11 พ.ย. 2019 เวลา 10:01 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
กระแส ketogenic diet ยังคงนิยมกันต่อเนื่องในผู้ป่วยมะเร็ง ไม่แพ้กับกัญชากับมะเร็ง
การใช้ คีโต คือการเปลี่ยนสรีรวิทยาของร่างกายโดยการกิน เราให้กินไขมันเป็นหลักแทนคาร์โบไฮเดรต เพื่อจะให้ร่างกายเราใช้คีโตนแทน
ซึ่งเรามีความเชื่อที่หล่อหลอมกันมาตลอดว่าเซลล์มะเร็งชอบน้ำตาล และโปรตีน งั้นก็นึกง่ายๆ ไม่กินน้ำตาลกับโปรตีน ไปกินไขมันซะก็คงจะไม่เติมอาหารให้มะเร็ง
แต่! ...
มะเร็งคือเซลล์ที่ฉลาด เปรียบประดุจ สามีเราเวลาจะแอบมีเมียน้อยมักจะหาทางมีให้จงได้ถ้าเราจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ยังมีอยู่เสมอ และเราก็คงเห็นคนไข้กิน keto บางคนไม่ได้ช่วยแถมจะทรมานกว่าเดิม ว่าไม่ได้กินของอร่อยคุณภาพชีวิตเสีย
ถึงจุดนี้เราต้องย้อนกลับมาถามว่าเราอยากให้คนไข้เป็นอย่างไร?
แต่ด้วยองค์ความรู้ด้าน molecular ไปไกลขึ้นทำให้เรารู้ว่า โดยปกติเราจะมียีน BDH1 และ OXCT1 อยู่ ซึ่งสองตัวนี้พูดง่ายๆ คือ เป็นยีนที่บอกไมโตรคอนเดรียให้ดึงคีโตนมาใช้เป็นพลังงานแทนแหล่งพลังงานอื่น
ดังนั้นเซลล์มะเร็งใดถ้าเราสามารถตรวจที่ชิ้นเนื้อและพบว่าเซลล์มะเร็งนั้นมีการแสดงของ BDH1 และ OXCT1 จำนวนมาก เคสนี้ให้กิน ketogenic diet ไปอาจไม่มีประโยชน์
มีการทดสอบโดยนำเซลล์มะเร็งที่ ดึงยีนBDH1 และ OXCT1 ไม่ให้ทำงาน ก็จะพบว่าเซลล์นั้นตอบสนองต่อ ketogenic อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นควรมองให้รอบด้านก่อนใช้อาหารใด
เชื่อไหมว่าผักพื้นบ้าน ก็อาจจะเจอว่าสามารถควบคุมการแสดงออกของยีนเหล่านี้ได้สักวันหนึ่ง และอย่าลืมดู nutrition status คนไข้ด้วยไม่ใช่ขาดสารอาหารมากผอมมาก แต่จะให้กิน keto แบบนั้นอาจจะยิ่งผอมและขาดสารอาหาร ภูมิคุ้มกันตก เมื่อภูมิคุ้มกันตกก็ต่อสู้มะเร็งไม่ได้
ดังนั้นจะใช้สิ่งใดต้องคิดให้รอบด้านเลย ยิงถ้ามีแลบใดช่วยตรวจยีนดังกล่าวในชิ้นเนื้อได้จะขอบคุณยิ่ง และยังมี set gene อื่นอีก 16 ตัวตอนนี้ที่ทราบว่ามันช่วยให้เซลล์มะเร็งใช้คีโคนได้ ดังนั้นถ้าตรวจได้เราจะสามารถแพลนอาหารกับคนไข้ได้
แต่ที่ยากคือยีนในเซลล์มะเร็งไม่เสถียรและเซลล์นี้มียีนนี้แต่อีกเซลล์อาจไม่มีก็ได้ ประหนึ่งสะมีจะมีเมียน้อย ทำยังไงมันก็จะแอบมี
โฆษณา