24 ต.ค. 2019 เวลา 15:44 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
SABRE engine เครื่องยนต์ลูกผสมที่จะพาเราบินข้ามไปอีกซีกโลกใน 4 ชั่วโมง 😲👍
การบินจากกรุงเทพฯ ไปนิวยอร์คในเวลาเพียง 4-5 ชั่วโมงอาจเป็นจริงได้ภายในปี 2030 😉
2
เครื่องบิน Hyper speed ที่สามารถบินได้เร็วกว่าเสียง 5 เท่าด้วยเครื่องเจท และ 25 เท่าความเร็วเสียงเมื่อทำการบินด้วยเครื่องยนต์จรวด, Cr: ESA
Reaction Engines บริษัทอเมริกาที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์การอวกาศยุโรปหรือ ESA ประสบความสำเร็จในการทดสอบสภาพจำลองระหว่างทำการบินที่ความเร็ว 5 เท่าของความเร็วเสียง (Mach 5)
SABRE engine เครื่องยนต์ลูกผสมระหว่างเครื่องยนต์เจท (Jet engine) และเครื่องยนต์จรวด (Rocket engine), Cr: ESA
อุปสรรคสำคัญในการบินด้วยความเร็วเหนือเสียงนั่นคือความร้อนของอากาศที่เข้าห้องเผาไหม้รวมถึงอุณหภูมิไอเสียหลังเผาไหม้ที่สูงมากจนทำให้วัสดุที่ใช้ทำเครื่องยนต์ทนไม่ไหว
ผังแสดงการทำงานของเครื่องยนต์ SABRE, Cr: Wikipedia
ซึ่งการบินที่ 5 เท่าความเร็วเสียงนี้อากาศที่เข้าเครื่องยนต์จะมีอุณหภูมิสูงถึง 1000 องศาเซลเซียส
1
อากาศร้อนไหลเข้าอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนและเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วภายในเสี้ยววินาที, Cr: ESA
แต่ด้วยอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสามารถลดอุณหภูมิอากาศก่อนเข้าส่วนอัดอากาศของเครื่องยนต์เจทลงมาเหลือ -150 องศาเซลเซียส
อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนหัวใจสำคัญของ SABRE engine ในการบินที่ 5 เท่าความเร็วเสียง
ซึ่ง 5 เท่าความเร็วเสียงนี้เร็วกว่าเครื่องบิน Concorde (Mach 2.04) 2.5 เท่า และเร็วกว่า SR-71 Blackbird เจ้าของสถิติเครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก (Mach 3.3) ถึง 1.5 เท่า
เครื่องบิน SR-71 Blackbird เจ้าของสถิติเครื่องบินที่เร็วที่สุดในโลก, Cr: NASA
โดยการทดสอบประสบความสำเร็จเมื่อสองสัปดาห์ก่อนใน Site ทดสอบที่โคโลราโด อเมริกา
ซึ่งก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็ได้ทดสอบสภาพการบินที่ 3.3 เท่าความเร็วเสียง
Site ทดสอบที่โคโลราโด อเมริกา, Cr: ESA
เครื่องยนต์ SABRE นี้ออกแบบให้สามารถทำการบินแบบเครื่องเจทที่ความเร็ว 5 เท่าความเร็วเสียง และ 25 เท่าความความเร็วเสียงเมื่อทำการบินแบบเครื่องยนต์จรวดที่เพดานบิน 25 กิโลเมตรจากพื้น
ซึ่งแค่เพียง Mach 5 (ประมาณ 6,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นี้ก็เพียงพอที่จะบินจากลอนดอนไปนิวยอร์คภายใน 2 ชั่วโมง
โฉมหน้าเต็มของ SABRE engine, Cr: ESA
ด้วยการเป็นเครื่องยนต์ลูกผสมของเครื่องเจทและจรวดจึงทำให้เครื่องบินสามารถลดน้ำหนักในการบรรทุกออกซิเจนเหลวเพื่อไปเป็นเชื้อเพลิงตอนบินด้วยเครื่องยนต์จรวดลงกว่าครึ่ง ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความถึ่ในการบิน
ทายาทของ Concorde?, Cr:Reaction Engines
เมื่อผ่านการทดสอบนี้ บริษัทมีแผนในการบินทดสอบจริงภายในช่วงปี 2025 และคาดว่าจะเริ่มการบินเชิงพานิชย์ได้ภายในปี 2030
การแข่งขันพัฒนาการเดินทางแบบ Hyper speed และการกลับมาของทายาทเครื่องบิน Concorde ยังคงดำเนินต่อไป
เครื่องบิน Concorde ตำนานเครื่องบินโดยสารความเร็วเหนือเสียงเพียงหนึ่งเดียวในโลก
ถ้าไม่อยากนั่งจรวดของเฮีย Elon ก็รอนั่งเครื่องบินลูกผสมละกัน 😁

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา