30 ต.ค. 2019 เวลา 05:00 • ประวัติศาสตร์
“ลอนดอน (London) เมืองหลวงแห่งสหราชอาณาจักร” ตอนที่ 1
“ลอนดิเนียม”
ลอนดอน (London) เมืองหลวงที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและเป็นเมืองหลวงของสหราชอาณาจักร
เมืองนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจซ่อนอยู่ ซึ่งตัวผมก็เคยได้ไปเที่ยวอังกฤษเมื่อปีพ.ศ.2557 และได้เที่ยวลอนดอนด้วย และผมเองก็พบว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่ดี น่าเที่ยวและสวยจริงๆ ครับ
วันนี้ผมจะเล่าเรื่องของเมืองนี้ให้ฟังครับ
แต่ก่อนจะเล่าถึงลอนดอน ต้องเล่าถึงอังกฤษซะก่อน
บริเวณของอังกฤษในปัจจุบัน พบว่ามีมนุษย์อาศัยอยู่แล้วตั้งแต่ 5,000 ปีก่อน โดยผู้อาศัยบนเกาะนี้ เดิมทีคือ “ชาวเซลต์ (Celts)”
ชาวเซลต์ (Celts)
ต่อมา ชาวโรมันได้พยายามจะรุกรานดินแดนอังกฤษ และสามารถข้ามช่องแคบอังกฤษได้สำเร็จใน 55 ปีก่อนคริสตกาลแต่ก็ต้องถอยกลับไปเนื่องจากสู้กับสภาพอากาศและการต่อต้านจากชนพื้นเมืองไม่ไหว
1
ค.ศ.43 (พ.ศ.586) กองทัพโรมันจำนวน 40,000 นายได้ยกทัพมารุกรานอังกฤษ
1
กองทัพโรมันรุกรานอังกฤษ
ตอนนั้นชาวโรมันได้ปกครองดินแดนในบริเวณยุโรปปัจจุบัน ซึ่งกว้างใหญ่ไพศาล
แต่ “จักรพรรดิคลอดิอุส (Emperor Cladius)” จักรพรรดิโรมันทรงต้องการจะยึด “บริแทนเนีย (Britannia)” หรืออังกฤษให้เข้ามาอยู่ในอาณาจักรของพระองค์ และพระองค์ก็ทรงทำได้สำเร็จ โดยพระองค์ได้ยกทัพเข้ามาทางแม่น้ำเทมส์
จักรพรรดิคลอดิอุส (Emperor Cladius)
ภายหลังจากยึดอังกฤษได้แล้ว พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าชายฝั่งทางเหนือของแม่น้ำนั้นเป็นจุดที่ดีที่สุดในการตั้งถิ่นฐาน พื้นดินก็เหมาะในการสร้างอาคาร
ชาวโรมันจึงได้ทำการสร้างสะพาน บ้านเรือน และร้านค้าต่างๆ และตั้งชื่อเมืองนี้ว่า “ลอนดิเนียม (Londinium)” โดยคาดว่าตั้งชื่อตามชนเผ่าดั้งเดิมที่อาศัยในบริเวณนี้
1
ลอนดิเนียมเติบโตเป็นเมืองเล็กๆ แต่รุ่งเรืองและอุดมสมบูรณ์ ชาวโรมันได้มีการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์กับชาวเผ่าท้องถิ่น พ่อค้าต่างก็เข้ามาทำการค้าในลอนดิเนียม เรือสินค้ามากมายต่างนำเข้าเครื่องเทศมาจากตะวันออก รวมถึงนำน้ำมันและเนื้อปลามาจากอิตาลีและสเปน
ในเวลานั้นยังไม่มีการสร้างป้อมปราการหรือกำแพงเมือง ซึ่งชาวลอนดิเนียมก็ไม่ได้กังวลอะไร พวกเขาคิดว่าเมืองของพวกเขานั้นปลอดภัยจากผู้รุกราน
แต่ในปีค.ศ.60 (พ.ศ.603) “ราชินีบูดิคา (Boudica)” ราชินีแห่งเผ่าไอซ์นิ (Iceni) ได้ยกทัพจำนวน 120,000 นายบุกลอนดิเนียม
ราชินีบูดิคา (Boudica)
เผ่าไอซ์นิ (Iceni) เป็นชนเผ่าที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ทางตะวันออกของอังกฤษ โดยทัพนี้นำโดยราชินีบูดิคา พระองค์ทรงเกลียดพวกโรมัน เนื่องจากพวกโรมันได้ยึดครองอาณาจักรของพระองค์ อีกทั้งยังเคยข่มเหงพระธิดาของพระองค์อีกด้วย
ชาวลอนดิเนียมต่างรีบหนีออกจากเมือง ส่วนคนที่ไม่หนีก็ถูกกองทัพไอซ์นิบุกโจมตี ชาวเมืองต่างถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก และกองทัพไอซ์นิก็ได้ทำการเผาเมือง
กองทัพไอซ์นิโจมตีลอนดิเนียม
แต่ต่อมาราชินีบูดิคาก็ต้องพ่ายแพ้แก่กองทัพโรมัน แต่ลอนดิเนียมก็ได้ถูกเผาเป็นจุนไปแล้ว
ที่ผ่านมานั้นลอนดิเนียมเป็นเมืองเล็กๆ เป็นเพียงเศษเสี้ยวเมื่อเทียบกับอาณาจักรโรมัน
แต่อีก 50 ปีต่อมา ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป
ลอนดิเนียมได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้ใหญ่โตหรูหรากว่าเดิม มีตลาดขนาดใหญ่ มีโรงละครให้ประชาชนเข้าชมการแสดงการต่อสู้กับสัตว์ร้ายและการต่อสู้ของเหล่ากลาดิเอเตอร์
ช่วงประมาณปีค.ศ.200 (พ.ศ.743) ลอนดิเนียมก็ได้มีกำแพงเมืองที่ทำมาจากหินคอยป้องกันตัวเมือง และมีประตูเมืองกว่าหกแห่งซึ่งเต็มไปด้วยทหารยาม
ประชากรในเมืองก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนมีประชากรมากถึง 45,000 คน มีทั้งพ่อค้า ทหาร ช่างฝีมือ และอีกหลากหลายอาชีพ
และในเวลานั้น ก็ได้มีการตั้งชุมชนทางใต้ของชายฝั่งแม่น้ำ เรียกว่า “ซักเวิร์ค (Southwark)”
ค.ศ.410 (พ.ศ.953) ลอนดิเนียมตกอยู่ในภาวะวิกฤต ทหารลอนดิเนียมต้องเตรียมการป้องกันการรุกรานจากอนารยชนหรือ “บาร์บาเรียน (Barbarian)”
1
ลอนดิเนียมตกอยู่ในภาวะชุลมุน พ่อค้าต่างก็ออกไปทำการค้ายังดินแดนอื่น ผู้คนต่างทิ้งเมือง ย้ายไปที่อื่น และภายในปีค.ศ.450 (พ.ศ.993) ลอนดิเนียมก็ได้กลายเป็นเมืองร้าง
1
แต่ถึงจะเป็นเมืองร้าง แต่ที่ตั้งของลอนดิเนียมนั้นก็อยู่ในบริเวณที่ดีมาก ทำให้ในราวปีค.ศ.600 (พ.ศ.1143) ได้มีชาวเผ่าจากเยอรมนี คือ “ชาวแซกซัน (Saxons)” ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานทางตะวันตกของกำแพงโรมันและเรียกบริเวณที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานว่า “ลันเดนวิค (Lundenwic)”
4
ในขณะที่ชาวแซกซันในลันเดนวิคเริ่มจะรุ่งเรืองและมั่งคั่ง เมืองนี้ก็ได้กลายเป็นเป้าหมายในการรุกราน
ค.ศ.851 (พ.ศ.1394) กองเรือไวกิ้งได้ล่องมาตามแม่น้ำเทมส์ และเข้าโจมตีลันเดนวิคอย่างรวดเร็วและป่าเถื่อนราวสัตว์ร้าย
1
กองทัพไวกิ้งได้ทำการเผาบ้านเรือนและฆ่าทุกคนในลันเดนวิค
ต่อมา เป็นเวลากว่า 150 ปีที่ชาวไวกิ้งและชาวแซกซันได้สู้รบกันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ในดินแดนนี้ และในที่สุด เมืองนี้ก็ได้กลับคืนสู่ชาวแซกซัน
1
ค.ศ.1042 (พ.ศ.1585) “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี (Edward the Confessor)” กษัตริย์ชาวแซกซันได้มีรับสั่งให้สร้างพระราชวังในบริเวณที่เรียกว่า “เวสต์มินสเตอร์ (Westminster)”
1
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดธรรมสักขี (Edward the Confessor)
นอกจากพระราชวังแล้ว ยังมีการก่อสร้างโบสถ์ วิหารอีกมาก และ “โบสถ์มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey)” สถานที่ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและฝังพระบรมศพพระมหากษัตริย์อังกฤษ ก็ได้สร้างเสร็จเรียบร้อย
โบสถ์มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ (Westminster Abbey)
25 ธันวาคม ค.ศ.1066( พ.ศ.1609) “พระเจ้าวิลเลียมที่ 1 (William I)” หรืออีกพระนามคือ “พระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต (William the Conqueror)” ก็ได้ประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ที่โบสถ์มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
1
พระเจ้าวิลเลียมผู้พิชิต (William the Conqueror)
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้สร้างปราสาทอีกสามแห่งในลอนดอนเพื่อเสริมสร้างอำนาจบารมีของพระองค์
หนึ่งในปราสาทที่พระองค์มีรับสั่งให้สร้างนั้นคือ “หอคอยลอนดอน (Tower of London)” ซึ่งต่อมาสถานที่แห่งนี้ก็มีประวัติที่ยาวนานเช่นกัน
บทต่อไปของลอนดอนจะเป็นอย่างไร ติดตามต่อในตอนหน้านะครับ
โฆษณา