28 ก.ย. 2019 เวลา 12:07 • ความคิดเห็น
ใครๆ ก็อยากไป (ลงทุน) ในเวียดนาม
อย่างที่หลายๆ ท่านติดตามเรื่องสงครามการค้า จีน-สหรัฐ จะพบว่าปัจจุบันมีบริษัทอเมริกัน เริ่มย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนามกันแล้ว เราไปดูกันว่า ทำไมเวียดนามถึงน่าสนใจ และล่าสุดบริษัทต่างๆ มีความเคลื่อนไหวยังไงกันบ้าง
1)ประเทศเวียดนาม เป็นได้ทั้งฐานการผลิต และโอกาสขยายตลาดไปในตัว โดยมีประชากรสูงถึง 96 ล้านคน เป็นอันดับที่ 14 ของโลก อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยแรงงาน โดยมีอายุเฉลี่ยประมาณ 30.5 ปี เทียบ ประชากรของไทยที่อายุเฉลี่ยประมาณ 38 ปี นอกจากนี้ค่าแรงก็ยังต่ำอยู่
3
2) ด้วยสภาพภูมิรัฐศาสตร์แล้ว เวียดนามมีทางออกทะเลฝั่งตะวันออก ไปอเมริกาสะดวก อีกยังอยู่ในภูมิภาคสำคัญอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ที่มีประชากรรวมกัน 600 ล้านคน หรือ 2 เท่าของประเทศสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญที่สุด เวียดนาม ไม่ค่อยถูกชะตากับจีน มีข้อพิพาทกันตลอด เป็นข้อดีสำหรับอเมริกา
1
3) เวียดนามมีข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ ทั้งยุโรป เกาหลี ฯลฯ อีกทั้งยังได้สิทธิพิเศษทางศุลกากร GSP กับประเทศในยุโรป (ในขณะที่ไทย ไม่ได้นานแล้ว)
2
4) บริษัทต่างชาติ ที่ย้ายออกจากจีน ที่ดังๆหน่อย ได้แก่
Foxconn แห่งไต้หวัน (ผู้ผลิตอุปกรณ์ให้ Apple และบริษัทอื่นๆ) ได้ไปซื้อโรงงานเก่าของ Nokia ตั้งแต่ปี 2559 โดยข่าวรายงานว่ามีโอกาสที่จะผลิตมือถือ Pixel (ให้ Google) โดยโรงงานในอยู่ในจังหวัดบั๊กนิญ (Bac Ninh) อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม ไม่ไกลจากเมืองหลวง โดยใช้เวลาขับรถเพียง 40 นาทีไปทางตะวันออกของฮานอย และอยู่ห่าง 30 นาที จากสนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย (Noi Bai)
wikimedia
นอกจากนี้จังหวัด บั๊กนิญ ยังเป็นศูนย์รวมของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ ไฮเทคต่างๆ ทั้ง Samsung, Canon, Nokia โดยมีเงินลงทุนไปที่จังหวัดนี้ไปแล้วมากกว่า 18.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 580,000 ล้านบาท)
2
ทาง Nikkei ยังรายงานว่า Apple กำลังทดลองผลิตหูฟัง Apple Airpods ในเวียดนาม และทาง Amazon (ยักษ์ใหญ่ e-commerce สหรัฐฯ) และ  Home Depot ก็สั่งซื้อสินค้าจากเวียดนาม
Apple Airpods Cr. Nikkei
อย่างไรก็ตาม ปริมาณแรงงานในเวียดนาม ก็มีแค่เทียบเท่ามณฑลกว้างตุ้งในจีนเท่านั้น อีกทั้งผลิตภาพของแรงงาน ก็ยังต่ำกว่าจีน นอกจากนี้ถนนหนทางบริเวณทางใต้ของเวียดนามบริเวณโดยรอบโฮจิมินห์ ซิตี้ ก็ยังไม่ดีนัก ทำให้โอกาสที่เวียดนามจะ "แทน" จีน คงเป็นไปได้ยาก หลายๆ บริษัทจึงใช้นโยบาย "จีนบวกหนึ่ง" คือ มีฐานการผลิตอีกแห่งนอกจากจีน
2
5) บริษัทไทยไม่น้อย ที่ไหวตัวทันแต่เนิ่นๆ โดยไปลงทุนในเวียดนามเหมือนกัน
กลุ่ม CP ลงทุนในเวียดนามมาแล้วนานกว่า 25 ปี คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (32,000 ล้านบาท) ในธุรกิจสัตว์บก สัตว์น้ำ อาหารสัตว์  และร้านค้าปลีก
1
ปูนใหญ่ SCG ลงทุนสร้างโรงงานปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในเวียดนาม มูลค่า ลงทุน 173,000 ล้านบาทโดยโครงการตั้งอยู่เมืองบาเหรี่ยะ-หวงเต่า อยู่ห่างจาก โฮจิมินห์ ซิตี้ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 100 กิโลเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 และยังมีธุรกิจอื่นๆ ในเวียดนามทั้งผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และธุรกิจเคมีภัณฑ์
3
พลังงานหมุนเวียน ก็กำลังเป็นที่นิยมสุดๆ โดยเร็วๆ นี้ทางบริษัทบีกริมพาวเวอร์ เพิ่งประกาศ เดินเครื่องโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ "ใหญ่ที่สุด" ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ดอง เตี๊ยน1 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 420 เมกะวัตต์ ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการจ่ายให้ให้บ้านเรือนกว่าแสนหลัง แต่จากจำนวนประชากรของเวียดนามที่มีมากกว่า 96 ล้านคน  ก็ยังมีความต้องการพลังงานอีกมาก
โรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในเวียดนาม Cr.กรุงเทพธุรกิจ
6) มองภาพใหญ่ ทางตลาดหลักทรัพย์รายงานผลดำเนินการของบริษัทจดทะเบียนไทย พบว่า ปี 2561 มีถึง 231 บริษัท (44% ของบริษัทจดทะเบียน) มีการลงทุนในต่างประเทศ และโครงสร้างรายได้ที่เปลี่ยนไป โดยมีรายได้จาก ต่างประเทศในปี 2561 สูงถึง 31% เพิ่มจากปี 2559 ที่มีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 29%
set.or.th
7) นักลงทุนหุ้นไทย ก็มีไปที่เวียดนามกันเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะเหล่านักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investor) แต่การลงทุนในเวียดนามก็ยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะมี Foreign Limit ที่กำหนดสัดส่วนถือหุ้นของต่างชาติ ในบริษัทจดทะเบียนของเวียดนาม
1
จะเห็นได้ว่า ห่วงโซ่อุปทานการผลิตของโลก เริ่มหมุนไปทางเวียดนามแล้ว เราได้เห็นบริษัทใหญ่หลายๆ บริษัท ปรับตัวกันไปแล้ว
สำหรับ SMEs ไทยโดยเฉพาะผู้ส่งออก คงทำการค้าแบบเดิมๆ ไม่ได้ ต้องปรับตัวให้ทัน อย่างที่ภาครัฐ และหลายๆ องค์กร เน้น ให้เพิ่มมูลค่าสินค้า เช่น เปลี่ยนการการส่งออกอาหารสด เป็นการแปรรูปเพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น ที่สำคัญคือ ต้องเข้าใจ เข้าถึงความต้องการผู้บริโภคปลายทาง และใช้ช่องทางการค้าออนไลน์ให้เป็นประโยชน์
3
ทางเพจ "นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า" ก็มีความฝันที่จะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ให้ยืนหยัดสู้ในตลาดโลกได้อย่างสง่างามนะ แอดมินคิดว่า เราจับมือบุกตลาดโลกไปด้วยกัน น่าจะดีที่สุด ใครสนใจ กดเข้ากลุ่ม Line Openchat ""นำเข้าส่งออก สุดขอบฟ้า" กันได้เลย มาแบ่งปัน และแชร์ไอเดียกัน!!
3
ที่มา: Statista, Ozy, ตลาดหลักทรัพย์, ประชาชาติธุรกิจ, กรุงเทพธุรกิจ
โฆษณา