1 ธ.ค. 2019 เวลา 12:59 • ไลฟ์สไตล์
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ตราบนั้นจะมีการให้ และการรับซึ่งกันและกัน เพราะชีวิตของเราผูกพันกับการให้ และการรับในทุกมิติของชีวิต ทั้งการให้ และการรับนำมาซึ่งความสุขความพึงพอใจ ความหิว ความอยากได้หรือความปรารถนาอยากได้เป็นธรรมชาติ ถ้าเราไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ และได้ไม่เพียงพอจะรู้สึกมีความกดดัน เขาจะดั้นด้นจนกว่าจะได้ในสิ่งที่ต้องการ เมื่อได้แล้วก็จะคลายความเครียด สบายใจ มีความพึงพอใจ แต่ละคนมีความต้องการ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม การยอมรับ ความรู้ ความสามารถ ฯลฯ
แต่เราต้องแยกความอยากกับความต้องการออกจากกัน ความต้องการเป็นเรื่องของความจำเป็นต้องมี เมื่อได้รับแล้วก็จะมีความพึงพอใจ แต่ความอยากเป็นความต้องการไร้กรอบขอบเขต มีเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ ความอยากอยู่คู่กับความละโมบ มีความอยากที่ไม่คำนึงถึงว่าจะได้มาอย่างไร และได้มาเท่าไรก็ไม่พอ ฉะนั้น แต่ละคนจะต้องเฝ้าดูตัวเองที่จะดูแลความต้องการให้อยู่ในความจำเป็น และควบคุมความอยากไม่ให้ครอบงำชีวิต
แต่การรับจะต้องมีการให้ การให้พื้นฐานมาจากการให้ตัวเอง เราต้องเรียนหนังสือ ต้องทำงานเพื่อที่จะได้สิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิต ผู้ที่ขาดความรับผิดชอบต่อความต้องการของตนเองจะทำให้เกิดความขาดแคลนในชีวิต และจะไม่มีอะไรจะให้ผู้อื่น
ธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างนั้นเป็นธรรมชาติลักษณะบูรณาการ นั่นคือ ธรรมชาติ ดิน น้ำ ลม ไฟ มนุษย์ สัตว์ พืช ต้นไม้ ใบหญ้า ดำรงชีวิตอยู่ได้จากการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ไม่มีชีวิตใดอยู่โดยลำพัง แต่ละชีวิต แต่ละสิ่ง จะต้องให้ซึ่งกันและกัน จึงจะดำรงค์ชีวิตอยู่ได้ เมื่อใดก็ตามถ้าธรรมชาติแห่งการให้แก่กันและกันหยุดลง ความตาย ความหายนะก็จะอุบัติขึ้นทันที บางคนนอกจากจะไม่ให้แล้วยังทำลายให้เกิดความเสียหาย ขณะนี้ความสมดุลทางธรรมชาติกำลังถูกทำลาย บรรยากาศบนท้องฟ้ากำลังถูกทำลาย แม่น้ำลำคลองถูกทำลาย
ถึงเวลาที่เราต้องหันมา “ให้” เพื่อคืนความสุข ความอุดมสมบูรณ์สู่ธรรมชาติ ฉะนั้น นอกจากจะให้แก่ตนเองอย่างถูกต้อง และเหมาะสมแล้ว เราจะให้ผู้อื่นเช่นเดียวกับที่ผู้อื่นได้ให้เรา ตัวเราเองต้องการความรู้ ความเข้าใจ กำลังใจ มิตรภาพ การอภัย ฯลฯ ผู้อื่นก็ต้องการเช่นกัน
ความต้องการในสังคมมีหลากหลาย มีคนมากมายขัดสนมีไม่พอหรือไม่มีเลย ขณะที่อีกคนหนึ่งมีมากจนเหลือเฟือ ถ้าเราเรียนรู้การแบ่งปันน้ำใจหรือสิ่งของ ช่องว่างความขาดแคลน ความอดอยาก ความเหลื่อมล้ำจะแคบลง
คริสตจักรคือสังคมแห่งการให้ เพราะพระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการให้ ความสุขอันเกิดจากการให้นั้นยิ่งใหญ่กว่าการรับ และไม่ต้องรอจนกว่าเรามีเหลือจึงจะให้ เราพร้อมจะให้แม้ไม่มีเหลือเฟือ การทำให้ผู้อื่นมีความสุขจะให้ความสุขแก่จิตใจเกินที่จะอธิบาย
“ ไ ม่ เ ชื่ อ ล อ ง ท ำ ดู ”
อ.วีรชัย โกแวร์
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : www.romyenchurch.org

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา