1.หัวหมู ทั่วๆ ไปแล้วนิยมต้มทั้งหัวเพื่อใช้แก้บน (คนไทยแก้บนจะต้มขาวหรือต้มพะโล้ คนจีนแก้บนเทพเจ้าจะต้มแล้วทาสีแดง)
แต่หากวันไหนที่ร้านไม่มีการสั่งต้มหัวหมูจากลูกค้าแล้วนั้น ทางคนขายหมูจะทำการเลาะชำแหละเอาส่วนนี้ออกมาก โดยภาษาตลาดสมัยนี้เขาเรียกอวัยวะส่วนนี้ว่าหน้ากากหมู เพราะจะเลาะเอาหนังที่หุ้มกระโหลกศีรษะหมูออกมาพร้อมกันกับหูหมูเป็นชิ้นเดียวกัน ส่วนกระโหลกจะผ่าเอาสมองหมูแยกออกมาต่างหาก ซึ่งคนทางภาคเหนือมักนิยมกินแอ๊บอ่องออหรือหมกสมองหมูกัน ส่วนคนจีนนิยมนำไปนึ่งจิ้มน้ำจิ้มหรือนำไปต้มเป็นน้ำแกงรับประทานกัน
ในส่วนเนื้อหน้ากากหมูนั้นโดยส่วนมากมักจะนำไปใช้ต้มเป็นส่วนใหญ่ จะต้มพะโล้ หรือต้มเสร็จแล้วเอามาหั่นกินแกล้มน้ำจิ้มแซ่บๆ หรือเอาไปทำเป็นต้มแซ่บหัวหมู นี่ก็อร่อยเหาะเลยทีเดียวเชียว ส่วนของกะโหลกสามารถนำไปต้มน้ำซุปแทนกระดูกเล้ง(กระดูกสันหลัง) หรือกระดูกคาตั๊ง(กระดูกตามข้อของหมู)ได้ ส่วนของเหงือกและเพดานปากของหมู ก็ต้มแล้วกินได้เช่นกัน มีลักษณะกรุบกรอบดังในภาพด้านบนนี้นี่เอง ส่วนลูกตาหมูนั้นมีคนรับประทานเช่นกัน เพียงแต่อาจะไม่เป็นที่นิยมนัก ในหัวหมูยังมีลิ้นอีกอย่างที่นิยมเลาะออกมาจำหน่ายเพื่อนำไปประกอบอาหาร ไม่ว่าจะต้มหรือย่างแล้วจิ้มน้ำจิ้มแซ่บๆ นะคุณเอ๋ย อร่อยเหาะ
2.คอหมู อันนี้ไม่ต้องอธิบาย จิ้มแจ่วเท่านั้น!!! เนื้อส่วนนี้ของหมูถือว่ามีราคาแพงที่สุดในบรรดาเนื้อหมูด้วยกันตีคู่มากับนมหมูเลยทีเดียว เนื้อส่วนนี้จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-2.5 กก. ต่อตัว
3.สันคอหมู เป็นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างหัวไหล่หมูและสันนอกหมู มีความนุ่มพอประมาณ ลักษณะเนื้อมีสีเข้มที่สุดในบบรดาเนื้อหมู มีลายเส้นของมันหมูมากกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ ทั่วไป นิยมนำไปหมัก ทอด ทำเสต็ก หรือใช้ผัดก็ยิ่งอร่อยเพราะความนุ่มของมันนั่นเอง
4.หัวไหล่หมู(สะโพกขาหน้า) นิยมนำไปทำอาหารสำหรับเมนุที่ต้องใช้ต้ม, ตุ๋น หรือเคี่ยว เพราะเป็นส่วนที่เหนียวที่สุดของเนื้อหมูทั้งตัว หรือในบางคนที่มีทุนทรัพย์น้อยหน่อย ก็มักจะเลือกส่วนนี้ไปใช้ เนื่องจากมีราคาถูกที่สุดในบรรดาเนื้อทั้งหลายนั่นเอง เนื้อส่วนนี้จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-25 กก. ต่อตัว
5.สันนอกหมู อันนี้ส่วนมากจะนิยมผัด, ทอด หรือใช้ทำเสต็ก หรือจำพวกเมนูที่ต้องการความนุ่ม ซึ่งสันนอกนั้นเขียงหมูโดยทั่วไปมักจะขึ้นหมูส่วนนี้ให้ติดน้ำมันสันเล็กน้อย นัยว่าเพื่อให้เนื้อส่วนนี้อร่อยขึ้น เพราะตัวเนื้อสันนอกนั้นเมื่อปรุงสุกแล้วจะมีลักษณะเนื้อที่แห้งและเป็นเส้นๆ มากกว่าส่วนอื่น ดังนั้นเมื่อมีน้ำมันติดไป เวลาทำเสต็ก จะทำให้เนื้อสันนอกมีความนุ่มแบบไม่ด้านจนเกินไปนัก เนื้อส่วนนี้จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15-20 กก. ต่อตัว
6.สันในหมู เป็นส่วนของเนื้อที่แพงที่สุดในตัวหมู เจ้าตัวสันในนี่เอาจริงๆ แล้วปริมาณต่อหมูหนึ่งตัวที่น้ำหนักไม่เกิน 100 กก. จะมีเนื้อสันในน้ำหนักไม่เกิน 1.2 กก. เท่านั้น คุณสมบัติของเนื้อส่วนนี้นั้นคือ ไม่มีน้ำมันติด เนื่องด้วยมันคือมัดกล้ามเนื้อที่แทรกอยู่ตรงซี่โครงด้านใน ติดกับมันเปลวและอวัยวะภายในของหมู และด้วยความที่มันเป็นกล้ามเนื้อที่ไม่เคยได้ออกแรงหรือบริหารใดๆ ทั้งสิ้น จึงทำให้เนื้อสันในมีความนุ่มเป็นพิเศษ มักนิยมนำไปผัดหรือทำเสต็กด้วยเช่นเดียวกัน
7.สามชั้น ซึ่งก็คือท้องหมูนั่นเอง สำหรับหมูทั่วไปที่ขายตามตลาดมักเป็นลูกหมูธรรมดา ตัวสามชั้นเองจึงมีความหนาตามแบบที่เราเห็นกันอยู่ แต่หากเป็นแม่หมูแล้วละก็ จะมีที่พิเศษเพิ่มเติมคือนมหมูนั่นเอง ตัวสามชั้นสามารถประกอบอาหารได้หลากหลายชนิดตามแต่ถนัด แต่นมหมูจะใช้ย่างเพื่อรับประทานเพียงอย่างเดียว ซึ่งนมหมูนั้นมีลักษณะเท็กซ์เจอร์แบบกรุบๆ หยุ่นๆ เล็กน้อย มีลักษณะไขมันแทรกมากกว่าคอหมู ราคานมหมูก็ถือว่าแพงพอๆ กับคอหมูเลยทีเดียว เนื้อส่วนนี้จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8-12 กก. ต่อตัว
8.สะโพกขาหลัง เนื้อส่วนนี้เป็นเนื้อที่มีปริมาณมากที่สุดในตัวหมู เมื่อชำแหละกระดูกออกแล้วนั้น จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30 กก. ต่อตัวเลยทีเดียว มีลักษณะเนื้อที่นุ่มกำลังดี เหมาะสำหรับการนำไปทำอาหารทุกประเภท ซึ่งส่วนมากแล้วภัตตาคารหรือร้านอาหารมักนิยมใช้เนื้อส่วนนี้เพื่อนำไปปรุงเป็นอาหารเพื่อจำหน่ายนั่นเอง
9.ขาหมู เนื้อส่วนนี้จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-12 กก. ต่อตัว ด้วยความที่ต้องประกอบอาหารแบบติดหนัง จึงมักมีเมนูที่ใช้การต้มหรือตุ๋นเคี่ยวเป็นหลัก
10.หางหมู เนื้อส่วนนี้จะมีน้ำหนักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 0.5-0.8 กก. ต่อตัว นิยมนำไปทำซุปหางหมู หรือต้มพะโล้