24 พ.ย. 2019 เวลา 15:50 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ภาค 2 ตอนที่ 9
วันที่ 12 ธันวาคม 2561(ต่อ)
ผมเดินทางมาถึงท่าเรือเกาะลอยที่ศรีราชา เพื่อที่จะขึ้นเรือไปเกาะสีชัง
ซึ่งช่วงเวลาก็บ่ายๆเย็นๆ แต่ผมก็คิดว่าคงไปและกลับมาทันก่อนมืด
ท่าเรือเกาะลอย
ผมเดินไปซื้อตั๊วเรือ ราคา 50 บาท ซึ่งผมรู้สึกว่าการเดินทางไปเที่ยวเกาะไม่ใช่อะไรที่ยากเย็นเลย แถมค่าเดินทางถูกมาก เพราะแต่ก่อนผมเคยอยู่แถวนี้ เวลาไม่รู้จะทำอะไรในวันหยุด ผมก็จะนั่งเรือข้ามไปเกาะรับลมเย็นๆและเดินเล่น พอตกเย็นก็กลับ บางทีการได้ออกมาข้างนอกมันก็ให้อะไรเราเยอะเหมือนกัน เพราะถ้าอยู่ห้องในวันหยุด แป๊บเดียวก็หมดวันละ ผมรู้สึกอย่างนั้น
เวลาวันหยุดผมก็เลยจะหาที่ไปเสมอ ถึงแม้บางทีจะขี้เกียจมาก
แต่ผมรู้ว่า ถ้าผมเอาตัวเองออกจากห้องไปได้ และหาวิธีลากตัวเองออกจากห้องให้ได้ แล้วไปให้ลมตีหน้าซะหน่อย มันจะหายขี้เกียจเอง
เวลาเดินเรือ
สำหรับศรีราชานั้น แต่ก่อนประมาณสองสามปีที่แล้ว ผมก็เคยทำงานอยู่ที่นี่
เกาะสีชังนั้นเป็นเกาะที่สงบ คนไม่มากเท่าไหร่ และครั้งนี้ผมก็กลับมาอีกครั้งเพียงแต่จุดประสงค์อาจจะแตกต่างออกไปนิดหน่อย ถ้าให้เลือกระหว่างเกาะล้าน กับเกาะสีชัง ผมจะชอบเกาะสีชังมากกว่า เพราะมันสงบกว่านั้นเอง
นักท่องเที่ยวขากลับ
พอผมได้ตั๊วเรือ ผมก็ขึ้นเรือไป รอเค้าออกเรือ จะเป็นเรือไม้สภาพเก่าๆดูคลาสสิคหน่อย แต่ก็ดูปลอดภัยดี นักท่องเที่ยวก็เริ่มทะยอยมา เป็นบรรยากาศชิวๆแตกต่างจากเกาะล้านชัดเจน หรืออาจจะเป็นเพราะผมมาเที่ยวตอนบ่ายๆเย็นๆ ก็เลยดูคนไม่เยอะก็ได้
บรรยากาศบนเรือ
จากนั้นสักพัก เรือก็ออกเดินทาง ค่อยๆขยับเคลื่อนตัวช้าๆออกจากฝั่งไป
การล่องเรือไปรับลมแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไม่น้อย
เรือกำลังเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้ก็มีทั้งนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน ที่มาซื้อของจากฝั่งศรีราชาเพื่อข้ามไปเกาะสีชัง พอออกเดินเรือไปได้ซักพักนักท่องเที่ยวก็พากันเดินออกไปนั่งเล่นอยู่หัวเรือเพื่อรับลม คุยกันสนุกสนาน ก็พอเข้าใจได้เพราะการได้มาเที่ยวกับเพื่อนๆแบบนี้ก็น่าจะสนุกไม่น้อย
นักท่องเที่ยวต่างชาติ
จนสักพักเราก็มาถึงท่าเรือ ท่าเทววงษ์(ท่าล่าง) เกาะสีชัง
ถึงเกาะสีชัง
ผมเลือกเดินเล่นอยู่บริเวณท่า ในระหว่างที่ผมสังเกตดูนั่นนี่ไปเรื่อยๆก็มีเรือลำใหม่เข้ามาจอด นักท่องเที่ยวก็ทะยอยเดินลงเรือ ผมก็สังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ดูท่าทางจะเป็นชาวจีน เดินมาอ้วกอยู่ริมท่าเรือ ดูท่าจะเมาเรือมาผมก็เลยเดินเข้าไปเอาน้ำขวดที่ผมติดมายื่นให้เค้าไป เค้าก็รับไปแล้วเอาไปล้างหน้าล้างตา สักพักก็มีเพื่อนผู้หญิงของเค้าอีกคนมาดูแลลูบหลังให้ ผมเห็นมีคนดูละ ผมก็เลยเดินสำรวจไปที่อื่นต่อ
บริเวณท่าขึ้นเรือ
พอเดินเข้าไปอีกหน่อย จะเจอทางที่เป็นสะพานทอดเข้าสู่สีชัง ซึ่งเค้าจะมีรถมอเอตร์ไซให้เช่าอยู่ ซึ่งแต่ก่อนผมมาก็จะก็มีเช่าไปขี่รถเล่นรอบเกาะบ้าง แต่ครั้งนี้ผมคงเดินๆแถวนี้ ไม่ไปไหนไกล
ซุ้มทางเข้า
พอเริ่มเย็นๆผมก็ซื้อตั๊วเพื่อนั่งเรือกลับ ในขากลับนั้นเค้าขับเรือไปแวะรับคนที่เกาะขามใหญ่ ซึ่งจะเป็นเกาะเล็กๆอยู่ใกล้ๆกันกับเกาะสีชัง ดูแล้วบรรยากาศก็น่าชิวดี เพราะผมมองเห็นคนกางเต๊นท์ตกปลาอยู่ที่ริมเกาะ
เกาะนี้ก็น่าสนใจ แต่คงเอาไว้ก่อน
เกาะขามใหญ่
พอผมกลับถึงฝั่ง ผมก็คิดว่าจะแวะไปทักทายพี่ท่านหนึ่งที่เคยทำงานด้วยกัน เค้าก็มาทำงานอยู่แถวอ่าวอุดมพอดี ผมก็เลยถือโอกาสแวะเข้าไปเยี่ยมเยือน เราก็หาที่นั่งกินข้าวถามไถ่กันไป
แวะทักทาย
หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็ได้พากินขี่รถไปที่สะพานปลา อ่าวอุดมต่อ
ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชวนให้นึกถึง เพราะแต่ก่อนผมชอบมาที่นี่ในตอนเย็นๆหลังเลิกงาน เวลาไม่รู้จะไปไหน หรืออยากมานั่งดูดวงอาทิตย์ตก รับลมเย็นๆ
ผมจะชอบมานั่งโง่ๆที่สะพานแห่งนี้ ซึ่งจะเป็นสะพานที่เรือประมงหาปลามาจอดเทียบกันตรงนี้
สะพานปลา
และก็เรืออีกหลายประเภท ก็มาจอดกันตรงนี้
ยามค่ำคืน
ถึงแม้ว่าโซนนี้จะเป็นโซนอุตสาหกรรม มีทั้งเรือประมง เรือสินค้า แต่สะพานปลาแห่งนี้ก็เป็นที่พักผ่อนย่อนใจของคนแถวนี้ มาปูเสื่อปิกนิก กินข้าว เครื่องดืมกันที่จะพานแห่งนี้ในตอนเย็นๆ จึงเป็นเหมือนพื้นที่ผสมผสานอะไรหลายๆอย่างเข้าด้วยกัน แต่สำหรับคนที่อยู่ที่นี่ ทำงานที่นี่ การมีสถานที่แบบนี้ ก็พอให้เค้าเติมแรง เติมพลัง ให้สามารถสู้งานต่อไปได้
และผมก็เป็นอีกหนึ่งคนในครั้งอดีต ที่เลือกจะมาสะพานแห่งนี้เพื่อเติมพลังให้ตัวเองได้สู้งานต่อไปได้

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา