5 ต.ค. 2019 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“สงครามโลกครั้งที่ 1 (World War I) มหาสงครามพลิกโลก” ตอนที่ 1
3
จุดเริ่มต้นของสงคราม
1
สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นมหาสงครามครั้งใหญ่ของโลก
1
ถึงแม้จะไม่เป็นที่พูดถึงมากเท่ากับสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่สงครามนี้ก็ได้สร้างรอยแผลให้กับโลกและเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์บทสำคัญ
ซีรีย์ชุดนี้ผมจะเล่าเรื่องของสงครามโลกครั้งที่ 1 ให้ฟังครับ
ในเช้าวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) “อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันท์ แห่งออสเตรีย (Archduke Franz Ferdinand of Austria)” และพระชายา “โซฟี ดัชเชสแห่งโฮเอินแบร์ค (Sophie, Duchess of Hohenberg)” ได้เสด็จทางรถยนต์เข้าไปในเมืองซาราเยโว เมืองหลวงของบอสเนีย
3
อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันท์ แห่งออสเตรีย (Archduke Franz Ferdinand of Austria)
โซฟี ดัชเชสแห่งโฮเอินแบร์ค (Sophie, Duchess of Hohenberg)
ทั้งสองพระองค์เสด็จโดยรถเปิดประทุน โดยมีผู้คนเฝ้ารับเสด็จเต็มสองข้างทาง และทั้งสองพระองค์ก็ทรงสำราญกับการต้อนรับของผู้คนและอากาศที่แจ่มใส
1
ทั้งสองพระองค์ไม่ทรงทราบเลยว่าอันตรายกำลังคืบคลานเข้ามา
1
ได้มีเด็กหนุ่มชาวบอสเนียนายหนึ่งได้ก้าวออกมาจากฝูงชนและโยนระเบิดใส่รถพระที่นั่ง แต่ระเบิดลูกนั้นกระเด็นไปถูกรถที่ขับตามหลังและทำให้ผู้ตามเสด็จได้รับบาดเจ็บ
4
ท่านอาร์ชดยุกและดัชเชสต่างตกพระทัย แต่ทั้งสองพระองค์ก็ทรงโล่งพระทัยที่รอดมาได้ ไม่ได้รับอันตราย
1
ทั้งสองพระองค์เสด็จต่อไปยังศาลากลางเมือง เนื่องจากท่านอาร์ชดยุกต้องประทานสปีชที่นั่น
เมื่อประทานสปีชเสร็จและเสด็จกลับ คนขับรถพระที่นั่งได้เลี้ยวผิดทาง ผ่านร้านค้าร้านหนึ่ง และได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเพิ่งจะซื้อแซนด์วิชและเดินออกมาจากร้านค้า
1
เด็กหนุ่มคนนั้นชื่อ “กัฟรีโล ปรินซิป (Gavrilo Princip)”
กัฟรีโล ปรินซิป (Gavrilo Princip)
ปรินซิปเป็นมือสังหารอีกคนหนึ่งที่เตรียมจะสังหารท่านอาร์ชดยุก เขาแทบไม่เชื่อว่าฟ้าจะเป็นใจให้เขาได้ทำการสังหารได้
3
ปรินซิปบุกเข้าไปข้างรถพระที่นั่งและยิงปืนเข้าไปในรถสองนัด
ท่านอาร์ชดยุกและพระชายาสิ้นพระชนม์ในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
ปรินซิปถูกจับ แต่การลอบสังหารของเขาได้พลิกโลกไปตลอดกาล
หลายท่านอาจจะสงสัย ท่านอาร์ชดยุกกับพระชายาสิ้นพระชนม์ ทำไมถึงกลับกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่กลายเป็นชนวนเหตุของสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้
3
ผมต้องเท้าความอย่างนี้ครับ อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันท์เป็นองค์รัชทายาทแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
3
ในเวลานั้น จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของยุโรป ซึ่งในเวลานั้นมหาอำนาจในยุโรปก็มีเยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส รัสเซีย และอิตาลี
1
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ประเทศเหล่านี้ต่างอยู่ด้วยกันอย่างสันติมาเป็นเวลากว่า 30 ปี แต่ก็เป็นสันติที่น่าอึดอัดและหวาดระแวง
2
มหาอำนาจต่างๆ ในยุโรปต่างไม่วางใจเยอรมนี เยอรมนีเพิ่งจะแยกตัวเป็นประเทศอิสระในค.ศ.1871 (พ.ศ.2414) เท่านั้น
1
ในเวลานี้ “จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี (Wilhelm II, German Emperor)” พระประมุขแห่งเยอรมนีได้ทรงมุ่งมั่นที่จะให้เยอรมนีเป็นประเทศที่ทรงอำนาจไม่แพ้ประเทศอื่นในยุโรป
จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี (Wilhelm II, German Emperor)
จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 ทรงมีรับสั่งให้โรงงานต่างๆ เพิ่มกำลังการผลิตถ่านหินและเหล็ก และพระองค์ก็ทรงทะเยอทะยานไปไกลกว่านั้นมาก
มหาอำนาจอื่นในยุโรปต่างยึดดินแดนอื่นเป็นอาณานิคมหรือ “เมืองขึ้น” และพระองค์ก็คิดว่าเยอรมนีก็ควรจะมีเมืองขึ้นเช่นกัน
3
พระองค์จำเป็นต้องมีกองทัพเรือขนาดใหญ่
1
พระบรมสาทิสลักษณ์ “จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี (Wilhelm II, German Emperor)” ในฉลองพระองค์ทหารเรือ
ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสและรัสเซียก็ได้จับตามองดูเยอรมนีที่เริ่มเบ่งบานอำนาจขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่สหราชอาณาจักรเองก็กังวลกับกองทัพเรือที่ใหญ่และเกรียงไกรขึ้นเรื่อยๆ ของจักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 2
ทั้งสามชาติ คือฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษได้ตกลงกันว่าจะช่วยเหลือกันและกันหากเยอรมนีโจมตีชาติตน
1
ค.ศ.1907 (พ.ศ.2450) มหาอำนาจในยุโรปได้แตกออกเป็นสองฝั่ง ซึ่งแต่ละฝั่งก็ไม่ไว้ใจกันและกัน
3
ฝั่งหนึ่งคือเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี ส่วนอีกฝั่งคือสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซีย
เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลีเป็นที่รู้จักในนามของ “มหาอำนาจกลาง (Central Power)” ส่วนสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และรัสเซียเป็นที่รู้จักในนามของ “สัมพันธมิตร (Allies)”
4
ทั้งสองฝ่ายต่างทรงอำนาจและเข้มแข็งไม่แพ้กัน ผู้คนจึงเชื่อกันว่าด้วยความที่ทั้งสองฝ่ายต่างทรงอำนาจพอๆ กัน จึงไม่น่าจะมีประเทศไหนกล้าโจมตีก่อน
6
หากมีประเทศไหนโจมตีและเกิดสงครามที่ดึงชาติมหาอำนาจเหล่านี้เข้ามาในสงครามล่ะก็ เชื่อได้เลยว่ายุโรปจะต้องประสบหายนะแน่
จนในที่สุด อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันท์ แห่งออสเตรียได้ถูกลอบปลงพระชนม์ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457)
3
สถานที่ๆ ท่านอาร์ชดยุกถูกลอบปลงพระชนม์คือบอสเนีย และบอสเนียก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
ฉลองพระองค์ที่ท่านดยุกใส่ในวันที่ถูกลอบปลงพระชนม์
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีก็ไม่อยู่เฉย พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็สืบจนได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์ และพวกเขาก็ได้ทราบว่ามือสังหารนั้นเป็นสมาชิกกลุ่ม “แบล็คแฮนด์ (Black Hand)” กลุ่มผู้ก่อการร้ายเซอร์เบีย
2
สมาชิกยุคแรกของแบล็คแฮนด์
ในเวลานั้นเซอร์เบียเป็นประเทศอิสระที่มีเขตแดนร่วมกับบอสเนีย และกลุ่มแบล็คแฮนด์ก็คิดว่าบอสเนียควรจะเป็นส่วนหนึ่งของเซอร์เบีย ประเทศตนมากกว่าที่จะเป็นดินแดนของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
1
เมื่อสืบทราบถึงต้นตอของมือสังหาร จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีก็โกรธมาก จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีได้โทษรัฐบาลเซอร์เบีย และได้ส่งข้อเรียกร้องต่างๆ ให้เซอร์เบียรับผิดชอบ
1
แต่การตกลงไม่เป็นผลสำเร็จ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีจึงได้ประกาศสงครามต่อเซอร์เบีย
1
ยุโรปเริ่มจะไม่สันติอีกต่อไป รัสเซียได้สนับสนุนเซอร์เบีย ส่วนเยอรมนีได้อยู่ข้างจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ในขณะที่ฝรั่งเศสอยู่ข้างรัสเซีย
มหาอำนาจแต่ละประเทศถูกดึงเข้ามาในสงครามนี้ทีละประเทศ
1
อิตาลีและสหราชอาณาจักรปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสงคราม แต่สำหรับประเทศอื่นๆ นั้นสายไปแล้ว
2
สิงหาคม ค.ศ.1914 (พ.ศ.2457) กองทัพแต่ละชาติได้เริ่มเดินทัพ และกลิ่นไอสงครามก็ได้ระอุไปทั่วยุโรป
โลกจะเป็นอย่างไรต่อไป จะเกิดเหตุการณ์อะไรอีกบ้าง ผลการรบจะเป็นอย่างไร ติดตามต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา