Google เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับพนักงานมากๆ ซึ่ง Eric ได้ถ่ายทอดผ่านหนังสือ 'How Google Works' อย่างเต็มที่ ตอนนี้ผมจึงอยากจะเล่าให้ฟังถึง กระบวนการในการสรรหาของ Google ที่มีเอกลักษณ์และน่าจะสามารถนำไปปรับใช้ได้เหมือนกัน
อย่าลืมว่า คนเกรด A จะดึงคนเกรด A หรือ A+ แต่ถ้าคุณเผลอเอาคนเกรด B เข้ามา เขาจะหาคนเกรด B หรือ C มาให้คุณ ดังนั้น มันคุ้มที่จะเสียเวลาหาคนที่คุณคิดว่าใช่จริงๆครับ นอกจากจะได้คนเก่งยังลดต้นทุนหลายอย่างเลยละครับ
เรื่อง Willing to Learn นี่สำคัญมากถึงมากที่สุดนะครับ โดยเฉพาะในโลกที่อะไรๆก็เปลี่ยนอย่างรวดเร็วแบบนี้ การเรียนรู้จะช่วยให้เราไม่ยึดติดกับความรู้หรือกรอบความคิดเดิม Google เองก็ให้น้ำหนักกับความเป็น Generalist มากขึ้นกว่า Specialist
กระบวนการสรรหาคนแบบ Google
การสรรหาบุคลากรถือเป็นงาน top priority ของ Google ทำให้ Google ให้ความสำคัญกับการสัมภาษณ์มากๆ เพราะเราเชื่อว่าการจะรู้จักคนคนหนึ่งจริงๆไม่สามารถทำได้จากการดู Resume เท่านั้น ลองมาพิจารณาวิธีการของ Google กัน
1. Hiring Committee เพราะการสัมภาษณ์สำคัญมากๆ ทำให้การหาคนที่ Google ไม่สามารถพึ่งความเห็นจากคนแค่คนเดียวได้ ที่ Google จะมีการตั้ง committee สำหรับการสัมภาษณ์โดยกรรมการจะมาจากหลากหลายส่วนและ skill เพื่อให้ได้ภาพที่ครบถ้วน และขจัดความลำเอียงออกไป นอกจากนี้ Google ยังมีการทำ Trusted Interviewer Program เพื่อให้ผู้สรรหามี skill ในการสัมภาษณ์อย่างดี
2. Interview Period ที่ Google มีกฎว่าจะใช้เวลาการสัมภาษณ์ไม่เกิน 30 นาทีต่อครั้ง ถ้าถูกใจแต่ไม่แน่ใจก็เรียกมาใหม่ และจำนวนครั้งก็ไม่ควรเกิน 4 ครั้ง
{first 10-digit prime found in consecutive digits of e}.com
นี่มันสมการอะไร แม้ผมจะชอบเลขแต่ก็อดมึนไม่ได้ครับ และอยู่ๆมันก็มีไอ้เจ้าสมการลึกลับนี้ขึ้นมาบน billboard ที่ Silicon Valley โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร คำตอบคือมันคือ ชื่อ URL ของ Google ที่ใช้สำหรับรับสมัครงาน แต่มันไม่ใช่พิมพ์ยาวๆๆแล้ว.com แบบนี้นะครับ
e คือค่าคงตัวทางคณิตศาสตร์ที่เป็นฐานลอการิทึมธรรมชาติ (ช่างมันใหมครับ) มีค่าประมาณ 2.71828.... ไปเรื่อยๆ และในวงเล็บก็หมายถึง จำนวนเฉพาะ 10 ตัวแรกที่อยู่ในทศนิยมค่า e ถ้าท่านหาได้ค่านั้นจะเป็น URL เข้าไปที่ website รับสมัครงานของ Google นั่นเอง (ไปหาคำตอบเองนะครับ😁)... ใครคิดอแกแล้วเสียใจด้วย เพราะ URL นี้ปิดไปแล้วครับ 😭
หนึ่งในความทึ่งของแคมเปญนี้คือ ความแปลก ประมาณคืดได้ไงเนี้ย แต่มันซ่อนความเป็น Googleyness (แปลว่าความเป็น Google นั่นแหละ) อย่างมาก คนที่จะมานั่งแก้โจทย์นี้ต้องมีคุณสมบัติความขี้สงสัย (curiosity) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของความไฝ่รู้ที่สำคัญ นอกจากนี้ยังต้องฉลาด (ไม่ฉลาดคิดไม่ออกแน่ๆ จริงใหมครับ) นี่คือการคัดเลือก DNA ตั้งแต่ยังไม่เห็น Resume ด้วยซ้ำ
การจะบริหารจัดการเหล่า Smart Creative ไม่ใช่เรื่องง่ายเงินอาจจะไม่ทุกอย่างแต่ก็สำคัญ Google เองก็มีคติเรื่อง great pay for great people เช่นกัน นอกจากนี้การเปิดโอกาสให้เขาเหล่านั้นมีพื้นที่สร้างผลงานอย่างมีอิสระ เคารพความต่างทั้งความคิดและคุณลักษณะอื่นๆ ก็เป็นกุญแจที่สำคัญในการบริหาร Smart Creative เช่นกัน