15 พ.ย. 2019 เวลา 12:00 • ความคิดเห็น
ว่าด้วยเรื่องความรัก ❤️
วันนี้ขอพักเรื่องยา เรื่องโรคไว้ก่อนละกัน มาชวนคุยเรื่องเบา ๆ ในค่ำคืนวันศุกร์ที่หลายคนจะได้พักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์
หัวข้อที่เราจะคุยกันในวันนี้คือเรื่องของความรักในแบบที่เป็นจริง พร้อมเสนอมุมมองให้เราได้รู้ว่า "รักอย่างไร ให้เป็นทุกข์น้อยที่สุด"
มุมมองของความรัก
ก่อนอื่นขอน้อมนำคำตรัสของพระพุทธเจ้าให้พวกเราได้ทราบ และโปรดท่องให้ขึ้นใจ เนื้อความมีอยู่ว่า
“ความโศก ย่อมเกิดมาจากสิ่งอันเป็นที่รัก ความกลัว ย่อมเกิดมาจากสิ่งอันเป็นที่รัก เมื่อพ้นแล้วจากสิ่งอันเป็นที่รัก ความโศก ย่อมไม่มี แล้วความกลัว จะมีมาแต่ไหนเล่า”
ธรรมชาติของคนเราเมื่อมีความรัก เราย่อมกลัวการเปลี่ยนแปลงและการพลัดพราก ใช่หรือไม่ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงและพลัดพรากเกิดขึ้นย่อมเกิดความโศก (ทุกข์) นั่นคือเรามีความทุกข์เกิดขึ้นแล้ว
แล้วเราต้องทำอย่างไรให้ความรักนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงและการพลัดพรากน้อยที่สุด ? หรือไม่เกิดเลย เป็นไปได้ไหม ?
บางคนอาจจะตอบว่า "ก็ไม่ต้องรักใครเลยสิ"
ถูกต้องครับ ถ้าไม่มีความรักแล้ว ความกลัวและความโศกย่อมไม่มี แต่ในทางปฏิบัติคนส่วนมากยังปล่อยวางรสอร่อย (คือความสุข) ของความรักไม่ได้ จึงต้องเผชิญกับความกลัวและความโศกอยู่ตลอดเวลา
ความกลัว ความโศก เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ
รักอย่างไร ให้เป็นทุกข์น้อยที่สุด ? จึงเป็นที่มาของเรื่องราวในคำคืนนี้ครับ
ผมขออธิบายด้วยคำสอนของพระพุทธองค์นะครับ แล้วเราจะรู้เลยว่าพระพุทธองค์สอนเรื่องความรักไว้แยบคายมาก
พระสูตรหลักจะเป็นพระสูตรเรื่อง “คู่บุพเพสันนิวาส” เพราะการรักกันเป็นเรื่องราวของคนสองคนที่มีจิตรักใคร่กันเกิดขึ้น เนื้อความมีดังนี้
“ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองพึงหวังพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน และในสัมปรายภพ ทั้งสองเทียว พึงเป็นผู้
❤️ มีศรัทธาเสมอกัน
❤️ มีศีลเสมอกัน
❤️ มีจาคะเสมอกัน
❤️ มีปัญญาเสมอกัน
ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ ภรรยาและสามีทั้งสอง เป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่โดยธรรม เจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุกทั้งสองฝ่าย มีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว ทั้งสอง เป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก.”
1
รักกันจนแก่เฒ่า
คู่รักต้องมี 4 ข้อที่เสมอกันครับ
1. ศรัทธา เป็นเรื่องของความเชื่อ ในที่นี้คือเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ปลงศรัทธาลงที่พระองค์แต่เพียงผู้เดียว สมมติต่างศาสนาขึ้นมายากเลยครับ เพราะจะมีความขัดแย้งทางความเชื่ออยู่ในใจลึก ๆ เกิดขึ้น แม้เราจะบอกทุกศาสนาสอนให้เราเป็นคนดีเหมือนกัน แต่เนื้อแท้ไม่เหมือนกัน
2. ศีล คือการรักษาศีล 5 แค่นี้พอครับ 5 ข้อเอง แต่รักษาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย คนศีลไม่เท่ากันอยู่ด้วยกันไม่ได้จริง ๆ ครับ
3. จาคะ คือการเสียสละ การแบ่งปัน ทำบุญทำทาน เพื่อละความตระหนี่ ข้อนี้ตรง ๆ ครับ คนชอบให้กับคนที่ขี้เหนียว คิดแต่จะเอาฝ่ายเดียว อยู่ด้วยกันยากครับ
4. ปัญญา เป็นเรื่องของการทำสมาธิ (ละนิวรณ์5) หรือการเห็นเกิด-ดับ (ความไม่เที่ยง) ปัญญาฝึกไปด้วยกันได้ครับ
4 ข้อที่เสมอกัน
ทั้ง 4 ข้อจะเสมอกันได้ต้องเป็นความรักแท้ของคู่รักที่มีต่อกัน เพราะหากไม่ได้รักกันจริง ๆ แล้ว การที่ต้องอยู่ด้วยกันก็จะเกิดความทุกข์ขึ้นมาเป็นระยะๆ
บ่อยครั้งที่เมื่อความรักเริ่มต้น ความกลัวก็จะตามมาทันที และมักจะมีสิ่งที่เรียกว่า คิดเอง เออเอง เพื่อตอบสนองความอยากของตน
ดังนั้นอย่าปล่อยให้ความอยากแซงความเป็นจริง อย่าคิดอะไรเกินเลยความเป็นจริง และถ้าไม่ได้สร้างเหตุเพื่อความได้อยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีตมากพอ เหตุที่สร้างในปัจจุบันก็อาจจะไม่ทำให้สมหวังได้ ก็ควรเผื่อใจไว้ด้วย
1
ดังนั้นหากใครไม่อยากเป็นทุกข์กับความรัก ก็ย้อนกลับไปอ่านประโยคที่ให้ท่องนะครับ
แต่ถ้าใครยังอยากชิมรสอร่อยของความรักอยู่ก็ควรทำ 4 ข้อนี้ให้เสมอกันครับ เสมอกันมากเท่าไหร่ความทุกข์จากความรักก็จะน้อยลงมากเท่านั้น แต่ถ้า 4 ข้อนี้ห่างกันมากเท่าไหร่ ความทุกข์จากความรักก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น เช่นกันครับ
ค่ำคืนนี้ก็คงจบเพียงเท่านี้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา