Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ชีวิตเริ่มต้นเมื่ออายุ 45
•
ติดตาม
22 ต.ค. 2019 เวลา 13:08 • ไลฟ์สไตล์
เคยวิ่งตามความฝันกันบ้างมั้ยครับ
ภาพ @45/Caption ท่อนนึงของเพลง ผ่าน Slot machine
วัยประถม เมื่อวันเด็กใกล้จะมาถึงคุณครูมักจะถามว่า "โตขึ้นอยากเป็นอะไร?" ผมมักจะตอบว่า "อยากเป็นทหารครับ" เพราะว่าถนนหน้าบ้านเป็นเส้นทางไปค่ายทหารในจังหวัด
และตอนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานพร้อมกับพระบรมวงศานุวงศ์ประจำปี ถนนหน้าบ้านจะเต็มไปด้วยทหารและตำรวจ เพื่อถวายความปลอดภัย เนื่องจากเป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ทำให้ผมมีความอยากเป็นทหารในตอนนั้น
ผมโชคดีมีบุญ ได้ยืนเฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิดที่ริมถนนตั้งแต่จำความได้ ตอนเด็กไม่ค่อยกล้าเงยหน้าเพราะถูกสั่งสอนว่าไม่บังควร ได้แต่ถวายคำนับเท่านั้น
ต่อมาสังเกตุผู้ใหญ่คนอื่นๆเค้าก็เฝ้าแอบมองกัน ยิ้มบนใบหน้าก็คงอยู่อย่างนั้น เหมือนกับว่าเทวดามาโปรดก็ไม่ปาน แม้กระทั่งขบวนเสด็จฯจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
ผมก็เริ่มมองบ้างเริ่มจากตะแคงหน้าก่อนต่อมาก็ค่อยมองได้ถนัดขึ้นโดยถวายคำนับให้พอดีแต่ดูเรียบร้อย จุดที่เรายืนก็สำคัญ ถ้าเราเลือกที่โล่งๆไม่มีคนจะมองไม่ทัน เพราะขบวนเสด็จฯขับรถเร็วมาก
และผมก็ได้ชื่นชมพระบารมีทุกพระองค์ โดยเฉพาะในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระราชินีในรัชกาลที่ 9 ที่ประทับอยู่บนรถพระที่นั่งคันเดียวกันเสมอ บางครั้งพระราชินีก็โบกพระหัตถ์ทักทายประชาชน บริเวณสี่แยกที่รถต้องชลอความเร็ว
กลับมาเรื่องความฝันวัยเด็กกันต่อครับ แต่ด้วยโชคชะตาของผมที่ไม่ได้มีโอกาสศึกษาต่อหลังจากจบ ปวช. เพราะต้องหางานทำ และหลังจากนั้นครบอายุเกณฑ์ทหารก็จับได้ใบดำ
หรือหลังจากนั้นที่ผมเรียนต่อชั้น ป.ตรี ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงพร้อมกับทำงานไปด้วย
ผมไม่มีความคิดที่จะรับราชการอีกเลย เป็นอันว่าความฝันวัยเด็กที่จะเป็นทหารก็ถึงคราวจบไป
ความฝันถัดมาตอน ม.ต้นคือเป็นนักฟุตบอล เพราะดูกีฬามันๆของ ย.โย่ง และการ์ตูนซึบาสะที่ฮิตมากๆ ผมยังเคยวาดรูปซึบาสะส่งไปประกวดกับเค้าด้วยเหมือนกัน จำชื่อวารสารไม่ได้แล้ว
แต่ผมเตะบอลเท้าเปล่า เวลาไปสนามหญ้าก็ไม่กล้าไปเตะกับเค้าเพราะไม่มีรองเท้า ก็ได้แต่เตะเล่นกับเด็กๆแถวบ้านเท่านั้น
ชั้นมัธยมก็มีคนเก่งกว่าผมเยอะ และเพื่อนก็มีสตั๊ดกันหมด ด้วยความที่ไม่เคยลงสนามใหญ่ และขาดอุปกรณ์ทำให้ผมได้แต่นั่งดูเพื่อนๆข้างสนาม (ถ้าเคยเล่นสนามใหญ่จะรู้ว่ามันกว้างมาก ตำแหน่งยืนสำคัญที่สุด)
ความฝันที่จะเป็นนักฟุตบอลก็จบไปอีกหนึ่งเรื่อง
หลังจากนั้นก็มีความฝันอีกหลายเรื่อง แต่ด้วยที่ต้องทำงานตลอด การมีความฝันที่ไกลมากๆก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่เคยนึกถึงอีกเลย ได้แต่พยายามทำให้จบเป็นเรื่องๆไปก็พอแล้ว เช่น
ตอนมากรุงเทพฯใหม่ๆ อาศัยอยู่กับเพื่อน เอากระเป๋าเดินทางแทนหมอน ตอนนั้นแค่อยากหางานทำให้ได้ก่อน ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนที่หาหนังสือพิมพ์ให้ ผมก็เขียนจดหมายสมัครงานไปหลายแห่งกว่าจะมีโรงงานแห่งนึงโทรมาให้ไปสัมภาษณ์ ผมใช้เวลา 3 เดือนกว่าจะได้งาน
ตอนนั้นเงินหมดแล้วผมเขียนจดหมายไปบอกแม่ แม่ส่งเงินใส่ซองจดหมายกลับมา 500 บาท โดยให้น้องช่วยเขียนให้ เพราะแม่เขียนหนังสือไม่เป็น น้ำตาผมไหลออกมาทันทีที่เปิดซองจดหมาย เพราะรู้ว่าเงิน 500 บาทมันเยอะมากสำหรับแม่ตอนนั้น
และมันก็ไหลหนักมากขึ้นเมื่อผมอ่านจดหมายที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของแม่และพี่น้องฉบับนั้น คำลงท้ายจดหมายเป็นสิ่งสวยงามสำหรับผม
หรือ เมื่อเข้าทำงานแล้ว ผมก็แค่ตั้งเป้าหมายว่าต้องตั้งใจทำงานเพื่อให้ผ่านการทดลองงานให้ได้ และผมก็ผ่านทดลองงาน
หรือหลังจากเที่ยวเล่น กทม. อยู่ 4 ปี ผมตัดสินใจต้องจบ ป.ตรีให้ได้ ตอนนั้นผมก็ช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่ 6 ปีแล้ว เพราะเป็นช่างซ่อมมอไซค์อยู่ 2 ปี มาทำงานโรงงานอีก 4 ปี แล้วค่อยคิดได้ตัดสินใจเรียนต่อที่รามฯ เพราะเป็นตัวเลือกเดียวของผม
ผมเลือกสาขาการตลาด และใช้เวลาเรียน 4 ปีครึ่ง เพราะดันลืมทำข้อสอบวิจัยตลาดข้อเขียนหน้าหลัง ทำให้ต่อมาเวลาผมกรอกแบบฟอร์มอะไรต้องพลิกด้านหลังเสมอจนเป็นนิสัย
หรือตอนเริ่มเรียน ทุกท่านน่าจะทราบว่าสายบริหารต้องเรียน Calculus, Statistics และบัญชี เบื้องต้น ซึ่งหลักสูตร ปวช.ช่างยนต์ ไม่ได้สอนผมเพื่อให้มาเจอสิ่งนี้
ผมตัดสินใจไปติวหน้ารามฯเพื่อให้เข้าใจและสอบผ่าน และมันก็สอบผ่านจนได้ ตอนนั้นผมต้องเข้ากะกลางคืนเพื่อมาติวตอนเช้า
ผมมีเวลานอนน้อยมากเพราะต้องไปเข้างานกะกลางคืนซึ่งเริ่มช่วงเย็นอีกครั้ง มันขึ้นอยู่กับเวลาของติวเตอร์ด้วย ถ้ารอบเช้าสมัครไม่ทัน ต้องรอติวรอบถัดไป และนั่นคือนรกเลย ผมต้องไปแอบนอนระหว่างทำงานในห้องน้ำ
ผมมาเรียนรู้ภายหลังอีกหลายปีว่า Key word คือ Think big, Do small
จะบอกว่าเราไม่ต้องหาทฤษฏี หนังสือตำราอะไรมาเรียนรู้ว่ามันคืออะไรแล้วค่อยทำก็ได้ แต่ประสบการณ์และเงื่อนไขที่มี จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายนั้นได้ และควร Focus เป็นเรื่องๆ ปักธงไว้ว่าเราจะทำอะไรให้เสร็จ และภายในเวลาที่กำหนด ข้อนี้สำคัญมาก
เช่น ผมเคยทดลองว่าผมต้องการแปรงฟันด้วยมือซ้ายภายใน 1 เดือนจะทำได้มั้ย มันก็ได้ 90% เกือบเท่ามือขวา (ตอนแรกๆเจ็บเหงือกมากเพราะพลาดบ่อย)
แต่ถ้าคุณประสบความสำเร็จระดับนึง หรือที่สุดแล้ว เช่น บิล เกตส์ การหาหนังสือดีๆเพื่อหาแนวคิดใหม่ๆก็ไม่แปลก เพราะไม่เดือดร้อนว่าพรุ่งนี้จะมีงานทำอยู่มั้ย จะมีเงินเหลือผ่อนรถ ผ่อนบ้านหรือเปล่า
การเรียนไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องนี้จริงแท้แน่นอน แต่ตัวชี้วัดของคุณคืออะไร คุณเท่านั้นที่จะตอบได้ เพราะแต่ละคนบริบทต่างกัน
ขอให้เพื่อนๆประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้นะครับ ทั้งด้านการเรียน การทำงาน ครอบครัว สังคม และความรัก เป็นกำลังใจให้กันครับ
สวัสดีครับ ด้วยรัก
1 บันทึก
28
42
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
การเดินทางย้อนเวลา
1
28
42
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย