7 พ.ย. 2019 เวลา 04:46
บทที่ ๗ นิทานจากดวงดาว
“ดาวสวยมากครับคืนนี้” ข่อหล่อเปิดเรื่อง
“เหงารึ คิดฮอดบ้านสินะ” ฮอย ฮิมมูนถาม
“ว่าจะไม่คิด”
“ธรรมดา สมัยอ้ายไปต่างที่ ก็เป็น”
“ไปไสแหน่อ้าย ไกลบ่”
“ไปวังเวียง เมืองเล็กอยู่ระหว่างเวียงจันทร์กับหลวงพระบาง
ไปเฮ็ดงานวิจัยธรรมชาติกับวรรณกรรม ไปอยู่ครึ่งปี ว่าแม่นไปใช้ชีวิตแบบบ้าน ๆ สมัยเฮายังน้อย แล้วจะมีความสุข บ่ต้องคิดหยังหลาย
แต่ความขัดแย้งมันก็มี อย่าว่าแต่ความขัดแย้งกับผู้อื่นหรือระหว่างแนวคิดที่แตกต่าง แต่ความขัดแย้งในใจมันมี หลายกว่านั้น"
“เป็นจังได๋น้อครับ ผมบ่เข้าใจ”
“ประมาณว่า ชีวิตที่มีเป้าหมายแต่ต้องแลก กราฟชีวิต ที่เป็นพ่อหม้ายอยู่แล้ว น้องเคยอ่าน 'เรื่องเล่าจากดาวดวงหนึ่ง' ของ 'พิษณุ ศุภ.' บ่
นั่นแหละประมาณนั้นแหละ”
“ผมกะบ่เข้าใจอยู่ดี”
“เรื่องนั้น เป็นความขัดแย้ง ของคนสองคน จนต้องแบ่งดาวคนละครึ่ง การทำงาน บ่ว่าอยู่ไส ก็มีปัญหา แม้ว่า บ่มีปัญหากับคน ก็อาจจะมีปัญหากับความคิด วิธีการ หรือบ่กะ ธรรมชาติ แต่ที่สุด เฮาก็ต้องพิจารณา ว่าเฮาจะอยู่ เพื่อหยัง เพื่อความถูกต้อง เป็นธรรม ของใผ แล้วเฮาอยากได้อิหยังที่สุด เฮาก็ต้องพิจารณา ชั่งน้ำหนัก ถ้าต้องเลือก อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ควรจะเลือกหรือบ่ มันก็เป็นสิทธิของเฮาเอง หรือเจ้าว่าใด๋”
บักข่อหล่อฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจ แต่จริงๆ แล้ว ความหมายของคำเว้าของอ้ายลาว มันหมายถึงหยังแหน่นอ
ดวงจันทร์ค่อยโผล่พ้นทิวไม้และหลังคาบ้านจัดสรร ทอแสงนวล
อาบใบหน้าด้านขวาของคนทั้งคู่ที่มองไปยังผืนน้ำในห้วยวังนอง
สายลมหนาวปลายเดือนธันวาคมโชยพัด หอมกลิ่นแปลงผักของ
ไทบ้านมาจากที่ไหนสักแห่ง ไม่ไกล มันทำให้เขาก็อดคิดถึงเพื่อน
กะปอมก่าไม่ได้
เอาล่ะ เขาควรบอกพี่ฮอยดีไหม ว่า เขามีนวนิยายเยาวชนเรื่องหนึ่ง อยากถามพี่ว่า ควรส่งไปเพื่อรับการพิจารณาลงตีพิมพ์ในวารสารประจำเมืองไหม เห็นมีคอลัมน์นวนิยายสั้น ไม่จำกัดแนว
แต่ดูเหมือนอ้ายลาวจะรับรู้ได้ด้วยพลังจิต เพิ่นพูดขึ้นลอยๆ ว่า
“คั่นเจ้าสิส่งไปวารสาร อ้ายว่า เอามาเฮ็ดเล่มกันเองเลย ดีบ่”
แล้วคำปรึกษา คำแนะนำ การวางแผนทำหนังสือเล่มแบบออนดีมานด์ของทั้งคู่ ก็ไหลเรื่อยคล้ายสายลมเย็นโชยสบาย พาหมอกเหมยลอยเวี่ยเรี่ยเหนือผืนน้ำห้วยวังนอง ลอยไป ลอยไป ไม่มีที่สิ้นสุด
กะปอมก่ากับข่อหล่อ เพื่อนกัน | ทางหอม
ทางหอม : ภาพ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา