7 ต.ค. 2019 เวลา 12:12 • การเมือง
shutdown Hong Kong ภาค 4 เผาบ้านเผาเมือง กับการสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์
เครดิตภาพ เอพีและรอยเตอร์
ตอนนี้สถานการณ์ที่ฮ่องกงกำลังมีการพัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่งเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 4 ตุลาคม 2562 ทางการฮ่องกงนำโดยนางแคร์รี แลม หัวหน้าคณะบริหารของเกาะฮ่องกงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ กฏอัยการศึก เป็นครั้งแรกในรอบ 52 ปี
เนื้อหาหลักของประกาศกฏอัยการศึกนี้ กล่าวว่า ห้ามผู้ประท้วงใส่หน้ากากและอุปกรณ์ อำพรางใบหน้าต่าง ๆ ขณะชุมนุมประท้วง
เครดิตภาพ เอพีและรอยเตอร์
ปรากฏว่าหลังจากประกาศกฏอัยการศึกออกไป ผู้ชุมนุมมีปฏิกิริยาต่อต้านรุนแรงมาก คือไม่ยอมปฏิบัติตาม ยังคงใส่หน้ากากอนามัยออกมาร่วมชุมนุมเหมือนเดิม
ตอนนี้เท่ากับว่าฮ่องกงแทบจะ shutdown ไปมากกว่า 50% เพราะห้างสรรพสินค้า เซเว่น รถไฟฟ้า ร้านอาหาร ร้านค้า โรงแรม ก็ปิดไปเป็นส่วนมาก นักท่องเที่ยวก็ไม่กล้ามาฮ่องกง ทำให้เศรษฐกิจซบเซาลงไปมาก
อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมยังยกระดับการชุมนุมเพิ่มเติม โดยการทำลายทรัพย์สินสาธารณะมากขึ้น เช่นทำลายตู้เอทีเอ็ม ทำลายร้านค้าบางส่วน ล่าสุดก็มีการเผาธนาคารแบงค์ออฟไชน่า เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าจะไม่ยอมรับ การปกครองของจีน
ไปๆ มาๆ กลุ่มผู้ชุมนุมก็ตั้งเป้าหมายใหม่ว่าจะแยกตัวออกมาจากการปกครองของจีนแทน เพราะตอนนี้ทางการฮ่องกงได้ถอนกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปจีน ออกไปแล้ว ซึ่งกฎหมายนี้เป็นชนวนเหตุให้เกิดการชุมนุมขึ้น แต่การชุมนุมก็ยังไม่ยอมยุติ
พอเห็นการเผาธนาคารแบงค์ออฟไชน่าแล้ว ทำให้ผู้เขียนนึกถึงการสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่ราชประสงค์ เมื่อ พฤษภาคม 2553 ซึ่งตอนนั้นก็มีการเผาอาคารสำคัญหลายแห่ง รวมทั้งเซ็นทรัลเวิลด์อีกด้วย
ภาพจาก tnew รูปแบบเหตุการณ์คล้ายกันมาก
ซึ่งการสั่งสลายการชุมนุมครั้งนั้น ก็ทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก จนกระทั่งเป็นคดีความจนถึงทุกวันนี้
ผู้เขียนจึงมองว่าเหตุการณ์ที่ฮ่องกงตอนนี้บทสรุปคงหนีไม่พ้นการนองเลือด สุดท้ายทางการจีนจะต้องสั่งสลายการชุมนุมไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าดูไทยเป็นโมเดล เนื่องจากตอนนี้ไม่สามารถเจรจากันได้ และเริ่มมีการทำลายข้าวของ มีการปะทะกันมากขึ้นทุกวัน
ถ้าชอบบทความนี้อย่าลืมกดไลค์ กดติดตามเพื่อจะได้ไม่พลาดสถานการณ์ปิดเกาะฮ่องกงนี้ ขอบคุณครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา