7 ต.ค. 2019 เวลา 12:08 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ตอนที่ 30
วันที่ 21 พฤศจิกายน 2561(ต่อ)
สายๆผมก็ออกเดินทางจากทุ่งแสลงหลวง
ตัดผ่านบริเวณเขาค้อผมมองแหงนหน้าดูฟ้า
เห็นเป็นก้อนกลุ่มเมฆอยู่เบื้องหน้า
ผมจึงรีบขับเพื่อที่จะผ่านมันไปก่อนที่ฝนจะตก
แต่ผมไม่เร็วพอ เพราะฝนเริ่มตกมา ตอนแรกผมคิดจะขับฝ่าไปเรื่อยๆ
ให้หลุดเมฆกลุ่มนี้ไป เพราะเวลาเดินทางไกลๆผมจะเจอแบบนี้เสมอ
ฝนจะตกอยู่แค่โซนหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราผ่านไปโซนอื่นก็ไม่ตก ประกอบกับผมดูลักษณะก้อนเมฆก่อนหน้าแล้ว แต่ฝนตกหนักมากขึ้น
ผมจึงต้องจอดหลบเพิงข้างทางแห่งหนึ่ง ตอนนี้เปียกทั้งรถทั้งคน
เพราะผ่านกลุ่มเมฆไปไม่ทัน ผมก็น่าจะติดอยู่นี่สักพัก
ถึงแม้จะหลบอยู่แต่ที่ยืนผมก็แทบไม่เหลือเพราะฝนสาดเข้ามา
ผมก็ยืนทำตัวเล็กๆหลบอยู่
ติดฝน
ในระหว่างนั้นผมก็คิดว่าจะหาที่นอนแถวเขาค้อ
แต่รู้สึกว่าถ้ายังไม่มืดค่ำก็อยากเดินทางไปต่อก่อน
เพราะยังมีเวลาเหลือให้เดินทางอยู่ พอฝนหยุดผมจึงออกเดินทางต่อ
เป็นอย่างที่คิด พอขับเลยมานิดเดียว ถนนอีกโซนหนึ่งไม่เปียกเลย
ผมขับออกมาจนตัดถนนหลัก และวิ่งตามเส้น
เข้าสู่ถนนหลัก
จนตกเย็นผมไปจอดอยู่แยกหนึ่ง ที่จะขึ้นน้ำหนาว
ซึ่งเริ่มมืดค่ำแล้ว ผมก็หาที่กินข้าวก่อน
จากนั้นก็เดินทางต่อ ขับไปก็คิดไปว่าจะนอนไหนดี
ตอนแรกว่าจะหาโฮมสเตย์พัก คิดอีกทีไม่ดีกว่า
เปลืองโดยใช่เหตุ ไปหานอนเอาข้างหน้าขับไปเรื่อยๆ
แต่ก่อนยังนอนตามปั้มเลย ก็คิดอย่างนั้น
จากนั้นก็ขับหันมุ่งหน้าไปทางอีสานเรื่อยๆตามเส้นขึ้นเขาน้ำหนาวจนค่ำ ความลำบากของการขับมอเตอร์ไซกลางคืนคือการมองเห็นไม่ค่อยดี เพราะไฟหน้ารถจำกัดอยู่ ตอนแรกผมก็ขับไปเรื่อยๆตามความเร็วของเรา ทีนี้พอขึ้นเขาปุ๊บ รถเริ่มไม่มี จะเป็นถนนตามเขามืด ๆ ทีนี้บังเอิญมีรถกระบะขนของคันหนึ่งวิ่งแซงผมไป ผมก็เลยขับตามกระบะคันนั้น โดยอาศัยไฟจากรถเค้าด้วย มันทำให้ระยะการมองเห็นของเราเพิ่มขึ้น มองเห็นไลน์ถนนได้ง่าย เป็นการต่อช่วงสายตา
ทีนี้พอขับตามสักระยะ เหมือนตอนนี้เราเป็นผู้เฝ้ามองรถกระบะคันนี้ พอเค้าช้า เราก็ช้าด้วย พอเค้าแซงรถข้างหน้า เราก็แซงด้วย เกาะติดประมาณว่าไปไหนไปด้วย ผมเริ่มสนุกกับการสังเกตุรถ บางจังหวะมีรถมาเร็ว แต่เป็นทางขึ้นเขาลงเขา เลนแคบ ก็ให้ทางกันไม่ได้ พอถึงจังหวะ
เค้าก็จะมีส่งสัญญาณไฟให้กัน ให้แซงไป ในกรณีเดียวกัน เวลามีรถบรรทุกวิ่งหน้าเวลาจะขึ้นเนิน เค้าก็จะหลบให้คันที่มาเร็วขึ้นเนินไปก่อน บางคันถึงกับจอดหลบข้างทาง พอรถแซงไปค่อยขับตาม เพราะรถมีน้อยมากเส้นนี้ มอเตอร์ไซก็มีเห็นแค่ผมคันเดียวนี่ละ
พอขับไปเหมือนกระบะจะนำทางให้ผมด้วยนะ รู้สึกเค้าจะเหมือนขับประคองผมไปด้วย ไม่รู้คิดไปเองหรือป่าว แต่น้ำใจบนท้องถนนก็ให้สัญญาณระวังช่วยกันเป็นอะไรที่รู้สึกดีนะ มันเป็นน้ำใจที่ให้กับคนที่ไม่รู้จักบนท้องถนน ถ้าทุกคนบนท้องถนนมีน้ำใจให้กัน อุบัติเหตุก็คงจะน้อยลง ผู้ใช้ท้องถนนก็จะมีความสุขขึ้น
อากาศก็หนาวเย็มสมชื่อน้ำหนาว ผมขับฝ่าความมืดมาเรื่อยๆ
จนมาเห็นป้ายอุทยาน ผมจึงคิดว่าต้องแวะที่นี่แล้วละ
คงไม่สามารถข้ามเขาไปได้ในคืนนี้
ทางเข้าอุทยาน
เนื่องจากผมมาถึงมืดค่ำ ผมก็เดินไปขออนุญาติเจ้าหน้าที่
บอกว่าผมจะขอเข้าพักกางเต๊นท์ เค้าก็อนุญาตให้เข้า
จากนั้นเค้าก็บอกให้ผมขับตรงไปเรื่อยๆ ซึ่งบรรยากาศเย็นวังเวงดีแท้
ข้างทางมีแต่ป่า จะมีตัวอะไรโดดออกมาหรือป่าวละเนี๊ย
เนื่องจากถนนเล็กๆแคบๆนั้นเอง ทำให้รู้สึกอยู่ใกล้กับป่าข้างทางที่เรามองอะไรไม่ค่อยจะเห็น ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นคืนเดือนหงาย
เส้นทางวันนี้
ผมขับมาถึงป้ายที่ทำการ ตอนแรกเข้าไปถาม เค้าก็บอกให้ไปอีกที่ ขับเลยเข้าไปอีกจะเจอ ให้ติดต่อที่นั้น
ผู้มาเยือนยามมืด
ทีนี้ผมก็ขับเข้าไปต่อจนไปเจอศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ผมก็เข้าไปติดต่อ เค้าก็บอกว่ามาซะดึกเลย
ผมก็ได้แต่ยิ้ม เค้าก็สอบถามว่าจะเช่าที่นอนอะไรมั๊ย
ผมก็บอกว่าผมมีมาเองครับ แล้วเค้าก็แจ้งให้ขับเข้าไปอีกที่
จะเป็นลานกางเต๊นท์
ติดต่อเข้าพัก
พอผมไปถึง ผมรีบจัดแจงอุปกรณ์ออกกางเต๊นท์
ผมไม่ได้ใช้ไฟฉายในการกางเต๊นท์เลย
อาจจะเป็นเพราะแสงจากดวงจันทร์คืนนี้
ที่สว่างพอตัว ผมก็เลยพอที่จะกางได้
บวกกับกางเต๊นท์เกือบตลอดการเดินทาง
ก็เลยเป็นความคุ้นชิน
คืนนี้ผมก็นั่งดูดวงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่หน้าเต๊นท์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา