27 ต.ค. 2019 เวลา 07:00 • บันเทิง
[Review] Bohemian Rhapsody (2018) – สู่ตำนานที่ขับขานตลอดไป
“ นายจะเป็นตำนาน เฟรด ”
“ พวกเราทุกคนคือตำนาน ”
ไม่อาจบอกได้เหมือนกันศิลปินในดวงใจสำหรับผมคือใคร เพราะส่วนตัวผมเป็นคนฟังหลากหลายแนว ตั้งแต่ตะวันตกวกมาตะวันออกและวนลงมาที่ไทยจึงทำให้ไม่มีแนวฟังแน่นอน น้อยครั้งไปอีก ถ้าถามว่าชอบการแสดงของศิลปินคนไหน เพราะส่วนตัวก็ไม่ได้ดูเยอะถึงขั้นนั้นจึงไม่อาจตอบได้เต็มปาก แต่บ่อยครั้งที่ผมก็มักจะย้อนกลับไปดูดนตรีวงเก่า ๆในสมัยที่อินเตอร์เน็ตไม่แพร่หลาย การดูคนตัวเล็กบนเวทีและเสียงดนตรีอันกึกก้องไปทั่วสนามและเสียงคำรามของผู้คนที่กู่ร้องบทเพลงจากศิลปินที่พวกเขาชอบโดยปราศจากแสงไฟจากโทรศัพท์ก็เป็นเสน่ห์นึงที่ผมชอบเช่นกัน
และหนึ่งในการแสดงที่ผมมักจะเปิดบ่อยที่สุดในยูทูปก็คือ การแสดงของวงดนตรีร็อคสัญชาติอังกฤษอย่าง Queen บนคอนเสิร์ตการกุศล Live Aid ในปี 1985 ที่หลายสำนักต่างยกย่องว่า นี่คือหนึ่งในการแสดงดนตรีที่ดีที่สุดในโลก
Bohemian Rhapsody บอกเล่าถึงจุดกำเนิดคงวง Queen ที่ยังคงเป็นแค่วง Smile ที่เล่นตามผับและชมรมมหาวิทยาลัยในอังกฤษและประจวบเหมาะกับที่ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี เสนอตัวเข้าวงกับ ไบรอัน เมย์ มือกีต้าร์ และ โรเจอร์ เทย์เลอร์ มือกลอง หลังจากวงขาดนักร้องนำ การมาของเฟรดดี้จึงเปรียบเสมือนไฟที่จุดให้วงเล็ก ๆ นี้ได้เดินทางต่อและพวกเขาก็ได้รับโอกาสในการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงชื่อดังและสร้างชื่อจนกลายเป็นวงร็อคในตำนานแห่งเกาะอังกฤษในปัจจุบัน
หนังบอกเล่าผ่านช่วงเวลานับตั้งแต่วงเพิ่งตั้งไข่และได้ เฟรดดี้ เข้ามาร่วมวงในขณะนั้น ด้วยความเป็นฟร้อนท์แมนที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ในการขึ้นแสดงแต่ละครั้ง หนังจึงใช้เฟรดดี้เป็นศูนย์กลางหลักในการดำเนินเรื่องโดยมี รามิ มาเล็ค รับบทเป็นนักร้องในตำนานคนนี้ ระหว่างทางวงจึงต้องฝ่าอุปสรรค ทั้งการแต่งเพลงแต่ละเพลง ความมุ่งมั่นที่จะใช้เพลงเอกอย่าง Bohemian Rhapsody เป็นซิงเกิ้ล หรือแม้กระทั่งรสนิยมทางเพศที่เฟรดดี้เพิ่งจะค้นพบ แทรกกับอารมณ์ขันที่มาค่อนข้างถูกจังหวะเลยทีเดียว ก่อนจะมาถึงคอนเสิร์ท Live Aid ที่จัดตั้งเพื่อระดมทุนให้กับผู้ยากไร้ในเอธิโอเปียที่ Queen ได้ขึ้นแสดง
รามิ มาเล็ค กับบทบาทที่พาเขาไปคว้ารางวัลออสก้าร์ครั้งแรกได้สำเร็จ
ส่วนที่ดีของหนังเรื่องนี้ หลัก ๆ เลยก็คือ รามิ มาเล็ค ที่รับบทนำเป็น เฟรดดี้ เมอร์คิวรี ได้เหมือนอย่างน่าขนลุก แม้ว่าเราจะไม่ได้เกิดมาในยุคที่วงดนตรีวงนี้กำลังโลดแล่นอยู่ในวงการแต่เราก็ได้เห็นสีหน้าคาดตาฟร้อนท์แมนผู้นี้มาบ้างและการแสดงของมาเล็คก็ทำให้เราเหมือนต้องมนต์สะกดดั่งเวลาเฟรดดี้กำลังแสดงอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะในฉากสำคัญอย่าง คอนเสิร์ต Live Aid ที่จัดหนักจัดเต็ม การได้ดูการแสดงนี้อีกครั้งบนจอเงิน ทำให้เรารู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกำลังดูวงดนตรีร็อคทำการแสดงอีกครั้งจริง ๆ ไม่ใช่วงหน้าเหมือนที่ออกมาเล่นโคฟเวอร์ เพราะทุกท่วงท่าที่มาเล็คแสดงทำให้เราเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า เขาคือ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี จริง ๆ มันยิ่งทำให้โชว์ใน Live Aid ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนต่อมาคือ ชุดนักแสดงทำที่รับบทเป็น ไบรอัน เมย์, โรเจอร์ เทย์เลอย์, จอห์น ดีคอน และนักแสดงสมทบที่รับบทเป็นผู้จัดการวงและผู้จัดการค่ายเพลง รวมถึงแฟนสาวอย่างแมร์รี่ก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดียวกัน
นักแสดงสมทบที่รับบทเป็นสมาชิกในวงควีนได้อย่างดี
ข้อเสียหลักของหนังเรื่องนี้ก็คือ แนวทางของเรื่องและตัวบทที่แม้มันจะถูกจัดไว้และไล่เรียงอารมณ์ไปถึงช่วงไคลแมกซ์สุดท้ายอย่างงานคอนเสิร์ท Live Aid (ซึ่งก็ทำได้ถึงมากๆ) แต่เมื่อมองดี ๆ แล้ว ตัวเนื้อเรื่องแทบจะเล่าชีวประวัติของวงเป็นเส้นตรงเอามาก ๆ แถมบางช่วงก็ขาดมิติเชิงลึกที่บางครั้งเราก็อยากรู้เกี่ยวกับตัวของ เฟรดดี้ หรือ ฟารูค บัลลาซาร์ มากกว่านี้ กลายเป็นว่า บทได้แต่เล่าถึงที่มาของเรื่องราวในการตั้งคำถาม “ How ” นั่นคือ อย่างไร ทั้งที่ควรจะตั้งว่า “ Why ” หรือทำไมเสียมากกว่า
เสียงกู่ร้องของ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี จะยังคงขับขานตลอดไป
สรุปแล้ว Bohemian Rhapsody คือหนังชีวประวัติของวงร็อค Queen ฉบับย่นย่อที่เล่าค่อนข้างรวบรัดและมีการแสดงของ รามิ มาเล็ค สวมวิญญาณสะกดคนดูเหมือนเป็นดั่ง เฟรดดี้ เมอร์คิวรี ได้อย่างน่าขนลุก แม้ตัวหนังจะเล่าเร็วและตื้นเขินทางด้านปมดราม่า ทั้งเรื่องรสนิยมทางเพศและความเป็นมาของเพลงไปหน่อย แต่ฉาก Live Aid ในช่วงไคลแมกซ์ก็ทำให้เรารู้สึกตื้นตันถึงความยิ่งใหญ่ของฟร้อนท์แมนและวงในตำนานเช่นนี้จริง ๆ
3.5 / 5
Bohemian Rhapsody (2018)
Directed by Bryan Singer
Screenplay by Anthony McCarten
Story by Anthony McCarten and Peter Morgan

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา