไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มาจากคลิบyoutube ที่ผลิตโดย PragerU (Prager University)
PragerU ไม่ใช่มหาวิทยาลัย แต่เป็นองค์กรอิสระของอเมริกา ที่เน้นสร้างวิดีโอ และเผยแพร่ความรู้ ในมุมมองอนุรักษ์นิยม (conservative or right-wing perspective) พวกเขาโจมตีกระแสโลกร้อนมาตลอด เนื้อความในสื่อของพวกเขานั้น ก็ได้รับการเปิดโปงว่า มีการคัดข้อมูล (Cherry picking) เฉพาะที่สนับสนุนจุดยืนของพวกเขาเท่านั้น ในขณะที่ข้อมูลความเลวร้ายของภาวะโลกร้อนนั้น ก็มีมากมาย แต่พวกเขาเลือกจะไม่พูดถึงใดๆ
มีคนเคยกล่าวว่าการบิดเบือนข้อมูลในยุคนี้ ไม่ใช่การปิดบัง หรือ Censor ข้อมูล แต่เป็นการสร้างข้อมูลที่เราต้องการ ใส่เข้ามาในระบบเยอะๆ ให้คนบริโภคสับสนไปเอง
เพราะคนมักจะตัดสินใจ “เชื่อ” ก่อน แล้วจึงค่อยหาเหตุผลมาสนับสนุนทีหลัง
Cherry Picking นี้เอง ที่ทำให้กระแส Anti-Vaxxer (ลัทธิไม่ฉีดวัคซีน) เจริญรุ่งเรืองขึ้นได้ในประเทศที่เจริญแล้ว
ภาวะข้อมูลข่าวสาร​มากมายนี้เอง อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เหล่าผู้นำประเทศหลายๆคน ไม่เชื่อในความอันตรายของ Global warmning ที่ชัดเลยก็ Donald Trump ที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ
เอาหละ ทำไมจากวันที่กระแสภาวะโลกร้อนถูกจุดขึ้นมาจากสารคดี The inconvenient truth จนถึงวันนี้ มันก็ดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย...
ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การทำลายทรัพยากรทางธรรมชาติก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระดับน้ำทะเลก็เพิ่มสูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกก็ละลายมากขึ้น
มันดูไม่ได้มีความคืบหน้าใดๆเลย
มีคนเคยกล่าวอีกเช่นกันว่า การเปลี่ยนแปลงในโลกใบนี้ ถ้ามองย้อนไปในประวัติศาสตร์ ล้วนขับเคลื่อนโดยเหล่าชนชั้นนำ (Elite) ซึ่งถือเป็นกลุ่มน้อย ในขณะที่มวลชนนั้นเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมของพวกเขาอีกที
จึงอาจเป็นไปได้ว่าที่ปัญหาโลกร้อนยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังนั้น เพราะมันยังไม่ได้กระทบพวกเขา
ทำไมมันถึงกระทบพวกเขาหลังสุดหละ?
ซึ่งถ้าเรามาดูกันจริงๆแล้ว โลกร้อนอาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะครับ
ถ้าเกิดน้ำท่วม เราก็แค่ย้ายไปสร้างบ้านใหม่ในจังหวัดที่เป็นที่สูง หรือไม่ก็ย้ายประเทศไป มันคงไม่ท่วมหมดทั้งโลกหรอก
ถ้าเกิดภัยแล้ง เราก็สร้าง Warehouse ใหญ่ๆ ซื้ออาหารมาตุนไว้เยอะๆ ซื้อเครื่องกรองน้ำราคาแพง แค่นี้ก็ไม่อดตายแล้ว
ถ้าเกิดภาวะอากาศมลพิษ เราก็ซื้อหน้ากาก N95 มาตุนไว้ ซื้อเครื่องกรองอากาศมาเยอะๆ อย่าออกนอกบ้านมาก ถ้ากลัวว่าลูกเราจะไม่ได้เล่นข้างนอกเลย แต่พอออกไปแล้ว จะมีปัญหาโรคปอด? ก็ส่งไปเรียนโรงเรียนอินเตอร์แพงๆ ที่มีระบบ Facility ดีๆ บางแห่งนี่ถึงขั้นสร้าง Dome ครอบสนามหญ้าไว้เลยนะครับ เด็กจะได้เล่นในที่แจ้งได้ โดยไม่ต้องสัมผัสกับมลพิษ หรืออีกเช่นกัน ถ้าอากาศมันแย่มาก ก็ย้ายไปแถบ Scandinavia สักพักก็ได้ครับ
Dome กรองอากาศของโรงเรียนประถมไฮโซ ประเทศจีน สุดยอดไหมหละ
ถ้าเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ ก็เหมือนกัน คุณก็สร้างบ้านที่แข็งแรงๆหน่อย เอาให้ดีอาจขุด Bunker ใต้ดินไว้เลย รอดแน่
ถ้ากลัวเรื่องโรคระบาดที่มากขึ้น ก็ไม่ต้องกลัวเพราะโรงพยาบาลเอกชน 5 ดาว รอรับคุณอยู่เสมอ
ถ้าโลกนี้มันหายนะ จนอยู่ไม่ได้แล้ว ก็มียานอวกาศรอรับคุณไปอาศัยที่ดาวดวงอื่นต่อ
เห็นไหมครับ โลกร้อนไม่ได้น่ากลัวเลย
ถ้าคุณมีเงินมากพอ
นี่จึงอาจเป็นปัจจัยข้อที่สอง ที่ทำให้เหล่า Elite ทั้งหลาย ไม่รู้สึกรู้ร้อนหรือหนาวอะไร
ส่วนเราๆนั้น ก็คงได้แต่ตรากตรำต่อไป
ส่วนข้อที่สาม ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้ปัญหานี้แก้ไขยาก ก็เพราะว่า
ภาวะโลกร้อนสัมพันธ์กับ ทุนนิยม อย่างแบ่งแยกไม่ได้
กลไกทุนนิยมนั้น ก็สัมพันธ์กับชีวิตของผู้คนในโลกนี้มากมาย
ถ้าจะแก้โลกร้อน โดนแก้ที่ปัญหาคือ ทุนนิยม จึงเกั่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตคน จำนวนมหาศาล และแน่นอน คนที่ได้กระทบก่อน ก็คือคนจน คนชนชั้นกลาง นั่นเอง
เรื่องนี้จึงเป็นอะไรที่ซับซ้อนมากๆ
ดังนั้นแล้วที่เราพอทำได้ตอนนี้ ก็อาจทำอะไรไม่ได้มาก ช่วยลดเท่าที่ได้ บริโภคเท่าทีพอ
ไม่เพิ่มขยะ หรือมลพิษมากเกินไป
... และหาเงินเยอะๆ เพื่อถีบตัวเองขึ้นสู่ชนชั้นบนครับ
ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่
หรือ Click VISIT

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา