22 ต.ค. 2019 เวลา 14:30 • บันเทิง
ฟังไปแล้ว - Samurai Sessions, Vol. 3: Worlds Collide งานรวมรสดนตรีสุดเฟี้ยวฟ้าวของมิยาบิ
หากเป็นคอหนัง ไม่ใช่คอเพลง อาจจะคุ้นหน้ามิยาบิ (Miyavi) กันจากหนัง Unbroken ที่กำกับโดยแองเจลินา โจลี ที่เขาเล่นเป็นนายทหารญี่ปุ่นตัวร้าย แต่ถ้าเป็นคอเพลงก็คงรู้ว่านี่คือชื่อของมือกีตาร์, นักร้อง-นักแต่งเพลง, โปรดิวเซอร์ ชาวญี่ปุ่นที่ทำเพลงได้อย่างมีสไตล์ ขณะที่การเล่นกีตาร์ของเขาก็มีลักษณะเฉพาะตัวที่โดดเด่น โดยเฉพาะการเล่นแบบฟิงเกอร์-สแล็ปปิง
ในฐานะศิลปินเดี่ยว อัลบัม Samurai Sessions, Vol. 3: Worlds Collide งานชุดล่าสุดของมิยาบิ คืออัลบัมที่ 11 ในการทำงานของเขาแล้ว หากนับแบบไม่แยกวรรณะว่าเป็นงานพิเศษหรืองานเดี่ยวแบบเพียวร์ๆ หลังปล่อยอัลบัมแรก Gagaku ออกมาตั้งแต่ปี 2002 แต่ถ้าหากนับเอาอายุงานในวงการเพลงจริงๆ มิยาบิสร้างชื่อมาตั้งแต่ปี 1999 ในฐานะมือกีตาร์ของวงร็อค Dué le quartz ก่อนจะบินเดี่ยวในปี 2002 นอกจากนี้ในปี 2007 มิยาบิยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของวงร็อคระดับซูเปอร์กรุปของญี่ปุ่นที่ชื่อ SKIN อีกด้วย
แม้จะเป็นมือกีตาร์ เคยอยู่ในวงร็อค แต่งานของมิยาบิ ที่ได้สัมผัสอย่างจริงๆ จังๆ มาตั้งแต่ The Others งานชุดที่เก้าเมื่อปี 2015 ไล่ละมาเรื่อย Fire Bird (2016), Samurai Sessions, Vol. 2 ซึ่งเป็นโปรเจ็คท์พิเศษ ที่เจ้าตัวร่วมงานกับศิลปินมากมาย ขอบเขตแนวทางดนตรีของมิยาบิไม่ได้จำกัดอยู่แค่พื้นที่ของดนตรีร็อค หรือว่าเจ-ร็อค เขาพางานของตัวเองออกไปไกลกว่านั้น ผ่านการผสมผสานกับดนตรีแนวทางดนตรีต่างๆ หรือว่าการใช้เครื่องดนตรีที่ไม่ได้อยู่ในแค่โลกของร็อค
แล้วพอเป็น Samurai Sessions, Vol. 3: Worlds Collide โปรเจ็คท์พิเศษซึ่งมิยาบิร่วมงานกับศิลปินมากมาย เพื่อสร้างสรรค์ผลงานในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ไม่ได้ติดอยู่กับตัวตนของตัวเอง ที่เริ่มจาก Samurai Sessions, Vol. 1 เมื่อปี 2012 แล้วตามด้วย Vol. 2 เมื่อปี 2017 ก็ยิ่งไปได้ไกลกว่าที่เคยเป็น
มิยาบิประเดิมด้วยอินโทรแบบร็อค จากกีตาร์ที่ฟังเกรี้ยวกราด ใน “World Collides” คลอไปกับเสียงประกาศของแซมวลแอล. แจ็คสัน กลายๆ
ต่อด้วย "Rain Dance” งานร็อค-ฟังค์ฟังสนุกๆ ดนตรีฟังหนักแน่นที่แซมพ์กับ “Give It Away” เพลงดังของ Red Hot Chili Peppers จากอัลบัม Blood Sugar Sex and Magic, การเชื่อมเชื่อมเข้ากับดนตรีฮิพ-ฮ็อพ ที่ฟังสดใส ร่าเริง รื่นรมย์ด้วยการร่ายแร็ป และมาพร้อมลูกเล่นจากซาวนด์กีตาร์ที่ฟังหวือหวาใน "U.G.L.Y.”, แล้วก็ปรับโทนให้เข้มข้นมากขึ้นใน "In Crowd” (Remix) เมื่อผสมผสานกับเพลงเต้นรำได้อย่างมีสีสัน ในแบบที่สัมผัสถึงดนตรีทั้งสามรูปแบบ ฮิพ-ฮ็อพ, ร็อค และแดนซ์ ที่เข้ามาหลอมรวมกันได้อย่างกลมกลืน ได้อย่างชัดเจน
ขณะที่ "I’m So” ก็เป็นเพลงแดนซ์-ร็อค ที่บันเทิงเริงใจไปกับบีทโจ๊ะๆ, ส่วน “Knock Me Out” ก็ฟังไหลลื่นกับจังหวะจะโคนในแบบดิสโก ที่ชวนกระตุกแข้งขาเหลือเกิน, พอมาถึง “Our Love” มิยาบิก็พาไปสู่โลกของป็อป ใสๆ วัยรุ่นชอบ ที่ร่วมงานกับ มิลิยาห์ คาโตะ, แล้วถ้าอยากฟังงาน เจ-ร็อคแบบถึงๆ ก็ต้องเป็น "Pink Spider” (Remix) ที่ได้ฮิเดะ มาร่วมงาน
สองเพลงสุดท้ายในอัลบัม ผ่อนอารมณ์คนฟังลงได้อย่างลงตัว จาก “Me And The Moonlight” เพลงที่ฟังล่องลอย เวิ้งว้าง มาสู่เพลงในทางของอาร์แอนด์บี “Fragile” ซึ่งถือเป็นปิดอัลบัมได้อย่างสวยงาม
พร้อมกับทำให้งานชุดนี้ เป็นการร่วมงานในแบบ World Collide อย่างที่ชื่ออัลบัมว่าเอาไว้จริงๆ และเป็นอีกหนึ่งในหลายๆ ครั้ง ที่มิยาบิแสดงถึงศักยภาพในการทำงาน ที่ไม่ได้ยึดติดกับดนตรีในรูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง โดยที่ไม่ใช่แค่เฉพาะในอัลบัมที่เป็นโปรเจ็คท์พิเศษแบบนี้เท่านั้น กับอัลบัมปกติของตัวเอง มิยาบิก็พาคนฟังไปสนุกกับดนตรีที่มากกว่าร็อค หรือเจ-ร็อค เช่นกัน
แต่ในแง่ของความน่าสนใจนั้น รวมไปถึงบรรยากาศที่ชัดในความแตกต่างจริงๆ การทำงานร่วมกับศิลปินเจ้าของแนวทางที่ไม่น่าจะไปกันได้แบบนี้ ถือว่าให้ได้มากกว่า แล้วเมื่อได้สัมผัสก็คงรู้ว่า มันเฟี้ยวฟ้าว จัดจ้าน และฟังตื่นเต้นขนาดไหน
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง Samurai Sessions, Vol. 3: Worlds Collide งานรวมรสดนตรีสุดเฟี้ยวฟ้าวของมิยาบิ คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 11 มกราคม 2562
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมกดติดตาม และยังมีเรื่องราวมากมายให้อ่านได้ที่ www.sadaos.com และทำความรู้จักกันได้มากกว่านี้ด้วยการกดไลค์เพจ www.facebook.com/Sadaos
ฟังไปแล้ว - RECKLESS & ME อัลบัมของคีเฟอร์ ซุเธอร์แลนด์ จะเป็นยังไง อ่านวิจารณ์และลองฟังบางเพลงกันได้ ที่นี่ >> https://www.blockdit.com/articles/5cdb2743398642120af1047f
โฆษณา