1 ต.ค. 2019 เวลา 13:35 • การศึกษา
พลังของความคิด
Present by Mindset series
คนส่วนใหญ่ไม่สามารถคิดใหญ่ได้และนี่คือสิ่งที่เพื่อนนักเรียนของผมส่วนใหญ่คิดหลังจากที่พวกเขาเรียนจบ
“ฉันหวังว่าหลังจากที่ฉันเรียนจบแล้วฉันจะสามารถหางานดีๆได้นะ”
เนี่ยแค่งานดีๆเท่านั้น พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะหางานที่สุดยอดได้
เป้าหมายในชีวิตของพวกเขาหางานดีๆก็พอ
และนั่นคือเป้าหมายของพวกเขา
“หางานดีๆทำ”
.
แต่ผมก็มีเพื่อนบางคนที่มักจะพูดว่า
“ฉันจะทำธุรกิจจะกลายเป็นเศรษฐีก่อนฉันอายุ 30” แล้วพวกเขากำลังไปตามความฝันของพวกเขาด้วย
และนี่คือปัญหา
.
คนส่วนใหญ่ไม่สามารถคิดใหญ่ได้เพราะว่าการคิดใหญ่นั้นคือก้าวแรกที่สำคัญ
และมันต้องมีอะไรอีกหลายอย่างที่เราต้องทำเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
ไม่งั้นก็จะเข้าข่ายพวกฝันกลางวัน
แต่ถ้าเรายังไม่สามารถทำ stepแรกได้ มันก็ไม่มีเลยแม้ความหวัง
มันก็เหมือนตั้งเป้าเส้นชัยไว้แค่ 100 เมตรทุกครั้งที่คุณออกวิ่ง
และแน่นอนครับว่าคุณคงจะไม่มีวันเป็นนักวิ่งมาราธอนอย่างแน่นอน ถ้า 100 เมตรก็ถึงคุณตั้งเป้าหมายไว้
.
แล้วมันก็มีอีกหลายอย่างที่คุณต้องทำ
คุณต้องตั้งใจ คุณต้องลงมือ คุณต้องศึกษาเรียนรู้และทั้งหมดนี้จะไม่เกิดผลเลยถ้าสิ่งที่คุณเล็งไว้คือ 100 เมตรที่อยู่หน้าคุณ..
นึกถึงนิทานเรื่องนี้
.
หลังจากที่คุณคิดใหญ่ได้แล้ว คุณต้องให้ความสำคัญกับตัวคุณเองและช่วยผลักดันตัวเอง
ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูน้ำเน่าไปหน่อยแต่เชื่อผมเถอะ
คนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเชื่อเลยว่าวันหนึ่งตัวของเขาจะสามารถสร้างเงินเป็นล้านได้
หรือผู้ชายส่วนใหญ่ที่คิดว่าฉันไม่คู่ควรกับผู้หญิงคนนั้นหรอก
และะรู้ไหมครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
คุณกำลังติดป้ายราคาสุดแสนจะถูกไว้กลางหลังของคุณและคุณก็ไม่สามารถคาดหวังให้ผู้คนรอบตัวคุณประเมินคุณค่าของคุณสูงไปได้มากกว่าสิ่งที่คุณแสดงคุณค่าของตัวเอง
ถ้าคุณไม่รักตัวเองแล้วคุณจะคาดหวังให้ใครมารักคุณ?
.
ถ้าวันนี้คุณต้องการไปสมัครงานแต่คุณคิดว่าคงมีคนที่ดีและเก่งกว่าคุณสำหรับงานนี้
แล้วคุณจะไปสมัครทำไมตั้งแต่แรก
แล้วถ้าผมเป็นผู้หญิงแล้วคุณคิดว่าคุณไม่มีค่าพอสำหรับผม แล้วทำไมผมต้องคิดว่าคุณมีค่าพอสำหรับผมด้วยหล่ะ
“จะไม่มีใครให้ความสำคัญตัวคุณและเชื่อในตัวคุณ ถ้าคุณไม่ให้ความสำคัญและเชื่อตัวคุณเองก่อน”
.
มันจะมีคำพูดติดปากของเดวิดที่ว่า
“คนที่คิดว่าทำได้คนที่คิดว่าทำไม่ได้ ถูกทั้งคู่และอย่างที่ขวางคุณระหว่างความสำเร็จนั้นก็คือข้ออ้าง”
คนส่วนใหญ่เมื่อเขาถูกถามว่าทำไมเขาไม่ทำตามความฝันหรือสิ่งที่อยากทำหล่ะ?
พวกเขาก็มักจะอ้างว่าฉันแก่เกินไปที่จะเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี
ฉันเด็กเกินไปที่จะทำอะไร
ถ้าสุขภาพแข็งแรงกว่านี้...
เพียงแค่ฉันมีเวลามากกว่านี้...
และเพราะว่าฉันมีลูกฉันเลยไม่ว่าง
คนส่วนใหญ่กำลังใช้ข้ออ้างพวกนี้เป็นโล่ป้องกันระหว่างตัวคุณเป้าหมาย
แต่ถ้าลองมาดูคนที่เขาประสบความสำเร็จกันหล่ะ?
ก็จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าคนเหล่านี้ล้มได้ไม่นาน
ทำไมพวกเขาลงได้ไปนานหน่ะหรอ?
นั่นเพราะพวกเขาไม่หาข้ออ้าง
และนี่เป็นข้อคิดดีๆที่ผมอยากฝากให้คิด
ลองคิดดูว่าถ้ามาร์คซัคเคอร์เบิร์กสามารถก่อตั้ง Facebook ได้ด้วยเพียงอายุแค่ 20 ปีแล้วคุณจะอ้างอะไร
และถ้า เรย์ คร็อค สามารถสร้างแมคโดนัลตอนที่เขาอายุ 52 ปีในขณะที่เขาเป็นโรคไขข้อและโรคเบาหวานแล้วคุณจะอ้างอะไรสรุปง่ายๆก็คือคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับผิดชอบสถานการณ์ความเป็นอยู่ของตัวเองตอนนี้
แล้วปรับปรุงมันเดวิดได้กล่าวไว้ว่า “สิ่งที่เราคิดนั้นจะกลายมาเป็นสิ่งที่เราทำ”
.
คุณคงเคยได้ยินคนหลายคนพูดว่าพยายามคิดบวกให้มากๆเพราะถ้าคุณคิดเรื่องลบๆใส่เข้ามาในคลังสมองของคุณ
ความล้มเหลว ความเกลียด ความโกรธ มันก็เหมือนคุณกำลังใส่ทรายลงไปในเครื่องจากสมองของคุณและไม่ช้ามันก็จะพังทลายลง
แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นไปได้ ฉันทำได้ ฉันสามารถมีบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ได้สักวัน สมองของคุณจะทำทุกวิธีที่ทำให้มันเกิดขึ้นได้
แต่ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคุณสามารถมีบ้านคฤหาสน์ได้ สมองของคุณก็จะหาข้ออ้างว่าทำไมคุณถึงไม่สามารถมีได้
.
จำไว้นะครับสิ่งที่เราคิดนั้นจะกลายมาเป็นสิ่งที่เราทำ
อีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ
เวลาที่มีคนมานินทาอีกคนนึงให้เราฟังบ่อยๆเข้า เราก็จะปฏิบัติกับคนคนนั้นเป็นคนไม่ดีไปเลยแม้ว่าเราจะไม่เคยเจอเขาเลยก็ตาม “สิ่งที่คิดกลายเป็นสิ่งที่เราทำ”
.
และสิ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถคิดใหญ่ได้นั่นก็คือความกลัว
และรู้มั้ยครับว่าอะไรที่สามารถรักษาความกลัวได้?
คำตอบมันง่ายมากครับ
“การกระทำการ”
กระทำสลายความกลัวได้…
ในการฝึกของหน่วยทหารหน่วยซีล หนึ่งในบททดสอบของพวกเขาก็คือการกระโดดน้ำจากที่สูง
ในขณะที่พวกเขากำลังปีนขึ้นไป สมองของพวกเขาจะคิดว่า มันน่ากลัวขนาดไหน มันจะอันตรายขนาดไหน
แล้วพอเขาปีนไปถึงยอด ในขณะที่พวกเขากำลังหวาดกลัว ครูฝึกจะถีบพวกเขาให้ตกลงไปในน้ำ
“การกระทำสลายความกลัว”
พอพวกเขาได้ลองกระโดดน้ำ พวกเขาก็ได้รู้ว่ามันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
หลังจากการทำซ้ำเพียงไม่กี่ครั้งความกลัวของพวกเขาก็หายไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าคุณมันแต่คิดกับเรื่องร้ายๆอะไรสักอย่างนึง นั่นยิ่งจะทำให้ความกลัวของคุณนั้นขยายใหญ่มากขึ้น
อีกครั้งที่สิ่งที่คุณคิดจะกลายเป็นการกระทำของคุณ
ถ้าคุณกลัวอะไรสักอย่างหนึ่งก็ลองลงมือทำอะไรสักอย่างกับมันดูสิรั บรองว่าความกลัวนั้นจะหายไปอย่างแน่นอน
.
หากกลัวการที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษก็ลองเข้าคอร์สภาษาหรือลองคบหาเพื่อนต่างชาติอื่นๆ
หากกลัวว่าจะสอบไม่ผ่านก็อ่านหนังสือเยอะๆ
หากกลัวการคุยกับผู้หญิงก็ต้องลองฝึกพูดหาเรื่องคุยกับสาวสักคน
นี่แหละครับการกระทำสลายความกลัว
และสุดท้ายนี้เรื่องผมอยากจะบอกนั้นก็คือคุณสามารถเปลี่ยนความล้มเหลวให้เป็นชัยชนะได้
คุณสามารถทำได้ง่ายๆเลยเพียงแค่เปลี่ยนความคิดของคุณ
สิ่งที่คุณทำมันไม่สำเร็จก็เป็นบทเรียนให้กับคุณแล้ววันไหนที่คุณหยุดที่จะเรียนรู้วันนั้นแหละคุณก็จะล้มแล้ว
แต่ถ้าคุณให้ทุกๆความล้มเหลวของคุณกลายมาเป็นบทเรียนที่คุณจะไม่ทำอีกแล้วหล่ะก็
คุณจะกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน
I’m sam
กดติดตาม กดแชร์ กดไลค์ เพื่อไม่พลาดอัปเดตครั้งต่อไปนะครับ
Mindset series

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา