12 ต.ค. 2019 เวลา 13:15 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ภาค 2 ตอนที่ 1
วันที่ 23 พ.ย. - 7 ธ.ค. 2561
ได้สัมผัสกับความรู้สึก บรรยากาศ ในวัยเด็กอีกครั้ง
กลิ่นร่วงข้าวที่พึ่งใช้เคียวเกี่ยวใหม่ๆพ่อแม่ ลุงป้าน้าอา
มาช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว บรรยากาศที่ไม่ได้สัมผัสมานาน
แต่ก็มีเรื่องให้ตัดสินใจอีกครั้ง เมื่อมีสายโทรศัพย์สายหนึ่งเข้ามา...
พอผมกลับมาถึงบ้านหลังจากออกเดินทางร่อนเร่อยู่เกือบเดือน
ก็มาได้จังหวะที่เป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวพอดี
ซึ่งเป็นอาชีพตั้งแต่บรรพบุรุษที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น
ที่จริงผมชอบแบบนี้ แต่ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่าง
จึงต้องออกจากบ้านไปเพื่อหาเงิน อย่างที่สังคมเป็นกัน
เป็นความเชื่อที่ปลูกฝังกันมา ว่าการเป็นชาวนานั้นยากจน
ดังนั้นพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็อยากให้ลูกได้ทำการทำงานดีๆ
เรียนสูงๆจะได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นสิ่งที่ปลูกฝังกันมารุ่นต่อรุ่น
1
ในขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆในระหว่างเกี่ยวข้าว
น้าก็ถามผมว่า ลาพักร้อนเหรอถึงได้กลับมาช่วยเกี่ยวข้าว
ผมก็บอกป่าวครับ ผมลาออกมาแล้ว น้าก็ถามว่าจะทำอะไรต่อไป
ผมก็บอกว่าจะขอพักการทำงานก่อน อยู่บ้านสักพักจะได้มีเวลาทำนั่นนี่
กับไร่กับนา พักเสร็จก็ค่อยหางานทำต่อครับ ผมก็ตอบน้าไปอย่างนั้น
จากนั้นก็คุยสัพเพเหระกันเรื่อยเปื่อย เพราะนี่คือบรรยากาศการลงแขกเกี่ยวข้าว ก็จะชวนคุยกันไปเรื่อยๆเกี่ยวข้าวไปเรื่อยๆเผลออีกที ก็เกี่ยวถึงคันนาแล้ว มันไม่สบายหรอก แต่ผมค่อนข้างรู้สึกชอบแบบนี้ ไม่ต้องกังวลอะไร
ไม่ต้องมีอะไรให้ปวดหัว เหนื่อยพักก็หาย และกลิ่นจากตอข้าว แสงแดด
ที่รู้สึกสบายๆกับสายลมเย็นๆที่จะมาหาเราเป็นพักๆ
ลงแขกเกี่ยวข้าว
ซึ่งการเกี่ยวข้าวก็ต้องใช้ความชำนาญเหมือนกัน ข้าวที่ตั้งตรงปกติจะเกี่ยวง่าย แต่ข้าวล้มนี่จะเกี่ยวยาก ยิ่งล้มไปคนละทิศคนละทางนี่ยิ่งเกี่ยวยากไปใหญ่ ใครเจอจุดข้าวล้มแล้วเกี่ยวไม่คืบหน้าสักทีก็จะบ่นๆกัน แต่เป็นการบ่นที่ไม่ได้เครียดอะไร เป็นการบ่นเพื่อหาอะไรคุยกันมากกว่า
ข้าวล้ม
ในขณะที่ผมกำลังเกี่ยวข้าว ก็มีสายโทรศัพย์สายหนึ่งเข้ามา
เป็นอาจารย์สอนและผมก็เคยทำงานกับเค้ามาก่อน
เค้าก็โทรมาสอบถามว่าผมเป็นยังไงทำอะไรที่ไหน
เพราะเค้าคงเห็นในเฟสผมที่ผมขับมอเตอร์ไซไปทั่ว
ผมก็บอกว่าผมลาออกจากงานตอนนี้เกี่ยวข้าวอยู่บ้านครับ
เค้าก็บอกว่ามีงานจะให้ช่วยทำเป็นโปรเจคระยะสั้น
ทำประมาณเดือนหนึ่ง เห็นชอบเดินทางน่าจะชอบ
อาจารย์เค้าก็บอกแบบนั้น จากนั้นเค้าก็เล่าต่อว่า
เป็นโปรเจคสำรวจเรือกับท่าเรือต้องเดินทางไปหลายจังหวัด
ถ้าให้คนอื่นไปก็กังวลกลัวอันตราย แต่อาจารย์เห็นผมเดินทางบ่อยอยู่แล้ว
ก็เลยโทรมาบอกเผื่อผมสนใจ ถ้าสนใจยังไงก็โทรแจ้งเค้าด้วย
เค้าจะได้เตรียมแผนการได้ถูก ผมก็บอกครับยังไงจะโทรแจ้งอีกทีหลังผมเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จก่อน ในความจริงก็อาจจะรู้สึกแปลกๆหน่อย เพราะว่างานนี้ที่ฟังมามันไม่ใช่งานปกติที่เราเคยทำมา เป็นอีกฟิลหนึ่งเลย แต่ด้วยตั้งแต่ผมตัดสินใจลาออกจากงาน ผมก็ไม่ยึดติดแล้วว่าผมจะต้องทำงานเฉพาะที่เรียนมา อะไรก็ได้ที่เราสะดวกและโอเครที่จะทำมัน ผมทำได้หมด
จริงๆในใจผมตัดสินใจว่าไปอยู่แล้ว ไม่ต้องไปคิดพริจารณาอะไรให้มากความ เพราะความรู้สึกในเวลานี้คือไปไหนก็ได้ รู้สึกอิสระเต็มที่ มันเป็นอะไรประมาณนั้น
ขนข้าว
การได้กลับมาบ้านครั้งนี้ ผมรู้สึกมีความสุขมาก
เพราะผมได้ทำงาน ได้ใช้ชีวิต ได้กินข้าวกับพ่อแม่ทุกวัน
มันเหนื่อยนะแต่มันสบายใจ อยู่กับทุ่งนาแบบนี้
แล้วก็มีหมาตัวป่วนอีกหลายตัว ที่จะชอบกระโดดใส่ผมเพราะมันอยากจะเล่นด้วย ความรู้สึกที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไร เพียงแต่ทำหน้าที่ในแต่ละวัน
และก็ไม่ต้องไปแข่งกับใคร ทำของเราเองไปเรื่อยๆ
ตกเย็นผมก็จะนั่งเล่นกีร์ต้าที่ทุ่งนาคนเดียว
รู้สึกโปร่งโล่งดี และตอนกลางคืนนี้ดาวเต็มฟ้าเลย
เพราะเราอยู่กลางทุ่งนามืดๆไม่มีไฟ จึงเห็นดาวได้ชัด
เพื่อนอีกคน
จนเกี่ยวข้าวเสร็จ เริ่มขนข้าวไปไว้ที่ลานเพื่อรอสี
ซึ่งการสีข้าวนี่เป็นกิจกรรมที่คนจะชอบมาก
เพราะพอคนรู้จักจะสีข้าว คนก็จะแห่ไปช่วยกัน
แล้วก็ทำอาหารกินกัน มันสนุกดี ซึ่งในระหว่างที่อยู่บ้าน
ผมก็ไปช่วยเค้าสีข้าวหลายลานเหมือนกัน
เด็กๆก็มาช่วยกัน
การสีข้าวเลยเป็นกิจกรรมการพบปะกันอย่างหนึ่ง
ไม่ต้องจ้างกัน ใครว่างก็ช่วยกัน บางทีแค่ผ่าน
มองเห็นคนกำลังสีข้าว ก็ยังเดินไปช่วยกันสีข้าวเลย
นี่เป็นน้ำใจแบบบ้านๆที่มีให้กัน ไม่ต้องคิดถึงประโยชน์แลกเปลี่ยนอะไรมากมาย พอสีข้าวเสร็จก็พากันกินข้าวพักเหนื่อยกัน
ก็จบการเก็บเกี่ยวข้าวไป ผมรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมที่ควรรักษาไว้
การเชื่อมโยงของผู้คนผ่านกิจกรรม การใช้เงินกับทุกอย่าง
จะทำให้คนห่างเหินกันไปเรื่อยๆผมคิดแบบนั้น
สีข้าวเสร็จ
พอเสร็จการเก็บเกี่ยวข้าว ผมก็ทำนู้นนั่นนี่ตามท้องไรท้องนาต่อไป
ผมไม่รู้สึกกังวลอะไรเลย ยิ่งอยู่นานผมยิ่งสงบ ยิ่งสบาย
หรือผมอาจจะชอบทำงานแบบชาวไร่ชาวนาก็ได้
ก็ได้ทำงาน ได้ออกเหงื่อ ผมรู้สึกโอเครกับมัน
เสร็จการเก็บเกี่ยว
จนถึงเวลาที่ผมคิดว่าต้องเดินทางไปทำโปรเจคที่คุยกันไว้กับอาจารย์
ผมจะเดินทางจากร้อยเอ็ดไประยองนั้นคือจังหวัดแรกที่ผมต้องไป พาหนะที่ผมใช้ก็คือเจ้า Wavei110 เพื่อนยากคันนี้ เช้าวันที่ 7 ธันวา 2561 ผมออกเดินทางแต่เช้ามืด และก็ได้แวะใส่บาตรระหว่างทางในอำเภอทางผ่านแห่งหนึ่ง เพื่อความสบายใจ ^__^
ออกเดินทางอีกครั้ง
มันเป็นเรื่องแปลกมากที่เกิดขึ้นกับผม ตอนแรกผมลาออกจากงานเพื่อที่จะได้เดินทาง แต่ตอนนี้ผมกลับโดนว่าจ้างให้ออกเดินทางอีกครั้ง ผมก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก แต่สิ่งหนึ่งก็คือ เมื่อผมเปิดประตูชีวิตบานใหม่ ประตูอื่นๆหลังจากนั้น มันก็จะเปิดให้เราเจอสิ่งใหม่ไปเรื่อยๆอีกเหมือนกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา