28 ม.ค. 2020 เวลา 12:59 • ไลฟ์สไตล์
มีผู้แบ่งความเจริญเติบโต และการพัฒนาชีวิตของมนุษย์ออกเป็นสามระยะ คือ
1. ระยะพึ่งพาผู้อื่น
2. ระยะพึ่งพาตนเอง
3. ระยะพึ่งพากันและกัน
ขณะที่เราอยู่ระยะที่หนึ่ง เราช่วยตัวเองไม่ได้ เราต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่นที่จะมีชีวิตอยู่ได้ กล่าวคือ ต้องการคนป้อนนมป้อนน้ำ การเคลื่อนที่ไปมาต้องพึ่งพาให้คนอุ้มพาเราไป จูงมือไป ต้องมีคนสอนให้พูด ให้อ่าน ให้เขียน ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ทุกคนต้องรู้สึกสำนึกในบุญคุณผู้ให้การพึ่งพา ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ ครู อาจารย์ บุคคลเหล่านี้ช่วยเราขณะที่เราพึ่งพาตนเองไม่ได้
ต่อมาเมื่อเราเติบโตขึ้น การพัฒนาทางกายภาพทางสมองค่อย ๆ ขยายตัว ช่วยให้ชีวิตเรามีความสามารถช่วยตนเองได้ รับประทานอาหารเองได้ แต่งตัวเอง เลือกสิ่งของเอง ไปไหนมาไหนเอง เลือกคู่ชีวิตเอง เลือกงานเอง ที่สำคัญเลือกวิถีชีวิตเอง
การพึ่งพาตนเองได้เป็นรากฐานอันสำคัญของเวทีชีวิต บอกถึงความเข้มแข็งมีความเป็นตัวตน ชีวิตของเขาจะไม่โลเล และไม่ยอมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนหนึ่งคนใดหรืออิทธิพลของสิ่งหนึ่งสิ่งใดง่าย ๆ เราโตขึ้นพร้อมตระหนักว่าชีวิตของเรา เราต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่มอบชีวิตให้อยู่ภายใต้อิทธิพลสังคมหรือคำวิจารณ์ของคนอื่น แต่นั่นไม่ใช่จุดหมายสุดท้ายของชีวิต จุดสุดท้ายคือการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ชีวิตของมนุษย์ถูกออกแบบมาไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่ แต่ให้อยู่กันเป็นหมู่คณะ และให้ความไพบูลย์ของชีวิต เกิดจากการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน นี่คือความเป็นผู้มีวุฒิภาวะ การแยกกันอยู่อย่างอิสระ ไม่มีการประสานสัมพันธ์กันและกัน ไม่มีสามัคคีธรรมก็เท่ากับแยกกันตาย
มีนิสัยสองประเภทที่ทำให้การประสานสัมพันธ์มีอุปสรรค นิสัยประเภทแรก คือ นิสัยของผู้มีปมด้อย เขามีความรู้สึกตลอดเวลาว่าตัวเราด้อยกว่าผู้อื่นในทุก ๆ ด้าน ตนคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเข้าร่วมในสังคม ฉะนั้น เขาจะแยกตัวเอง ไม่ร่วมกิจกรรมใด ๆ ส่วนนิสัยที่สอง มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับนิสัยแรก คือ ถือว่าตัวเองเก่งไม่ต้องการทำงานเป็นทีม ท่าทีของเขาคือ เราไม่ต้องการเจ้า ทั้งนิสัยปมด้อยกับนิสัยปมเขื่อง ต้องได้รับการปรับเข้าหากัน ฝ่ายหนึ่งต้องตระหนักว่าไม่มีใครจะดีพร้อมหมด ตัวเรามีคุณค่าแม้จะมีความสามารถมีสถานภาพที่แตกต่างกันหรือด้อยกว่าคนอื่น ไม่มีใครด้อยค่าจนถึงขนาดไม่มีใครต้องการ อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่ทะนงตนจนรู้สึกว่าทุกอย่างจะทำเอง ไม่ต้องการเพื่อน ไม่ต้องการที่ปรึกษา และสามัคคีธรรม เราเป็นมนุษย์ที่ต้องการสังคม เราต้องการซึ่งกันและกัน ไม่มีใครใหญ่หรือเล็กจนปฏิเสธซึ่งกันและกัน ความสำเร็จ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของแต่ละคน ล้วนมีความสัมพันธ์ ความสามัคคีธรรมกันและกันเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่ง
.. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ที่มา : www.romyenchurch.org | อ.วีรชัย โกแวร์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา