14 ต.ค. 2019 เวลา 13:49 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ภาค 2 ตอนที่ 2
วันที่ 07 ธันวาคม 2561
ผมออกเดินทางจากจังหวัดร้อยเอ็ดด้วยรถจักรยานยนต์คู่ใจ Wave110i ออกสตาร์ทเวลาตีห้า ผมจะเข้าไปที่จังหวัดปทุมธานีก่อนที่จะไประยองต่อโดยผมได้ติดต่อพี่ที่อยู่ปทุมธานีเพื่อจะไปเอาโน๊ตบุ๊คที่ผมฝากไว้ตอนที่พึ่งลาออกจากงานเนื่องจากตอนนั้นผมจะออกเดินทางขึ้นเหนือและคงต้องพักค้างคืนด้วย ในระหว่างการเดินทางผมก็แวะทำบุญใส่บาตรตอนเช้าเป็นการทำบุญเอาฤกษ์เอาชัยไว้ซะหน่อย
ออกเดินทาง
จากนั้นผมก็ขับมอเตอร์ไซเดินทางมาเรื่อยๆจนสายๆเริ่มหิว ผมก็แวะกินข้าวที่ศาลาพักข้างทางแห่งหนึ่งและแกะอาหารที่แม่ผมเตรียมให้ตอนเช้าออกมากิน ก็มีข้าวเหนียวเนื้อย่าง แจ่วบอง ซึ่งจังหวะนั้นอร่อยมาก
ผมนั่งนึกถึงแต่ก่อนที่ผมจะไม่ค่อยชอบให้แม่ห่ออาหารอะไรให้ เวลาผมจะออกเดินทางแม่จะห่อให้ผมก็จะบอกว่าไม่ต้อง ไม่เป็นไร ผมก็จะบอกแบบนั้น แต่มีครั้งหนึ่งน่าจะเป็นเป็นช่วงปีใหม่ ปี 60 - 61 ที่ผมเดินทางจากบ้านจะกลับไปทำงานโดยยานพาหนะก็คือมอเตอร์ไซคันนี้นี่ละครับ แล้วผมก็พกเต๊นท์ไปด้วย กะว่าอาจจะหาที่แวะนอน แล้วแม่ก็ห่อข้าวเหนียวกับหมูย่างให้
ถุงใหญ่เลย ตอนแรกผมก็บอกเยอะไป แม่ก็บอกว่าเอาไปเถอะ แล้วผมก็ออกเดินทางและแวะกินข้างทางแบบครั้งนี้ในมื้อเที่ยงและก็เหลือเพราะเยอะมากผมก็มัดห่อไว้หน้ารถและออกเดินทางต่อ จนผมไปถึงแถวอุทยานแห่งชาติตาพระยา ผมมองเห็นป้ายที่หนึ่ง จึงเลี้ยวเข้าไปและสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถเข้าไปได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่ก็บอกเข้าไปได้ ประมาณสิบกิโล ซึ่งผมก็คิดว่าไม่ไกลมากลองเข้าไปดูก่อน พอเข้าไปผมก็เริ่มเจอทางลูกลัง ขรุขระ ลึกเข้าไปเรื่อยๆในป่า ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่คิดว่าจะใช้เวลานานในการเข้าไปและผมก็คิดว่าน่าจะกลับออกมาซื้ออะไรกินได้ ปรากฏว่าผมใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเข้าไปถึงที่ทำการด้านใน ซึ่งไม่มีนักท่องเที่ยวอื่นเลย เงียบมาก
หน่วยพิทักษ์ กลางดง
อุทยานแห่งชาติตาพระยา
จุดกลางเต๊น กลางดง(ตย.4)
กลางดงจริงๆเมื่อมีนักท่องเที่ยวคนเดียว
ก็คือผม ทางเข้ามาเป็นทางดินลูกลัง 10กว่ากิโล
ระหว่างทางเข้ามา ก็เจอหมาจิ้งจอก นี่นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอตัวเป็นๆกลางป่า กระรอกขาวสองตัววิ่งตัดหน้า ก็มีป้ายทุ้งกระทิงแต่ยังไม่เจอตัว
พอเข้ามาถึงผมได้สอบถามคุณตาเจ้าหน้าที่ ว่าผมมาขอพักกางเต๊นท์สักคืนคุณตาก็บอกว่าที่นี่ มีเจ้าหน้าที่ 4 คน คนหนึ่งลาอีก 2 คน ไปข้างนอกยังไม่กลับและคุณตาเจ้าหน้าที่ก็จะไปรับหลาน ผมสอบถามว่ามีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้าหรือไม่ คุณตาแจ้งว่ามีแต่ต้องให้เจ้าหน้าที่พาไป ช่วงเวลาตีห้าแต่คุณตาขึ้นไม่ไหว เดี๋ยวแจ้งเจ้าหน้าที่อีกสองคนไว้ให้ ซึ่งถึงตอนนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่กลับมา มีเพียงครอบครัวของเจ้าหน้าที่ ก็คือคุณยาย กับคุณป้า บรรยากาศตอนนั้นเงียบมาก ชวนวังเวงยังไงไม่รู้
พอผมเริ่มกางเต๊นท์ป้าก็เอาน้ำดื่มมาให้สองขวดผมก็จะจ่ายเงินค่าน้ำให้ ป้าบอกไม่ต้องมีเยอะผมก็ได้แต่ขอบคุณป้าไป ในในผมดีใจเป็นอย่างมากเพราะน้ำที่ผมเตรียมมาไม่น่าจะพอและการที่จะออกไปซื้ออะไรข้างนอกก็เห็นว่าจะไม่ทันการต้องมืดค่ำ และทางค่อนข้างจะลำบาก
ช่วงเย็นๆก็มีเด็กเล็กๆอีกคนมาคุยเล่นเป็นเพื่อน เพราะไฟฟ้ายังไม่มีใช้ ต้องรอเจ้าหน้าที่ผู้ชายกลับมาปั่นไฟ เพราะทางป้าและเด็กๆทำไม่ได้กัน
จนมืดค่ำทางเจ้าหน้าที่ผู้ชายก็ยังไม่กลับมา ตอนนั้นผมอยู่ในความมืดอาศัยเพียงเเสงไฟจากโคมไฟเล็กๆของผมเอง ส่วนที่อื่นมืดหมด และผมก็เริ่มหิว
ผมไม่มีอาหารอื่นนอกจากที่แม่ห่อข้าวเหนียวหมูมาให้และผมกินไม่หมดในตอนเที่ยง ตอนแรกผมกินเสร็จก็ว่าจะทิ้ง แต่เพราะเหลือเยอะผมเลยเก็บไว้ก่อน ที่จริงคิดว่าอาจจะได้เอาไปให้หมาข้างทางกินก็เลยเก็บไว้ แต่ตอนนี้หมาตัวนั้นก็เป็นผมนั้นเองที่กำลังนั่งกินอยู่ และผมยังคิดต่อว่าน่าจะต้องเหลือไว้กินพรุ่งนี้เช้าด้วยบางส่วน
บรรยากาศมืดๆ
ประมาณสองถึงสามทุ่มผมก็ได้ยินเสียงรถเข้ามา เป็นเจ้าหน้าที่มาพร้อมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหนึ่งคน เค้าพึ่งมาถึง ผมก็เลยชวนเค้าไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้เช้ากัน ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานได้มาคุยกำหนดเวลากับผมไว้ละว่าจะออกกันประมาณตีสี่ครึ่งเพื่อที่จะให้ทันดูดวงอาทิตย์ขึ้น
พอเช้าผมตื่นแต่ตีสี่ซึ่งมืดมาก ผมก็ล้างหน้าล้างตาเตรียมตัว จากนั้นไม่นานเจ้าหน้าที่ก็มาและพาผมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกท่านเดินขึ้นเขาไปในความมืด
เดินป่าในความมืด
เจ้าหน้าที่ก็พาเดินเรื่อยๆซึ่งผมก็เริ่มล้า นักท่องเที่ยวอีกคนก็เริ่มเหนื่อย
เราก็พักกันเรื่อยๆ แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าเราต้องรีบไปใกล้ถึงแล้ว
พวกเราก็เดินขึ้นเขากันต่อไป ซึ่งก็มีเจองูบ้าง แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ระวังและเดินเลี่ยงไปอีกทาง
ลัดเลาะทะลุช่อง
จนพวกเรามาถึงจุดชมวิว ซึ่งความเหนื่อยที่มีมาหายไปเกือบหมด
ลมหนาวที่พัดมา เจ้าหน้าที่บอกเป็นจุดชมวิว เทือกเขาบรรทัด
สามารถมองเห็นฝั่งกัมพูชาได้ โดยมองตรงออกไปจะเป็นฝั่งกัมพูชา
ผมดีใจมากที่เรามาถึงก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น เรามีเวลาพักและรอชมได้อย่างเต็มที่ ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็เล่าเรื่องการดูแลป่า และเส้นทางการลักลอบตัดไม้ ซึ่งแถวนี้จะเป็นเขตรอยต่อซึ่งสามารถไปมาได้ทั้งสองฝั่ง เจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอที่จะลาดตระเวนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งก็มีที่ต้องประทะกันบ้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เปิดคลิปให้ดูตอนไล่จับกัน ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจที่ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงต้องพกปืนมาด้วย เพราะเหตุนี้นี่เอง
มาถึงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
เราก็คุยกันไปเรื่อยๆโดยผมพยายามบอกเล่าบางอย่างให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติฟัง ซึ่งก็รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง โชคดีที่ตรงหน้าผานี้มีสัญญาณโทรศัพย์บ้าง ผมก็เลยได้อาศัยเปิดแปลได้ ถึงสัญญาณจะช้าหน่อย แต่ก็ดีที่มี
ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระทึก
เจ้าหน้าที่ชี้ว่าจุดที่เราอยู่ อยู่ตรงนู้น ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นธงชาติอยู่
ผมก็ตกใจ เฮ้ยยย..เราเดินมาไกลขนาดนี้เลยเหรอ เพราะตอนออกมามันมืดผมไม่รู้เส้นทางได้แต่เดินตามเรื่อยๆ พอมองไปเห็นไกลลิบๆอยู่ด้านล่าง
ผมก็นึกถึงขากลับ คงต้องเดินเหนื่อยอีกเยอะเลย
เราก็ถ่ายรูปจนพอใจ จากนั้นเราก็เดินทางกลับกันลงมา
พอมาถึงข้างล่างผมก็อาบน้ำล้างตัว แล้วมานั่งกินข้าวเหนียวหมู
ที่เหลือจากเมื่อวาน ซึ่งข้าวเหนียวเริ่มไม่จับตัวละ เพราะมันข้ามคืนมา
แต่ผมก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก ที่ผมได้เข้ามาและได้เจอเรื่องราว
และได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของอาหารที่แม่ห่อให้ผม
และก็เป็นที่ไปที่มาที่เล่าซะยาวถึงการที่ผมได้ข้าวห่อจากแม่มากิน
และหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็เลยทำให้ผมรับข้าวห่อด้วยความดีใจทุกครั้งมา
กลับมาในการเดินทางวันนี้ ผมออกจากร้อยเอ็ดมาถึงแถวปากช่อง โคราช ประมาณช่วงบ่ายๆผมได้แวะเข้าไปหาพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งผมถือว่าเป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับผมคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าพี่เค้าจะไม่ได้เป็นครูอาจารย์ในมหาลัยทั่วไป แต่วิชาความรู้ที่พี่เค้าถ่ายทอดแบบคนทำงานก็มีประโยชน์และมีส่วนสำคัญต่อแนวคิดการทำงานผมมาก เพราะสิ่งที่แกเน้นก็คือ วิธีคิดมาก่อนวิธีการ และผมเคยได้คุยปรึกษากับพี่เค้าไว้เรื่องการทำงานในอนาคตของผมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ผมอาจจะมารับจ๊อบเป็นฟรีแลนทำงานร่วมพี่เค้าเป็นทีม Sketchup Home
ซึ่งผมก็แวะทักทายก่อนเพราะเป็นทางผ่านพอดี ผมบอกว่าต้องเดินทางไปทำงานสำรวจกับอาจารย์ก่อน ซึ่งพี่ๆเค้าก็อวยพรให้ผมโชคดีเพราะเค้ารู้ถึงเส้นทางที่ผมเลือกเดิน เพราะผมเคยเล่าให้พี่ป้อมฟังเรื่อง ชีวิต101 ที่จะหาอิสระในเส้นทางของตัวเอง และพี่ป้อมก็บอกให้ผมลองเล่าให้พี่ๆคนอื่นๆฟังด้วย ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะได้ร่วมงานกันหรือไม่ แต่ผมรู้สึกโอเครกับพี่ๆที่นี่ เพราะแต่ละคนอินดี๊เหลือเกิน
พี่ๆทีมงาน SketchUp Home
จากนั้นประมาณบ่ายสามผมก็ออกเดินทางไปที่ปทุม ไปเจอกับพี่อ๊น
ซึ่งผมได้ฝากโน๊ตบุ๊คเอาไว้ตอนที่ผมลาออกจากงานและออกเดินทางไป
พอมาถึงพี่อ๊นก็จัดเลี้ยงหมูกะทะต้อนรับกลับกันเลยทีเดียว การเดินทางขึ้นเหนือของผมที่ผ่านมาเหมือนเป็นอะไรที่ไปไกลมาก สำหรับคนอื่นๆที่รู้จัก
มาถึงพี่จัดหมูกระทะต้อนรับ
พี่อ๊นคนนี้ก็เป็นพี่ที่ถ่ายทอดวิชาการทำงานให้กับผมมากมายเหลือเกิน
ผมรู้สึกผมโชคดีมากที่ได้รู้จักพี่ๆแต่ละคน ก็ล้วนแต่จะสอนอะไรดีๆให้ผมตลอด
พี่อ๊น
หมูกระทะ
นี่น่าจะเป็นความรู้สึกจริงจังในการกลับเข้าเมืองของผม หลังจากที่ออกเดินทาง โดยแฟนของพี่อ๊นก็บอกว่าติดตามการเดินทางของผมตลอด ก็ลุ้นตลอดว่าผมจะไปเจออะไร ผมก็รู้สึกดีนะที่มีคนติดตามด้วย เราก็คุยกันเรื่อยเปื่อย จนได้เวลาพอสมควรก็แยกย้ายกัน โดยพี่อ๊นบอกไว้ว่าตื่นก่อนก็ออกเดินทางได้เลย เพราะพี่อ๊นอาจจะตื่นไม่ทัน และผมก็น่าจะออกเดินทางต่อแต่เช้า เป็นอันว่าวันนี้จบไปอีกวัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา