Modern China History 17
"กำเนิดสาธารณรัฐโซเวียตจีน"
หลังจากเหตุการณ์การพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เมืองฉางซา มณฑลหูหนานในปี ค.ศ.1927 ทำให้เหมาเจ๋อตงต้องล่าถอยหลบหนีขึ้นไปบนภูเขาเพื่อดำเนินการวางแผนการต่อสู้ทางชนชั้นตามหลักการคอมมิวนิสต์ต่อไป
เนื่องจากขณะนั้นเหมาเองได้ถูกตามล่าจากพรรคก๊กมินตั๋ง ทำให้จำเป็นต้องจัดตั้งกองทหารป่าขึ้นมา โดยรวบรวมคนมาจากกลุ่มโจรที่อยู่ในท้องถิ่น เรียกว่า "กองทัพแดง" นอกจากนั้นยังมีกลุ่มคนที่แปรพักตร์จากก๊กมินตั๋งเข้ามาร่วมด้วย
กองกำลังสำคัญที่เข้ามาเพิ่มในปี ค.ศ. 1928 คือ กองกำลังภายใต้การนำของ จูเต๋อ ผู้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี (สามารถย้อนไปอ่านเหตุการณ์ที่เมืองหนานชางได้ ตอนที่15 ครับ)
การเข้าร่วมของจูเต๋อและกองกำลังภายใต้การบังคับบัญชา
จากการร่วมมือกันของเหมาและจูเต๋อ และการใช้กลยุทธ์เข้าโจมตีพื้นที่ที่อำนาจรัฐอ่อนแอหรือเข้าไปไม่ถึง และยึดอำนาจปกครองประชาชน จากนั้นจึงจัดตั้งหน่วยงานปกครองระดับต้นหรือเขตปลดปล่อยขึ้น แต่ถ้าเมื่อใดกองกำลังรัฐบาลเข้ามาปราบปรามก็จะถอยหนีไปยึดพื้นที่อื่นจัดตั้งเขตปลดปล่อยใหม่อีกครั้ง
ทำให้เขตปลดปล่อยขยายกว้างขึ้นจนครอบคลุมพื้นที่ทางภาคใต้ของมณฑลเจียงซีไว้ได้เกือบทั้งหมด เรียกชื่อบริเวณนี้ว่าเขตปลดปล่อยพรรคคอมมิวนิสต์จีนหรือสาธารณรัฐโซเวียตจีน หรือ เจียงซีโซเวียต ในวันที่ 7 เดือน พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1931
การจัดตั้งเจียงซีโซเวียต ในปี 1931 มณฑลเจียงซี
จากนั้นเหมาเจ๋อตงจึงเริ่มใช้โครงการปฏิรูปที่ดิน นโยบายนี้คือการจัดสรรค์ที่ดินจากนายทุน ชาวนาผู้ร่ำรวย ไปให้ชาวนาผู้ยากจน โดยคำนึงถึงความสามารถในการผลิตของผู้ถือครองที่ดินด้วย ซึ่งต่างจากหลักการคอมมิวนิสต์ดั้งเดิมจากรัสเซียที่จะยึดที่ดินทั้งหมดจากผู้มั่งมีเข้าส่วนกลางและแบ่งเท่าๆกันให้กับชาวไร่ชาวนา
ถ้าเหมาทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดปัญหาผลผลิตตกต่ำขึ้นอันเนื่องมาจากความสามารถในการผลิตที่ต่างกันของชาวไร่ชาวนา ชาวไร่ชาวนาคนหนึ่งอาจจะเหมาะกับงานหนึ่งแต่ไม่เหมาะกับอีกงานหนึ่งก็ได้
โครงการนี้ทำให้กองกำลังของเหมาเติบโตมากยิ่งขึ้นจากการเข้าร่วมของชาวไร่ชาวนา
ในช่วงปี ค.ศ. 1930-1934 รัฐบาลของพรรคก๊กมินตั๋งได้ส่งกองทัพมาปราบปรามอยู่ถึง 5 ครั้ง
โดย 4 ครั้งแรก เหมาเจ๋อตงใช้กลยุทธ์แบบจรยุทธหรือสงครามนอกรูปแบบ คือ ไม่เผชิญหน้าศัตรูแต่ใช้วิธีการลอบโจมตี และจะล่าถอยถ้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เหตุที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่ากองทัพก๊กมินตั๋งนั้นมีทั้งกำลังพลและอาวุธที่เหนือกว่านั่นเอง
ภาพแสดงการสู้รบระหว่างคอมมิวนิสต์จีนและก๊กมินตั๋ง
ครั้งที่ 5 ในปี ค.ศ. 1934 ในครั้งนี้เจียงไคเช็คได้เรียนรู้ถึงข้อผิดพลาดที่ผ่านมา ที่จะเข้าโจมตีทันทีทำให้กองกำลังขาดการติดต่อและง่ายต่อการถูกลอบโจมตี เขาจึงหันมาใช้วิธีล้อมกรอบฝ่ายกำลังคอมมิวนิสต์จีน และค่อยๆบีบเข้าไปทีละน้อยเพื่อให้ฝั่งตรงข้ามหมดหนทางสู้
เจียงไคเช็คเตรียมรบปราบปรามโซเวียตจีนในครั้งที่5
แต่เหมาก็คิดแก้เกมนี้เช่นเดียวกันโดยเสนอให้ผนึกกำลังตีฝ่าวงล้อมทัพก๊กมินตั๋งออกไป จากนั้นค่อยวกกลับมาโจมตีด้านหลังของศัตรู
แต่อย่างไรก็ตามหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์สูงสุดในตอนนั้นไม่เห็นด้วยคิดแค่เพียงว่าหน้าที่ของกองทัพแดงคือปกป้องแผ่นดินที่ยึดมาได้ไม่ใช่ล่าถอย
สุดท้ายกำลังทัพคอมมิวนิสต์จีนก็ไม่อาจสู้กำลังทัพก๊กมินตั๋งจึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด และได้ตีฝ่าวงล้อมหนีออกไปจากมณฑลเจียงซี
เหตุการณ์ต่อไปที่ผมจะเล่าคือเหตุการณ์ที่แสนจะทรหดอดทนของสมาชิกของคอมมิวนิสต์จีน จะเป็นอย่างไรโปรดติดตามได้ในตอนถัดไปครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณที่ติดตามและรับชมครับ/\
References:
5.ประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่ (History of Modern China), รศ.มาตยา อิงคนารถ, ภาควิชาประวัติศาสตร์
- 9
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
