6 ต.ค. 2019 เวลา 11:18
10 ข้อต้องทำถ้าคุณอยากมีอิสรภาพทางการเงิน(3)
10 ข้อต้องทำถ้าคุณอยากมีอิสรภาพทางการเงิน (3)
5.จัดสรรการลงทุนให้ชัดเจน เหมาะสมกับช่วงวัย
ในข้อนี้เป็นผลจากการทำข้อก่อนหน้า คือเมื่อเรารู้สถานะทางการเงิน รู้สภาพคล่อง รู้รายการทรัพย์สินหนี้สิน รู้ปัญหาทางการเงินของเราว่าเราควรจะแก้ไขยังไงแล้ว
ก็มาถึงข้อที่เราต้องบริหารจัดการรายได้ของเราที่ได้มาในแต่ละเดือนอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับคนที่มีรายได้ที่มากกว่ารายจ่าย เรียกง่ายๆว่าจัดทำงบแล้ว แบ่งเงินออมแล้ว ดูแผนการเงินในอนาคตแล้วเงินก็ยังเหลือ
แน่นอนว่าเราควรจะเอาเงินนั้น มาลงทุนในการลงทุนที่เราไปศึกษามา มีความสนใจและเหมาะสมกับเราจากในข้อก่อนหน้า มาถึงข้อนี้เราก็จะมาจัดสรรรายได้ของเรา ว่าจะนำไปใช้จ่ายกี่ส่วน นำไปลงทุนกี่ส่วน ลงทุนในอะไรบ้างอย่างไร แล้วแต่อายุและความจำเป็นส่วนบุคคล
https://moneyhub.in.th/article/investing-age/
-ตัวอย่างที่ 1 วัยเริ่มทำงาน อายุ 25 ปี รายได้ประมาณ 18,000 บาท/เดือน ไม่มีภาระทางบ้าน ไม่มีครอบครัว ไม่มีหนี้สิน(ในวัยนี้ก็แนะนำว่าอย่าเพิ่งมีหนี้เลยนะครับ) มีค่าใช้จ่ายประจำเป็นค่าเช่าห้องพัก 3,000 บาท ค่าเดินทางค่าอาหารต่อเดือน ประมาณ 6,000 บาท ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 3,000 บาท เหลือ 6,000 บาท
การจัดสรรรายจ่าย และการลงทุน สำหรับสถานะนี้ หลักๆที่ต้องคำนึงถึงคือช่วงวัยนี้ยังเป็นวัยที่มีแรงมีพลังในการทำงานอยู่มาก มีเวลาในการศึกษาหาความรู้ในการลงทุน และเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่นการลงทุนในหุ้น กองทุนรวมที่ผลตอบแทนสูง การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนในรูปแบบอื่น ที่ใช้เวลาในการลงทุนไม่มากนัก
แต่ให้ตอบแทนที่น่าพอใจ การออมในช่วงวัยนี้ก็ควรมีบ้าง แต่ก็ไม่ควรมากเกินไป จะทำให้เราเสียโอกาสในการนำเงินไปต่อยอดทั้งๆที่เรามีโอกาสศึกษา ผิดพลาด และเรียนรู้อีกมาก และที่ลืมไม่ได้คือการวางแผนเกษียณก็ควรเริ่มตั้งแต่วัยนี้
วัยเริ่มทำงานควรจัดสรรการลงทุนอย่างไร?
-ตัวอย่างที่ 2 วัยที่ทำงานมาได้นานระดับหนึ่ง อายุประมาณ 40 ปี รายได้ 35,000 บาท มีครอบครัวต้องดูแล มีหนี้บ้าน รถยนต์ ค่าใช้จ่ายประจำ ค่าใช้จ่ายผันแปร ประมาณ 12,000 บาท ค่าผ่อนต่างๆ 10,000 บาท (หารจ่ายกับภรรยา/สามี) ค่าใช้จ่ายอื่นๆประมาณ 3,000 บาท เหลือ 10,000 บาท
สำหรับสถานะแบบวัยนี้ ควรจะลงทุนในการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระยะยาว ผลตอบแทนที่แน่นอน มีความเสี่ยงไม่มากนัก เนื่องจากอยู่ในวัยที่จะถึงเวลาเกษียณ รวมถึงภาระครอบครัวที่ต้องดูแล เราควรมีค่าใช้จ่ายสำรองเอาไว้เผื่อกรณีที่ฉุกเฉิน จึงต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ความเสี่ยงสูง เพราะเรามีครอบครัวที่ต้องดูแลในอนาคต จะฝากเงินของเราไปเสี่ยงกับการลงทุนที่เราไม่รู้จักไม่ได้ถึงแม้ว่าผลตอบแทนอาจจะสูงก็ตาม
การลงทุนในวัยนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล กองทุนรวมระยะยาว ทองคำ ตราสารหนี้ เป็นต้น และอย่าลืมติดตามดูผลของแผนเกษียณที่เราวางแผนไว้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว มีรายได้จากทรัพย์สินเข้ามาแล้วหรือยัง หรือถ้ายังไม่ได้วางแผนเกษียณหรือยังไม่มีทรัพย์สินที่สร้างรายได้เข้ามาเลย ก็ต้องจัดการตัวเองได้แล้ว
บริหารเงินลงทุนในวัยสร้างครอบครัว
-ตัวอย่างที่ 3 วัยที่ใกล้จะเกษียณ หรือเกษียณแล้ว อายุ 60 ปี ไม่มีรายจ่ายที่ต้องดูแลครอบครัว(ค่าใช้จ่ายของลูกๆ) ไม่มีภาระหนี้สิน มีรายได้จากทรัพย์สินที่สร้างมาตั้งแต่วัยทำงาน ประมาณ 40,000 บาท/เดือน มีค่าใช้จ่ายประจำและผันแปรประมาณ 12,000 บาท มีการเจ็บป่วยที่ต้องรักษาพยาบาลบ้าง ไปเที่ยวพักผ่อนในวัยเกษียณ เดินทางไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง
สำหรับสถานการณ์แบบนี้ถือว่าค่อนข้างที่จะไม่มีปัญหาทางด้านการเงินเลย นอกเสียจากเกิดปัญหาด้านสุขภาพหรืออุบัติเหตุเท่านั้นถึงจะมีผลกระทบกับการเงินได้ ในวัยเกษียณนี้ในด้านการลงทุนเช่นเดียวกับวัยก่อนเกษียณที่ควรเน้นการลงทุนไปที่ผลตอบแทนระยะยาว และเมื่อเกษียณแล้วยิ่งต้องเน้นเข้าไปอีก เพราะจะเป็นการสร้างมรดกให้ลูกหลาน ไม่แนะนำให้ลงทุนในการลงทุนที่มีความเสี่ยง
เพราะเราอยู่ในวัยที่การเจ็บป่วย เกิดขึ้นได้ง่าย และค่ารักษาพยาบาลก็จะตามมา ควรจะเผื่อเงินไว้ หรือเก็บเงินไว้ที่ ที่ไม่มีความเสี่ยงที่จะมาทำให้เงินของเราลดลงไป การลงทุนในวัยนี้ผมแนะนำให้ฝากเงินในบัญชีฝากประจำ หรือการซื้อทรัพย์สินที่สร้างกำไรได้แน่นอนในระยะยาวเพื่อมรดกของลูกหลาน และเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
บริหารงินลงทุนในวัยเกษียณ
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างและวิธีการจัดสรรอย่างคร่าวๆนะครับ ในชีวิตจริงเรายังมีเหตุการณ์อะไรต่างๆมากมาย แล้วแต่บุคคลไป รวมถึงความสามารถในการบริหารความเสี่ยง การรับความเสี่ยงได้ของแต่ละคน ผมหวังให้ทุกท่านจัดสรรการใช้จ่ายและการลงทุนอย่างลงตัวเหมาะสมกับสถานการณ์ของตัวท่านเองนะครับ อย่าเชื่อผมทั้งหมดต้องนำไปปรับใช้ให้เข้ากับท่านนะครับ
https://moneyhub.in.th/article/how-to-billionaire/
6.มีรายได้หลายทาง
ข้อนี้ก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มรายได้ หรือไม่สามารถลดรายจ่ายได้ การส้รางรายได้หลายทางจะช่วยส้รางความมั่นคง และโอกาสให้การต่อยอดเงินของเราให้เพิ่มขึ้นได้ไวกว่าการที่เรามีรายได้ทางเดียว และยังสามารถช่วยแก้ปัญหาทางด้านการเงินอื่นๆ
เช่น หนี้สินที่มากกว่ารายได้ทางเดียวจะจ่ายได้ หรือเก็บรายได้ที่ได้มามากขึ้นนี้สำรองไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เพื่อจะได้ไม่กระทบมากนักกับสภาพการเงินโดยรวม การสร้างรายได้หลายทางของแต่ละคนก็คงไม่เหมือนกัน บางคนทำอาชีพพนักงานออฟฟิศ แต่ชอบทำอาหาร ก็อาจจะใช้เวลาในวันหยุดไปทำข้าวกล่องขายตามตลาดนัด
หรือบางคนทำอาชีพค้าขาย พอวันหยุดก็อาจจะหารายได้จากการขายของออนไลน์ แล้วแต่คนๆนั้นจะมีโอกาสและประสบการณ์ที่สามารถทำได้ และแน่นอนว่าผมไม่สามารถบอกได้ว่าคุณต้องทำอะไรถึงจะมีรายได้หลายทาง ในข้อนี้ผมจึงจะแนะนำหลักคิดที่สามารถทำให้ทุกๆท่าน เริ่มเห็นช่องทาง เห็นโอกาสในการสร้างรายได้หลายทางได้ (ไม่พูดถึงการลงทุนนะครับ)
-หมั่นพัฒนาความรู้ ความทันสมัย ในเรื่องที่เราเชี่ยวชาญ หรือในสิ่งที่เราสนใจ อ่านเยอะ เรียนเยอะ ฟังเยอะ ลงมือฝึกฝน สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนการมองหากุญแจ ที่จะเปิดประตูสู่โอกาสการสร้างรายได้ใหม่ๆ เพราะเราไม่หยุดนิ่ง เราพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ โอกาสที่ดีจะเข้ามาหาเราเอง
https://www.ar.co.th/training_education/th
-ขยายขอบเขตการทำงาน จากสิ่งที่เราถนัดให้กว้างขึ้น ไม่ว่าเราจะทำงานอะไรอยู่ จงขยายสิ่งที่ทำอยู่ให้เข้าถึงผู้คนที่มากขึ้น หรือเข้าถึงงานที่มากขึ้น เช่นจากเดิมที่เราขายของชำอยู่กับบ้านเฉยๆ เราก็เปิดช่องทางที่คนสามารถมาซื้อของๆเราได้เยอะขึ้นอาจจะด้วยการขายของออนไลน์ หรือมีบริการส่งของถึงหน้าบ้าน ก็จะช่วยให้เราสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ไม่ยาก
https://www.mdsiglobal.com/2018/01/19/selling-online/
-เข้าไปในเครือข่ายของคนที่สนใจในสิ่งเดียวกัน การเข้าไปทำความรู้จักกับกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ กลุ่มเพื่อนที่มีความชอบเหมือนกัน จะทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่มเติม เพิ่มโอกาสในการสร้าง Connection เมื่อมีคนรู้จักมาก ก็ย่อมตามมาซึ่งโอกาสในอาชีพและแนวทางการสร้างรายได้ใหม่ๆ
https://photo-ac.com/th/photo/1226/ผู้ชายและผู้หญิงจับมือ
-เรียนรู้การให้และรับอย่างต่อเนื่อง เมื่อเราได้เป็นผู้ให้ แน่นอนว่าจะต้องมีคนที่รู้จักและรักเรามากขึ้น ไม่ว่าให้ความรู้ ให้โอกาส ให้ข้าวของเป็นการบริจาคหรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราจะให้คนอื่นได้ จะช่วยทำให้เราเข้าถึงโอกาสในการรู้จักผู้คนที่มากขึ้น เข้าถึงโอกาสได้ดีขึ้น และการรับ คือการรับความรู้ รับฟังเรื่องราวปัญหาของผู้อื่น ก็จะทำให้เราเห็นช่องทางที่เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือ หรือสร้างอะไรขึ้นมาแก้ปัญหานั้นๆ ก็อาจเป็นรายได้ให้เราในอีกทาง
-ไม่ต้องอวดรวย เพราะไม่ช่วยอะไร ข้อนี้สำหรับคนที่มีเงิน ก็ชอบซื้อของที่ราคาแพงเอาไว้อวดคนอื่นว่าตัวเองรวยกว่า มีเงินมากกว่า แต่การทำแบบนั้นไม่ช่วยอะไร ไม่ได้ทำให้เราดูดี หรือเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้เลย ต่างกับการที่เราชอบ อวดความรู้ แชร์ความคิดกับคนอื่น จะช่วยสร้างโอกาสมีรายได้พิเศษได้มากกว่า
http://socialnews.teenee.com/penkhao/12871.html
-แสดงความเป็นผู้นำ แสดงความมุ่งมั่นในสิ่งที่เราทำ การเสนอตัวเองเป็นแกนนำทำในเรื่องต่างๆ หรือเป็นผู้บุกเบิกสร้างอะไรซักอย่างจนมีคนมาทำตาม ก็ช่วยสร้างโอกาสให้เราได้ เช่น เป็นแกนนำในการออกกำลังกาย ทานอาหารคลีน หรือเสนอตัวเป็นหัวหน้าโปรเจกต์ ก็ทำให้เราก้าวขึ้นมาอีกขึ้นจากที่เราเคยยืนอยู่
https://www.esanbiz.com/ผู้นำที่สังคมให้ความเก/
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นหลักคิดที่จะช่วยให้ทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านแล้วนำไปปฏิบัติ มีโอกาสดีๆเข้ามา และมีช่องทางสร้างรายได้หลายทางแน่นอนครับ
ติดตามตอนต่อไปนะครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา