- เรากล่าวบุคคลผู้ไม่ มีเครื่องกังวลผู้ไม่ถือมั่น
- เรากล่าวผู้ตัดสังโยชน์ได้ ทั้งหมด ไม่สะดุ้งเลย ล่วงธรรมเป็นเครื่องข้องแล้ว พรากโยคะทั้ง ๔ ได้แล้ว
- เรากล่าวผู้ที่ตัดชะเนาะคือความโกรธ เชือก คือ ตัณหา หัวเงื่อน คือทิฐิ ๖๒ พร้อมทั้งสายโยง คือ อนุสัย เสียได้ ผู้มีลิ่มสลักอันถอดแล้ว ผู้ตรัสรู้แล้ว
- เรากล่าวผู้ไม่ประทุษร้าย อดกลั้นได้ซึ่งคำด่าว่า การทุบตีและการจองจำ ผู้ มีกำลังคือขันติ ผู้มีหมู่พลคือขันตี
- เรากล่าวผู้ไม่โกรธ มีวัตร มีศีล ไม่มีกิเลสอันฟูขึ้น ฝึกตนแล้ว ทรงไว้ซึ่งร่างกายมีในที่สุด
- เรากล่าวผู้ไม่ติดอยู่ในกามทั้งหลาย ดุจน้ำไม่ติด อยู่ในใบบัว ดุจเมล็ดพันธุ์ผักกาดไม่ติดอยู่บนปลายเหล็กแหลม
- เรากล่าวผู้รู้ชัดความสิ้นไปแห่งทุกข์ของตน ในศาสนา นี้แล ผู้ปลงภาระแล้วพรากกิเลสได้หมดแล้ว
- เรากล่าวผู้มีปัญญาลึกซึ้ง มีเมธา ผู้ฉลาดในทางและมิใช่ทาง ผู้บรรลุถึง ประโยชน์อันสูงสุด
- เรากล่าวผู้ไม่เกี่ยวข้องด้วยคน ๒ พวก คือ คฤหัสถ์และบรรพชิต ไม่มีความอาลัยเที่ยวไป มีความ ปรารถนาน้อย
- เรากล่าวผู้วางอาชญาในสัตว์ทั้งหลาย ทั้งผู้ที่สะดุ้งและมั่นคง ไม่ฆ่าเอง ไม่ใช้ผู้อื่นให้ฆ่า
- เรากล่าวผู้ไม่ปองร้าย ผู้ดับเสียได้ในผู้ที่มีอาชญาในตน ผู้ไม่ยึดถือในผู้ ที่มีความยึดถือ
- เรากล่าวผู้ที่ทำราคะ โทสะ มานะ และมักขะ ให้ตกไปแล้ว ดุจเมล็ดพันธุ์ผักกาดตกไปจากปลายเหล็กแหลม
- เรากล่าวผู้เปล่งถ้อยคำไม่หยาบ ให้รู้ความกันได้ เป็นคำจริงซึ่งไม่เป็นเหตุทำใครๆ ให้ข้องอยู่
- ก็เรากล่าวผู้ไม่ถือเอาสิ่งของยาวหรือสั้น น้อยหรือใหญ่ งามและไม่งาม ซึ่งเจ้าของมิได้ให้แล้วในโลก
- เรากล่าวผู้ไม่มีความ หวังทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า ผู้สิ้นหวัง พรากกิเลสได้หมดแล้ว
- เรากล่าวผู้ไม่มีความอาลัย รู้แล้วทั่วถึง ไม่มีความ สงสัย หยั่งลงสู่นิพพาน ได้บรรลุแล้วโดยลำดับ
- เรากล่าวผู้ละทิ้งบุญและบาปทั้ง ๒ ล่วงธรรมเป็นเครื่องข้องได้แล้ว ไม่ มีความเศร้าโศก ปราศจากธุลี บริสุทธิ์แล้ว
- เรากล่าวผู้ มีความยินดีในภพหมดสิ้นแล้วผู้บริสุทธิ์ มีจิตผ่องใส ไม่ขุ่นมัวดุจ พระจันทร์ที่ปราศจากมลทิน
- เรากล่าวผู้ล่วงทางอ้อม หล่มสงสาร โมหะเสียได้ เป็นผู้ข้ามถึงฝั่ง เพ่งฌาน ไม่หวั่นไหว ไม่มีความสงสัย ดับกิเลสได้แล้วเพราะไม่ถือมั่น
- เรากล่าวผู้ละกามในโลกนี้ได้เด็ดขาดเป็นผู้ไม่มีเรือน บวชเสียได้ มี กามราคะหมดสิ้นแล้ว
- เรากล่าวผู้ละตัณหาในโลกนี้ได้ เด็ดขาด เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้น มีตัณหาและภพหมดสิ้นแล้ว
- เรากล่าวผู้ละโยคะที่เป็นของมนุษย์ แล้วล่วงโยคะที่ เป็นของทิพย์เสียได้ ผู้พรากแล้วจากโยคะทั้งปวง
- เรากล่าวผู้ละความยินดีและความไม่ยินดีเป็นผู้เยือกเย็น หาอุปธิมิได้ ผู้ครอบงำโลกทั้งปวง มีความเพียร
- เรากล่าวผู้รู้จุติ และอุปบัติของสัตว์ทั้งหลาย โดยอาการทั้งปวง ผู้ไม่ข้อง ไปดี ตรัสรู้ แล้ว
- เรากล่าวผู้ที่เทวดา คนธรรพ์ และมนุษย์รู้คติไม่ ได้ ผู้สิ้นอาสวะแล้ว เป็นพระอรหันต์
- เรากล่าวผู้ไม่ มีเครื่องกังวลในขันธ์ทั้งที่เป็นอดีต อนาคตและปัจจุบัน ไม่มีเครื่อง กังวล ไม่ยึดถือ
- เรากล่าวผู้องอาจ ประเสริฐ เป็น นักปราชญ์ แสวงหาคุณใหญ่ชนะมาร ไม่มีความหวั่นไหว ล้างกิเลส หมด ตรัสรู้แล้ว
- เรากล่าวผู้ระลึกชาติก่อนๆ ได้ เห็นสวรรค์และอบาย และถึงความสิ้นไปแห่งชาติแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์ นามและโคตรที่เขากำหนดกัน เป็นบัญญัติในโลก นามและโคตรมา แล้วเพราะการรู้ตามกันมา ญาติสาโลหิตทั้งหลาย กำหนดไว้ในกาลที่ บุคคลเกิดแล้วนั้นๆนามและโคตรที่กำหนดกันแล้วนี้ เป็นความเห็น ของพวกคนผู้ไม่รู้ ซึ่งสืบเนื่องกันมาสิ้นกาลนาน