Happy Money ฉลาดใช้ ให้ความสุข
Elizabeth Dunn / Michael Nortan
เงินสามารถช่วยคุณซื้อความสุขได้อย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราสามารถใช้เงินที่ต่างออกไป แต่ให้ความสุขที่มากกว่า ด้วยหลักคิด 5 ประการ ดังนี้
1) จงซื้อประสบการณ์
โรงแรมน้ำแข็งของสวีเดน ตั้งอยู่เหนือเส้นอาร์กติกเซอร์เคิล ขึ้นไปราว 200 กม. มีเตียงที่ทำจากก้อนน้ำแข็งในอุณหภูมิห้อง ติดลบ 5
เมื่อถามนักท่องเที่ยวว่า ระหว่างเข้าพักโรงแรมน้ำแข็งบนเขาเมืองควิเบก กับโรงแรมในเมืองรัฐฟลอริดา อยากพักโรงแรมไหนมากกว่า
ลูกค้าส่วนใหญ่ตอบว่า โรงแรมในเมืองที่รัฐฟลอริดา น่าอยู่และสบายกว่า แต่.....แทบทุกคนตอบว่า โรงแรมน้ำแข็งน่าจดจำมากกว่า และ ความน่าจดจำก็ชนะไปถึงร้อยละ 72
จากแบบสอบถามนี้ มีอีกคำถามว่า หากย้อนกลับไปได้ จะยังซื้อประสบการณ์เหล่านี้หรือไม่ ร้อยละ 83 ตอบว่า สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาเสียใจที่สุดคือ การนิ่งเฉย แล้วปล่อยให้ประสบการณ์อันน่าจดจำหลุดลอยไป
การใช้เงินเพื่อซื้อประสบการณ์ ต่างจากการใช้เงินเพื่อซื้อสิ่งของอย่างไร
การซื้อประสบการณ์ ทำให้เกิดเรื่องราวที่น่าจดจำ ความประทับใจ มีความงดงามขึ้นตามกาลเวลา และได้รับความสุขทุกครั้งที่นึกถึง
ยิ่งเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าแล้ว ความเบิกบานแห่งจิตใจจะคงอยู่อย่างยาวนาน
แต่การซื้อสิ่งของนั้น อาจให้ความสุขในครั้งแรกที่เราได้สิ่งของนั้นมาครอบครอง ครั้นเมื่อวันเวลาผ่านไป ความสุขนั้นจะลดน้อยถอยลง หรือมาคิดได้ทีหลังว่า ไม่ควรซื้อสิ่งของเหล่านั้นเลย
2) จงเปลี่ยนความสุขเล็กน้อยให้เป็นรางวัล
แนวคิดที่ว่า ความร่ำรวยแทรกแซงความสุขเรียบง่ายในชีวิต คือสาระสำคัญของวรรณกรรมเยาวชนคลาสสิค ซึ่งตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2507 เรื่อง ชาร์ลีกับช็อกโกแลต
ชาร์ลี อาศัยในบ้านขนาดเล็ก 2 ห้อง มีเตียงนอน 1 ตัว และปู่ย่าตายายอีก 4 คน
เด็กในละแวกบ้านที่มีฐานะดีกว่าชาร์ลี สามารถซื้อช็อกโกแลตมาทานได้ปีละหลายแท่ง แต่สำหรับครอบครัวชาร์ลี ต้องออมเงินให้พอที่จะซื้อช็อกโกแลต 1 แท่ง ในวันเกิดของเขา
ทุกครั้งเขาจะทะนุถนอมราวกับมันเป็นทองแท่ง ใช้เวลาทั้งวันนั่งมองก่อนจะฉีกกระดาษห่อจากมุมหนึ่งเพียงเล็กน้อย เพื่อจะกัดทีละนิดพอให้รับรู้รสชาด
วันต่อมาเขาก็จะกัดอีกหน่อย และทำแบบนี้ซ้ำๆ ทำให้เขาสามารถเพลิดเพลินกับช็อกโกแลตแท่งประจำปีได้อีกหลายวัน นี่เป็นความสุขเล็กๆ ของชาร์ลี
ในอีกมุมหนึ่ง บางครั้ง คนเราก็ไม่สนใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ นักศึกษาปีสุดท้ายเมื่อรู้ว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยจะหมดลง พวกเขาจะพยายามซึมซับเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา
พวกเขาเริ่มเก็บภาพมุมต่างๆ ที่เคยประทับใจ ถ่ายภาพหมู่กับเพื่อนร่วมชั้น และเขียนไดอารี่
นั่นหมายถึงว่า หากสิ่งใดที่จะไม่อยู่กับเราแล้ว จะทำให้เราโหยหา หรือชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้น
ความคิดนี้ ช่วยอธิบายเรื่องความเพลิดเพลินใกล้ตัว เรามักมองข้ามความสุขที่อยู่แค่เอื้อม และแสวงหาสิ่งที่อยู่ไกลออกไป เราจึงพลาดความสุขที่แทบไม่ต้องเสียสตางค์ไปโดยปริยาย
3) จงซื้อเวลาว่างให้ตัวเอง
ผู้คนมักยอมเสียสละเวลา เพื่อประหยัดเงินเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของมนุษย์
การสำรวจสำมะโนประชากรในสหรัฐ รายงานว่า ในแต่ละปี ชาวอเมริกันใช้เวลากว่า 2 สัปดาห์ ในการเดินทางไปทำงาน ซึ่งมากกว่าวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามปกติของพวกเขา
บุคคลที่ใช้เวลาเดินทางในแต่ละวันอย่างยาวนาน มักจะพึงพอใจในชีวิตน้อยลง แม้จะนำมาซึ่งบ้านหลังใหญ่ รถเก๋งสุดหรู และงานที่ดีกว่า
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความพอใจในบ้านและรถจะน้อยลง รวมถึงความมุ่งมั่นในงานก็จะลดน้อยลงไปด้วย จะเหลือความพอใจกับเวลาว่างอันน้อยนิดของตนเอง เท่ากับว่า การเดินทางเป็นตัวบ่อนทำลายเวลาลงไปโดยปริยาย
คำแนะนำผู้เขียน:
แทนที่เราจะมองเวลาในฐานะเครื่องมือในการหาเงิน เราควรมองเวลาที่จะเพิ่มความสุขมากขึ้น ให้เป็นเป้าหมายของชีวิต
ในครั้งหน้า จะมาต่อหลักคิด ข้อที่ 4 - 5 ซึ่งจะเปลี่ยนมุมมองการใช้เงินของคุณไปตลอดกาล......
ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจค่ะ😃😊
Tips : เมื่อคุณจะใช้เงิน ให้คุณหยุดถามตัวเองว่า เรากำลังใช้เงินนี้สร้างความสุข คุ้มค่าสมกับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ 💲💰💵💰💲💶
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
