29 ก.ย. 2019 เวลา 03:21 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 23
วันที่ 17 พฤศจิกายน 2561
เช้าวันนี้ผมตื่นแต่เช้ามืดแล้วก็รีบเตรียมตัวเดินขึ้นยอดเขา
พกไฟฉาย อุปกรณ์ กระติกน้ำ กล้องถ่ายรูป
เมื่อคืนก็กังวลอยู่ว่าจะเดินขึ้นได้ยอดเขาได้หรือป่าว
กับอาการระบมที่ขา ที่เจ็บมาตั้งแต่แรกเริ่มเดินทาง
ผสมกับการใช้เท้าเหยียบเบรกรถ ขึ้นเขาลงเขาตลอด
การเดินทางต้องถูกปรับให้เหมาะสมกับสภาพที่เป็น
สุดท้ายก็บอกตัวเอง ไปเท่าที่ไหว จะถึงยอดหรือป่าวช่างมัน
ค่อยๆเดินไป กลายเป็นคนมีสติกับการเดินมากในแต่ละย่างก้าว
และกลายเป็นว่า เราเริ่มเห็นสิ่งรอบตัวชัดขึ้น
มองเห็นอย่างที่มันเป็น ไม่ใช่ความคิดมโนของเรา
รู้สึกตัวตนเริ่มเบาบางขึ้น รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ผมเริ่มใช้ความคิด
ค่อยรู้ว่า อ่อ...นี่คือผมนะ ที่กำลังเดินอยู่
หมอกหนา
ผมก็เดินไปเรื่อยๆพอฟ้าเริ่มสาง เห็นหมอกหนาเต็มไปหมด
มองเห็นได้จำกัดไม่กี่เมตร และก็เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวอื่นกำลังเดินตามมา
โดยในจุดต่างๆจะมีเด็กน้อยชาวดอย แต่งตัวรอให้นักทาองเที่ยวถ่ายรูป
อยู่ตามระยะ เด็กๆเหล่านั้นก็จะได้ค่าขนมกลับไปนั้นเอง
วิถีชีวิตก็มีหลายรูปแบบจริงๆ บางคนอาจจะมาท่องเที่ยว
แต่บางคนก็กำลังทำงานของตัวเอง ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็จะมีผสมปนเปกันไป
นักท่องเที่ยวกำลังทะยอยขึ้นมา
สุดท้ายด้วยการค่อยๆเดินมา ผมก็ขึ้นมาอยู่ยอดเขาจนได้
ผมดีใจไม่น้อยเลยที่ผมไม่ถอดใจ และพาตัวเองขึ้นมาถึงนี่
นักท่องเที่ยวรอชมพระอาทิตย์ขึ้น
แต่ด้วยสภาวะอากาศฟ้าปิด เมฆหมอกเยอะมาก
อย่าว่าแต่ดวงอาทิตย์ที่ทุกคนมารอชม แม้แต่วิวเทือกเขาที่อยู่ข้างหน้า
ยังแทบมองไม่เห็นกัน หลายๆคนเริ่มบ่นว่าโชคไม่ดีเอาซะเลย
กลุ่มนักท่องเที่ยวมารอชมพระอาทิตย์
ผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆและซึมซับเอาบรรยากาศผู้คนและยอดเขาแห่งนี้
ลมหนาวเย็นที่พัดมา เสียงผู้คนพูดคุยหยอกล้อกัน มันก็สดใสไม่น้อย
ผมพยายามรอจังหวะที่ลมพัดหมอกผ่านไป ซึ่งจะมีทั้งช่วงที่หนาและเบาบาง รอคอยจังหวะที่มันเบาบางเพื่อที่จะได้กดซัตเตอร์ถ่ายรูป
พยายามถ่ายวิว
รอคอยจังหวะ
แต่การได้ภาพแบบนี้มา ผมก็รู้สึกว่ามันสวยงานไปอีกแบบ
มันเหมือนเราล่องลอยอยู่ ทุกครั้งที่ลมพัดเมฆหมอกผ่านหน้าเราไป
รอและกดซัตเตอร์
นักท่องเที่ยวหลายๆคนเริ่มถยอยเดินกลับ
เพราะหมดหวังที่จะได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้น
เพราะเริ่มเวลาเริ่มสายมากแล้ว แต่บรรยากาศก็ยังมืดอยู่
แสงรำไรจากดวงอาทิตย์
หลายกลุ่มเดินกลับกัน ส่วนตัวผมยังอยากจะอยู่อีกสักหน่อย
นักท่องเที่ยวทะยอยกลับ
การที่ผมยังอยู่ต่อ ทำให้ผมมองเห็นทิวแถวนักท่องเที่ยวที่กำลังเดินกลับ
ผมก็มีโอกาสได้กดถ่ายภาพไว้ ซึ่งเป็นภาพบรรยากาศที่สวยงามมาก
ได้เห็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกมุมมอง
แสงอาทิตย์เริ่มมา แต่ก็ไม่ชัดเจน แต่ก็ทำให้ได้ภาพเงาผู้คน
แบบการถ่ายย้อนแสง ซึ่งดูคลาสิคไม่น้อยเลย
ผู้คนที่ยังอยู่
ผมก็เริ่มเดินกลับลงมาในจังหวะนั้น แสงดวงอาทิตย์ก็ลอดเมฆมา
ด้วยมีหมอกขวางกั้น ทำให้เห็นแสงดวงอาทิตย์เป็นวงขนาดใหญ่
ลอยอยู่ในตำแหน่งที่ภูชีฟ้า ชี้ไปพอดี มันอัศจรรย์มากที่ผมได้เห็นภาพเหล่านี้
ภูช้าฟ้า ชี้ดวงอาทิตย์
นักท่อองเที่ยวอื่นๆก็เริ่มกดถ่ายรูปเหมือนกัน
เซลฟี่
สำหรับผมแล้ว ความคุ้มค่าของการขึ้นยอดเขาลูกนี้
ก็คือการที่ผมได้ก้าวข้ามใจตัวเอง เราไม่รู้จริงๆว่าเราจะไปได้ขนาดไหน
แต่ถ้าเราไม่คิดกังวลไปก่อน ให้มันเป็นไปในสิ่งที่มันเป็นจริงๆ
ไม่ใช่ที่เกิดจากการมโนคิดเอาเองของเรา มันก็จะพาเราไป
ถึงจุดที่มันไปได้จริงๆ ถ้าเราเอาใจลดทอนตัวเอง กำลังกายเราคงจะหายไปเยอะ ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว อย่างที่โบราณว่าไว้จริงๆ
จะจดจำไว้ ภูชี้ฟ้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา